Red Hat ผู้ให้บริการโซลูชัน Open Source ชั้นนำระดับโลก ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีงาน Red Hat Summit 2023 ซึ่งหนึ่งในขีดความสามารถใหม่ที่เปิดตัวออกมาคือ “Red Hat Openshift AI” ที่เป็นการเสริมศักยภาพด้วย Generative AI ที่กำลังเป็นกระแสในปัจจุบัน เข้าไปในแพลตฟอร์ม OpenShift
โดย Red Hat OpenShift นั้นเป็นแพลตฟอร์มเรือธงของบริษัทที่นิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลายในการทำ Application Container สำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันด้วยการอิงจาก Kubernetes แพลตฟอร์ม Container ที่ Open Source เช่นกัน
Red Hat OpenShift AI นั้นจะเป็นแพลตฟอร์มในอีกระดับขั้นที่อิงจากเทคโนโลยี Open Source ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยี Generative AI เข้าไปเพื่อสนับสนุนการทำงานของนักพัฒนาระบบและนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล จะสามารถบริหารจัดการโมเดล AI/ML และแอปพลิเคเคชันได้แบบครบวงจร (Lifecycle) จากแพลตฟอร์มเดียว ตั้งแต่การเริ่มต้นทดสอบ Train, Serve, Monitor ไปจนถึงการจัดการโมเดลและแอปไปสู่ระดับ Production ที่จะทำให้องค์กรสามารถปลดล็อกศักยภาพของ AI ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
โดย Red Hat OpenShift AI จะช่วยลดอุปสรรคในการจัดการโมเดล AI ที่กำลังเป็นกระแสในปัจจุบันอย่างโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Models : LLMs) อย่างเช่น GPT-4 ได้ง่ายขึ้น ด้วยฐานรากที่เป็นมาตรฐานเพื่อสร้างโมเดล AI/ML ในระดับ Production ที่ใช้งานได้ง่าย พร้อมทางเลือกในการทำ Cloud-To-Edge Deployment ได้จากแพลตฟอร์ม ซึ่งผู้ที่เป็น Platform Engieer จะสามารถปรับแต่ง Configuration ที่ตอบโจทย์การขยาย (Scale) ได้ตามความต้องการของ Data Scientist หรือ Developer ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งแพลตฟอร์มยังสามารถปรับแต่ง (Fine-Tune) โมเดลที่มีอยู่ได้เลย ทำให้องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายในการ Train โมเดลเริ่มต้น และเพิ่ม Time To Value ขยายการใช้งาน AI ได้อย่างรวดเร็ว
“Foundation Model นั้นเรียกว่ามีประโยชน์ที่สามารถจับต้องได้จริงสำหรับองค์กร หากแต่มันก็ยังคงต้องมีการลงทุนในการ Train, Fine Tune เพื่อให้ตอบโจทย์กับความต้องการที่เฉพาะเจาะจงขององค์กรแต่ละแห่ง” Chief Technology Officer และรองประธานอาวุโสแห่ง Red Hat คุณ Chris Wright กล่าว “วิสัยทัศน์ของ Red Hat ในเรื่อง AI ระดับองค์กรนั้นจะเป็นการสร้างจากสิ่งที่มีอยู่จริงแล้วอย่าง Red Hat OpenShift AI ที่จะสนับสนุนเป็นรากฐานที่ยืดหยุ่นในการ Train, Maiintenance และ Fine Tune การใช้งาน Foundation Model ในระดับ Production ซึ่ง OpenShift AI นั้นจะยังคงเป็น OpenShift ที่องค์กรไอทีเชื่อใจและเข้าใจมันได้ และยังสามารถขยายผลการดำเนินการใน AI/ML ได้จากความต้องการในวันนี้และอนาคต”