หนึ่งในปัจจัยที่กำหนดความสำเร็จของการนำ Data เข้ามาใช้ในองค์กร คือการเลือกเครื่องมือให้ตอบโจทย์และเหมาะสมกับกระบวนการดำเนินงานอย่างแท้จริง ในโลกทุกวันนี้ที่มีซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์มให้เลือกใช้มากมาย และความท้าทายหลากหลายที่เทคโนโลยีข้อมูลสามารถเข้ามาช่วยแก้ ADPT ได้มีโอกาสพูดคุยกับ SIFT Analytics Group ผู้ให้บริการเครื่องมือวิเคราะห์และจัดการ Data ครบวงจรถึงสถานการณ์ด้านข้อมูลในปี 2023 แนวคิด ปัญหา และอนาคตของการนำองค์กรเข้าสู่โลก Data-driven ในบริบทของธุรกิจไทย จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นติดตามกันได้ในบทความต่อไปนี้
Data ในองค์กรไทยกลายมาเป็นมาตรฐานใหม่อย่างแท้จริง

คุณสุกัญญา กอสนาน หรือคุณอิง Country Manager ที่เข้ามาร่วมพูดคุยกับเราในครั้งนี้นั้นมีประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับข้อมูลและเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลมานานหลายปี คุณอิงจึงสามารถมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา องค์กรในประเทศไทยเปิดรับเทคโนโลยีเข้าไปพัฒนาการทำงานกันมากขึ้น ซึ่งไม่ต่างจากเทรนด์ทั่วโลกที่ Digital Transformation มีการเติบโตเป็นอย่างมาก
สำหรับผู้ที่สนใจแล้ว เราอาจได้เห็นถึงเทรนด์ของการใช้เทคโนโลยีด้านข้อมูลในองค์กรมานานกว่านั้น ทว่าหลายองค์กรในไทยยังมองว่าเป็นเรื่องที่จับต้องได้ยาก มีความซับซ้อนต้องการความรู้เฉพาะทาง และต้องใช้งบประมาณในระดับหนึ่ง ในช่วงวิกฤตโรคระบาดที่ผ่านมานับเป็นจุดตัดที่ลงตัวของเครื่องมือ (Tools) ที่พัฒนาขึ้นมากจนผู้ใช้ทั่วไปสามารถใช้ได้ และ Mindset ที่พร้อมลงทุนและรับเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาในองค์กร ทำให้ในปัจจุบัน องค์กรไทยได้นำเครื่องมือ Data เข้าไปใช้งานกันอย่างแพร่หลายในทุกฝ่ายงาน
คุณอิงเล่าว่าหนึ่งในจุดเปลี่ยนที่สำคัญคือการที่เครื่องมือด้านข้อมูลในปัจจุบันนั้นมีให้เลือกใช้งานเยอะขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้ง่าย รองรับทั้งผู้ใช้ Business Users และ Experts เมื่อธุรกิจเห็นผลลัพธ์จากการใช้งานซอฟต์แวร์ในหนึ่งฝ่ายงาน ก็จะเริ่มขยายการใช้งานไปในแผนกต่างๆให้กว้างขึ้น ทั้งในฝ่ายการเงิน การขาย การผลิต การดำเนินการ โมเมนตัมเช่นนี้ช่วยสร้างให้องค์กรเปิดรับการใช้ Data และเทคโนโลยีอื่นเพิ่มขึ้น
ผลลัพธ์ที่จับต้องได้นี้ช่วยให้สมาชิกทุกคนในองค์กรได้เข้าใจถึงความสำคัญและประโยชน์ของข้อมูลอย่างแท้จริง ซึ่งนำไปสู่วัฒนธรรมการใช้ Data ที่ขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตและสามารถแข่งขันได้เป็นอย่างดี
เครื่องมือ Self-service มาแรง เพราะใคร ๆ ก็ใช้ได้
เทรนด์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนในประเทศไทยและทั่วโลกคือความนิยมของเครื่องมือแบบ Self-service ด้วยการใช้งานที่ง่าย เรียนรู้ได้เร็ว และสามารถเห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็ว ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเครื่องมือประเภทนี้มีธุรกิจเลือกเข้าไปใช้งานจำนวนมาก และในปี 2023 นี้ก็จะยังคงเติบโตต่อเนื่องไป
เครื่องมือแบบ Self-service ในปัจจุบันได้ถูกพัฒนาและมาพร้อมกับความสามารถในการขั้นสูงมากขึ้น ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอย่าง Machine Learning และ Automation ได้อย่างง่าย ๆ และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ในอนาคตอันใกล้นี้ ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลจะกลายมาเป็นสิ่งที่ทุกคนในองค์กรมี องค์กรจะยกระดับการใช้ข้อมูลของตัวเองได้ลึกซึ้งขึ้นมาก ผู้ใช้ทั่วไปในองค์กรจะวิเคราะห์ข้อมูลเก่งขึ้นเรื่อยๆ เป็นโอกาสที่ธุรกิจควรรีบศึกษาและคว้ามา
ในขณะเดียวกัน เครื่องมือ Self-service ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับองค์กรที่เริ่มต้นใช้ข้อมูลบ้างแล้ว และต้องการสร้างวัฒนธรรม Data-driven ให้แพร่หลายยิ่งขึ้น ส่งเสริมทั้งผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในการทำงาน และสร้างประสบการณ์ในการทำงานที่ดีให้กับสมาชิกภายในองค์กร
อย่างไรก็ตาม คุณอิงได้แชร์มุมมองว่าการเลือกใช้ Data Tools นั้นนอกจากความง่ายในการใช้งานสำหรับผู้ใช้ทั่วไปแล้ว หากมีงบประมาณและบุคลากรพร้อม องค์กรควรมองถึงการต่อยอดและผู้ใช้ในกลุ่ม Expert Users ด้วย องค์กรในอนาคตควรมีทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลระดับทั่วไปและระดับสูงเพื่อสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว
Data ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในประเทศไทย
เมื่อถามถึงความแตกต่างในการใช้ข้อมูลในอุตสาหกรรม คุณอิงเล่าว่า โดยธรรมชาติของแต่ละอุตสาหกรรมแล้ว การลำดับความสำคัญและจุดเริ่มต้นในการใช้ข้อมูลนั้นมักต่างกัน เช่นอุตสาหกรรมการให้บริการสาธารณสุขก็จะให้ความสำคัญกับ Compliance และความปลอดภัยของข้อมูลเป็นพิเศษ และการวิเคราะห์ผู้ใช้บริการก็มีบริบทที่แตกต่างจากธุรกิจทั่วไป (เช่น การวิเคราะห์ Readmission Rate, การวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานที่ต้องใช้ความรู้ทางการแพทย์เข้ามาเสริม) ในขณะที่ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) มักเริ่มจากการวิเคราะห์ยอดขาย การตลาด และการเงินขององค์กรอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือและการวิเคราะห์หลายรูปแบบที่องค์กรทุกประเภทสามารถเริ่มต้นได้อย่างง่าย ๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล HR, การเงิน, และการ Forecast ตัวเลขต่าง ๆ ภายในองค์กร หากยังไม่มีเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงกับธุรกิจมากก็สามารถเริ่มต้นได้จากสิ่งเหล่านี้
ความท้าทายหนึ่งที่ทีมงาน SIFT Analytics Group เผชิญอย่างต่อเนื่อง คือการสร้างความเข้าใจและชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของการใช้ข้อมูล โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีระบบงานดั้งเดิมที่เข้มแข็ง เช่น อุตสาหกรรมการผลิต ที่มีอัตราการเปิดรับเทคโนโลยีใหม่เข้าไปใช้น้อยอย่างน่าเสียดาย คุณอิงเชื่อว่าการวิเคราะห์ข้อมูลสามารถช่วยงานอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้ในหลายส่วน เช่น การจัดการ Operation หรือการบริหารต้นทุน โดยในปัจจุบันก็มีตัวอย่างการใช้งานและเครื่องมือเฉพาะทางสำหรับอุตสาหกรรมให้เลือกใช้มาก ดังนั้นจึงอยากแนะนำให้อุตสาหกรรมเหล่านี้ลองศึกษาเกี่ยวกับ Data เพิ่มเติม และค้นหาโซลูชันที่เหมาะสมกับองค์กรเข้าไปทดสอบดู
กรณีตัวอย่าง – SIFT Analytics Group ร่วมสร้างวัฒนธรรมข้อมูลผ่านการให้ความรู้และชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ที่จับต้องได้
คุณอิงเชื่อว่าสมาชิกองค์กรจำนวนมากในปัจจุบันนั้นรับทราบถึงประโยชน์ของการทำงานแบบ Data-driven อยู่แล้วไม่มากก็น้อย แต่สิ่งที่อาจยังขาดไปคือการแสดงให้เห็นว่าข้อมูลจะเข้ามาช่วยพนักงานแต่ละคนในการทำงานได้อย่างไร แนวทางของ SIFT Analytics Group ในการร่วมงานกับธุรกิจคือการเข้าไปช่วยเชื่อมต่อ “ประโยชน์” เข้ากับ “งาน” ที่ทำ เช่นในกรณีการร่วมงานกับบริษัทรายใหญ่แห่งหนึ่งในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ซึ่งเลือกโซลูชันจาก Alteryx เข้าไปใช้งาน
บริษัทดังกล่าวมีธุรกิจแยกย่อยออกเป็นหลายหน่วย ซึ่งแต่ละหน่วยก็มีลักษณะเนื้อหางานที่แตกต่างกันออกไป เป้าหมายของพวกเขาคือการปรับเปลี่ยน “ระบบงาน” ให้ทันสมัยขึ้นและเสริมสร้าง “Mindset” ของสมาชิกภายในองค์กรให้เคยชินกับการใช้ข้อมูลและอ้างอิงข้อมูลในการทำงาน ในระยะเริ่มต้น พวกเขาร่วมมือกับ SIFT Analytics Group จัดโครงการ Analytics Breakthrough by Alteryx ซึ่งในปีถัดมาได้เปลี่ยนชื่อโครงการเป็น Data DIY by Alteryx ที่เปิดโอกาสให้สมาชิกในองค์กรไม่ว่าจะทำงานในฝ่ายใดเข้ามาปรึกษา เสนอไอเดียปรับปรุงวิธีทำงานของตัวเองและหารือร่วมกับผู้เชี่ยวชาญกันว่าจากข้อมูลที่มีอยู่นั้นสามารถทำอะไรได้บ้าง ต้องใช้ข้อมูลส่วนใดเพิ่ม และงานใดที่ข้อมูลจะช่วยได้อีก
การร่วมพูดคุยกันระหว่างผู้ทำงานที่เข้าใจถึงปัญหาเป็นอย่างดีและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลที่รู้จักความสามารถและข้อจำกัดของระบบเช่นนี้ช่วยให้สมาชิกภายในองค์กรเห็นถึงการใช้ข้อมูลและประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยสร้างความเข้าใจ และปรับมุมมองวิธีคิดให้พนักงานเห็นถึงโอกาสในการนำข้อมูลมาใช้ เมื่อใช้ Data แล้วประสบความสำเร็จ ภายในองค์กรก็มีการบอกต่อกันไปและมีไอเดียด้าน Data หลั่งไหลเข้ามาเพิ่ม นับเป็นการเปลี่ยนแปลงจากระดับรากฐานขององค์กรอย่างแท้จริง

แพลตฟอร์มของ Alteryx สามารถจัดการกับข้อมูลได้แบบ End-to-end ตั้งแต่การรวบรวมข้อมูล ทำความสะอาด วิเคราะห์ ใช้ Machine Learning ทำ Automation ข้อมูล ไปจนถึงการทำ Report และแสดงผล จึงเหมาะกับองค์กรใหญ่ที่มีข้อมูลจากหลายแหล่งและต้องการเครื่องมือจัดการกับ Data ที่ทำงานได้ครบครัน (Photo: Alteryx)
ซึ่งในปี 2022 ที่ผ่านมาบุคลากรในองค์กรดังกล่าวได้ทำโครงการเกี่ยวกับ Data ไปแล้วทั้งสิ้น 25 Use cases โดยเน้นไปที่ลักษณะงาน 2 ประเภท ได้แก่
- การวิเคราะห์ข้อมูล (Analytics) ทั้งการวิเคราะห์ระบบการดำเนินงาน (Operation) การทำ Predictive Mainenance, การประเมินการตั้งราคาและทำนายราคาของวัตถุดิบ, การบริหารคลังสินค้า
- การใช้ระบบอัตโนมัติ (Automation) ช่วยลดระยะเวลาในการดำเนินการในเรื่องต่างๆ เช่นการแปลงข้อมูลที่เคยอยู่ในไฟล์ Spreadsheet การเตรียมข้อมูลทำรายงานและสรุปต่างๆ
ทั้ง 25 เคสนี้สอดคล้องกับเป้าหมายการดำเนินการโดยรวมขององค์กรในการปรับระบบงานในทันสมัย เป็นดิจิทัล ลดระยะเวลาในการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับสมาชิกในองค์กร
Getting Started with Data – เริ่มต้นที่ความเข้าใจ รู้จักตัวเอง รู้จักเทคโนโลยี
มาถึงปี 2023 นี้ โลกมีโซลูชันด้านข้อมูลให้เลือกใช้มากมายและมีความท้าทายทางธุรกิจใหม่ๆเกิดขึ้นตลอดเวลา ทีมงาน ADPT จึงขอให้คุณอิงช่วยแนะนำแนวทางการเริ่มต้นและพัฒนาองค์กรด้านข้อมูลที่นำไปปรับใช้ได้จริงอย่างรวดเร็ว โดยทางคุณอิงได้แนะนำว่าสิ่งที่จะไม่ทำให้ธุรกิจหลงทิศในการเดินทางสู่ Data Culture คือ “ความเข้าใจ”
- เข้าใจการทำงานของ Data และความสามารถในการช่วยองค์กร รวมถึงข้อจำกัด
- เข้าใจการดำเนินการขององค์กร ทำงานอย่างไรในแต่ละแผนก
- เข้าใจปัญหาและความต้องการขององค์กร มีลำดับความสำคัญที่ชัดเจน
- เข้าใจข้อมูลที่มีอยู่ ข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้ รวมถึงข้อจำกัดของชุดข้อมูลที่มี
- เข้าใจกระบวนการนำ Data เข้ามาใช้ การเปลี่ยนแปลงต้องเกิดขึ้นที่จุดไหน ควรเสริมความรู้ส่วนใดเพิ่มเติม
- เข้าใจสมาชิกภายในองค์กร ประเมินความสามารถ ช่องว่างที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติม และ Mindset ของพนักงานทุกคน
- เข้าใจการทำงานของเทคโนโลยีและ Algorithm เพื่อการใช้งานที่แม่นยำและการพลิกแพลงต่อยอด
โดยความเข้าใจเหล่านี้จะเกิดขึ้นจากความร่วมมือของฝ่ายบริหาร ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและข้อมูล และพนักงานทุกคนในองค์กร เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยร่วมกันทุกฝ่าย ค่อยๆปรับแนวคิดและความเคยชินจากการทำงานแบบเดิมๆ
และสำหรับองค์กรที่กำลังมองหาโซลูชันด้านข้อมูลเข้าไปใช้ คุณอิงแนะนำว่าให้นำขนาดของข้อมูลที่มีอยู่ไปเป็นปัจจัยในการพิจารณาร่วมกับความต้องการและงบประมาณที่มีด้วย ยกตัวอย่างเช่น
- ธุรกิจขนาดเล็กที่มีข้อมูลพอสมควร อาจเลือกใช้โซลูชัน Business Intelligence (BI) เพราะใช้งานง่าย ติดตั้งไม่นาน และประยุกต์ใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้หลากหลาย (เช่น ยอดขาย คลังสินค้า) เห็นผลลัพธ์เร็ว
- องค์กรขนาดใหญ่ อาจมองโซลูชันที่ครบวงจรมากขึ้น เป็นมิตรกับผู้ใช้กลุ่มใหญ่ โดยเน้นตอบโจทย์ความต้องการที่มี เช่น โซลูชันวิเคราะห์ข้อมูล Alteryx เสริมด้วยระบบ BI
- หากข้อมูลในองค์กรกระจัดกระจาย ควรมองหาโซลูชันที่มีควาสามารถในการรวมข้อมูล (Data Integration) มาช่วย เช่น Alteryx
- หากต้องการวิเคราะห์พื้นฐานพร้อมแสดงผล Visualization แต่ข้อมูลยังมีปริมาณไม่มาก ก็อาจเลือกโซลูชันที่ไม่ได้ลงลึก แต่ตอบได้ทุกโจทย์พื้นฐานเช่น Qlik

- หรือหากเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพฝ่ายงานใดฝ่ายงานหนึ่ง ปัจจุบันก็มีโซลูชันที่โดดเด่นด้านงานแต่ละด้าน และสามารถใช้งานทั่วไปได้ด้วยให้ลองเลือกใช้

อนาคตของ SIFT Analytics Group เติบโตไปทางไหนต่อในโลกที่รู้ถึงความสำคัญของข้อมูลแล้ว
ก่อนจากกัน ทีมงานได้ขอให้คุณอิงทิ้งท้ายเกี่ยวกับแผนการในอนาคตของ SIFT Analytics Group ที่จะทำให้เราได้เห็นถึงมุมมองในฝั่งผู้ให้บริการว่าพวกเขาคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตไว้ว่าอย่างไร สิ่งใดที่ธุรกิจจะมองหา ซึ่งคุณอิงก็ได้เล่าให้เราฟังด้วยคีย์เวิร์ดคำว่า “Data end-to-end provider”
ธุรกิจไทยในปัจจุบันนั้นได้เริ่มสัมผัสกับประโยชน์และการทำงานของข้อมูลไปแล้วบ้าง ก้าวต่อมาที่ทาง SIFT Analytics Group ต้องรองรับ คือการตอบสนองความต้องการด้านข้อมูลที่จะเพิ่มมากขึ้นเมื่อองค์กรสำเร็จไปแล้วในก้าวเล็กๆ ด้วยการนำเสนอเครื่องมือใหม่ๆที่สามารถใช้งานร่วมกับระบบงานและเทคโนโลยีเดิมในองค์กรได้ ความสามารถในการเชื่อมต่อและไม่ทำให้ระบบยุ่งยากขึ้นจึงเข้ามามีบทบาท
อีกแง่มุมหนึ่งที่ธุรกิจไทยยังคงมีไม่มากนัก คือความเข้าใจในข้อมูล และความสามารถในการมองเห็นได้ว่าปัญหารูปแบบใดที่ข้อมูลเข้ามาช่วยแก้ไขได้ ซึ่งในจุดนี้ SIFT จะทำผ่านการให้บริการเสริม เช่น การปรึกษาปัญหาโดยละเอียดร่วมกับทุกฝ่ายในองค์กร จัดการอบรม รวมไปถึง Workshop ให้พนักงานได้เข้ามาใช้งานจริง แม้กระบวนการเหล่านี้จะยุ่งยากและใช้เวลานาน แต่คุณอิงเชื่อว่าจะสร้างคุณค่าต่อองค์กรได้ในระยะยาวแน่นอน
สำหรับในอนาคตที่การใช้ข้อมูลจะมีมากขึ้น อีกเรื่องที่ทาง SIFT มุ่งมั่นจะพัฒนาคือการเข้าไปช่วยเป็นคู่คิดด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล การปรับระบบให้เป็นไปตาม Compliance ต่างๆ และ Data Governance ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นไปตามความตั้งใจที่จะให้บริการแบบ End-to-end อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ทีมงาน ADPT ต้องขอขอบคุณคุณสุกัญญา กอสนานและทีมงาน ที่ให้เกียรติมาร่วมพูดคุยและแชร์ความรู้และประสบการณ์การทำงานกับธุรกิจไทยแบบเจาะลึก หลากหลาย และเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน
หากต้องการติดต่อทีมงาน SIFT Analytics Group เพื่อปรึกษา ขอข้อมูลเพิ่มเติม หรือทดลองใช้งานโซลูชันวิเคราะห์ข้อมูล สามารถทำได้ผ่านช่องทางต่อไปนี้
โทร. 02 645 2544
ไลน์ @siftthailand
อีเมล์ [email protected]
เว็บไซต์ www.sift-ag.com