[รีวิว] Xiaomi 13 Pro โดดเด่นด้วยเลนส์ Leica จอสวยสบายตา ถ่ายรูปสนุก ราคา 39,990 บาท

0

เกริ่นนำ

ทุกวันนี้โทรศัพท์สมาร์ตโฟนได้กลายเป็นเสมือนกับอวัยวะที่ 33 ของมนุษย์ไปเป็นที่เรียบร้อย ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าจนถึงเวลาเข้านอนแทบจะไม่ได้ห่างจากร่างกายเราเท่าไหร่นัก และด้วยประสิทธิภาพมากมายที่สามารถใช้ทำอะไรได้หลากหลายมากกว่าเดิมภายในเครื่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ นี้ ได้ทำให้การใช้งานมีวิวัฒนาการมากกว่าแค่การโทรศัพท์กันไปมาแล้ว

ในบทความนี้ทีมงาน ADPT อยากจะมาบอกเล่าความรู้สึกหลังจากมีโอกาสลองใช้หนึ่งในโทรศัพท์สมาร์ตโฟนที่บอกได้เลยว่าเป็นอีกเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเป็นแค่โทรศัพท์ทั่วไป นั่นคือ “Xiaomi 13 Pro” ที่เปิดตัวและจำหน่ายออกมาสักพักหนึ่งแล้ว ด้วยจุดเด่นหลักที่มีการใช้เลนส์ Optical ระดับ Professional จากทาง Leica ที่ทำให้ประสบการณ์การถ่ายภาพบนโทรศัพท์นั้นเปลี่ยนไปพอควร ซึ่งหลังจากทดลองใช้งานมาเป็นสักพักใหญ่ ๆ บอกได้เลยว่าภาพที่ได้นั้น “สวยงาม ใช้ทำงานได้จริง”

TL;DR (ยาวไป อ่านแค่นี้พอ)

  • Xiaomi 13 Pro โทรศัพท์สมาร์ตโฟนที่มาพร้อมเลนส์ออปติคัลระดับโปรจาก Leica จัดเต็มทั้ง 3 ตัว โดยเฉพาะกล้องหลักที่มีขนาดเซ็นเซอร์ถึง 1 นิ้ว
  • หน่วยประมวลผลทรงพลัง Snapdragon® 8 Gen 2 ขนาด 4 นาโนเมตร และหน่วยความจำ RAM 12GB
  • ด้านหน้ากระจก Corning® Gorilla® Glass Victus® ด้านหลังเป็น Medical-grade Bio-ceramic ดูหรูหราและนุ่มละมุน
  • หน้าจอ AMOLED WQHD+ ขนาด 6.73” สีสันสดใสสวยงาม ระบบเสียง Dolby Atmos ชัดใสเสนาะหู
  • ระบบปฏิบัติการ Android 13 มาพร้อม MIUI 14 และ Xiaomi Imaging Engine 
  • ประสบการณ์ถ่ายภาพสนุกขึ้น ทำงานไหลลื่นขึ้น ในราคา 39,990 บาท

Factsheet

โมเดลXiaomi 13 Pro
ขนาด (กว้าง, ยาว, หนา)7.46 ซม. x 16.29 ซม. x 0.838 ซม.
น้ำหนัก229 กรัม
หน้าจอAMOLED WQHD+ 6.73”
หน้าจอโค้งสามมิติ 20:9, 3200×1440
จอแสดงผล AdaptiveSync Pro
LTPO
อัตรารีเฟรช: ไดนามิกตั้งแต่ 1-120Hz
ความไวตอบสนองการสัมผัส: สูงสุด 240Hz
*ความไวตอบสนองการสัมผัสอาจแตกต่างกันออกไปตามเนื้อหาบนหน้าจอ
ความสว่าง: HBM 1200 nits (typ) ความสว่างสูงสุด 1900 nits
จอแสดงผล HDR ระดับโปร
Dolby Vision®
HDR10+
มากกว่า 1 พันล้านสี
ช่วงสี: DCI-P3
หน้าจอ TrueColor
เซ็นเซอร์ตรวจจับแสงรอบทิศทาง 360°
กระจก Corning®Gorilla®Glass Victus®
หน่วยประมวลผล (CPU)Snapdragon® 8 Gen 2 4nm processor
พื้นที่จัดเก็บ (Storage)512GB
หน่วยความจำ (RAM)12GB RAM LPDDR5X 8533Mbps + พื้นที่จัดเก็บ UFS 4.0
กล้องหลังเลนส์ออปติคัลระดับโปรจาก Leica (LEICA VARIO-SUMMICRON 1:1.9-2.2/14-75 ASPH)

กล้องหลัก 1 นิ้วจาก Leica
ขนาดเซ็นเซอร์ 1 นิ้ว
50MP*
ขนาดพิกเซล 1.6μm, 4-in-1 Super Pixel ขนาด 3.2 μ
f/1.9
HyperOIS
IMX989
เลนส์ 8P

กล้องเทเลโฟโตลอยตัว 75 มม. จาก Leica
50MP*
f/2.0
ความยาวโฟกัสเทียบเท่า 75 มม.
OIS
เทคโนโลยีเปลี่ยนโฟกัส
เลนส์เทเลโฟโตลอยตัวรองรับการถ่ายภาพมาโครระยะ 10 ซม.เลนส์ 3P+3P

กล้องมุมกว้างพิเศษจาก Leica
50MP*
115° FOV
ความยาวโฟกัสเทียบเท่า 14 มม.
f/2.2 AF (รองรับการถ่ายภาพมาโครระยะ 5 ซม.)

*50MP หมายเลขจำนวนเมกะพิกเซลของเซ็นเซอร์ เมกะพิกเซลจริงที่ใช้ในภาพถ่ายและวิดีโออาจแตกต่างกันออกไปตามโหมดที่ใช้
กล้องหน้ากล้องเซลฟี่บนหน้าจอ 32MP
f/2.0
ขนาดพิกเซล 0.7μm, 4-in-1 Super Pixel ขนาด 1.4μm
89.6° FOV
เสียงลำโพงคู่
Dolby Atmos®
เครือข่าย5G
Dual SIM
ระบบปฏิบัติการMIUI 14, Android 13
แบตเตอรี่ชิปเซ็ตการชาร์จ Xiaomi Surge
ชิปเซ็ตการจัดการแบตเตอรี่ Xiaomi Surge
120W ไฮเปอร์ชาร์จอัจฉริยะ ชาร์จเต็ม 100% ใน 19 นาที (โหมดเพิ่มประสิทธิภาพ), ชาร์จเต็ม 100% ใน 24 นาที (โหมดมาตรฐาน)
เทอร์โบชาร์จแบบไร้สาย 50W
การชาร์จย้อนกลับแบบไร้สาย 10W
ที่ชาร์จ 120W ในกล่อง
USB Type-C
แบตเตอรี่ความจุ 4820mAh (typ)
ระบบระบายความร้อนเทคโนโลยี LiquidCool (ห้องไอใหญ่พิเศษ + แผ่นแกรไฟต์หลายชั้น)
ความมั่นคงปลอดภัย (Security)เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือบนหน้าจอ
AI ปลดล็อกด้วยใบหน้า
เซ็นเซอร์พร็อกซิมิตีเซ็นเซอร์ | เซ็นเซอร์วัดระดับแสงโดยรอบ | ตัววัดความเร่ง | ไจโรสโคป | เข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์ | มอเตอร์ลิเนียร์ | IR Blaster | บารอมิเตอร์ | เซ็นเซอร์ตรวจจับสัญญาณแรงดันไฟฟ้า
อื่นๆ กันน้ำ IP68
มอเตอร์การสั่นลิเนียร์แกน X

คุณสมบัติการถ่ายภาพของกล้องหลัง
การถ่ายภาพสองสไตล์

Leica Authentic Look
Leica Vibrant Look
ฟิลเตอร์จาก Leica
เสียงชัตเตอร์คลาสสิกของ Leica
ลายน้ำ Leica

ระบบเลนส์ขั้นสูง
เลนส์ภาพขาวดำ 35 มม.
เลนส์โบเก้หมุนวน 50 มม.
เลนส์ภาพบุคคล 75 มม.
เลนส์นวลแสง 90 มม.

คุณสมบัติการถ่ายวิดีโอของกล้องหลัง
การบันทึกวิดีโอ HDR ด้วย Dolby Vision สูงสุด 4K ที่ 60 fps
การบันทึกวิดีโอ 8K (7680×4320) ที่ 24fps
การบันทึกวิดีโอ 4K (3840×2160) ที่ 24 fps, 30 fps หรือ 60 fps
การบันทึกวิดีโอ HD 1080p (1920×1080) ที่ 30 fps หรือ 60 fps
การบันทึกวิดีโอ HD 720p (1280×720) ที่ 30 fps
Xiaomi ProFocus (โฟกัสติดตามการเคลื่อนไหว)
Ultra Night Video สูงสุด 4K ที่ 24fps
AI Cinema ในคลิกเดียว : ซูมเมจิก, ชัตเตอร์ช้า, หยุดเวลา, Time Lapse กลางคืน, โลกคู่ขนาน, วิดีโอหยุดเฟรม
โหมด Vlog
โหมดวิดีโอโปร
วิดีโอสโลว์โมชัน: 120fps, 240fps, 480fps, 960fps, 1920fps

คุณสมบัติการถ่ายภาพของกล้องหน้า
ไดนามิกเฟรมมิ่ง(0.8x, 1x)
โหมดกลางคืน
HDR
โหมดภาพบุคคลพร้อมการควบคุมโบเก้และความลึก

คุณสมบัติการถ่ายวิดีโอของกล้องหน้า
การบันทึกวิดีโอ HDR ด้วย Dolby Vision สูงสุด 1080p ที่ 30 fps
การบันทึกวิดีโอ HD 1080p (1920×1080) ที่ 30 fps
การบันทึกวิดีโอ HD 720p (1280×720) ที่ 30 fps
ตัวบอกบทวิดีโอ
โหมด Vlog

เรียกว่า Xiaomi 13 Pro เป็นอีกสมาร์ตโฟนที่จัดเต็มเรื่องกล้องมาให้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะกล้องหลังจาก Leica ที่ใส่มาให้แบบจัดเต็มทั้ง 3 ตัวโดยเฉพาะกล้องหลักที่มีขนาดเซ็นเซอร์ 1 นิ้ว พร้อมชิ้นเลนส์ 8 ชิ้น และสามารถถ่ายด้วยความละเอียดสูงสุด 50MP อีกทั้งเลนส์มุมกล้องยังรองรับการถ่ายภาพมาโครระยะ 5 ซม. ด้วย พอประกอบกับโหมดถ่ายภาพที่มีหลากหลาย การใช้ทำ Vlog ทำ Short Video ก็น่าจะทำให้การทำงานเหล่านี้่ง่ายขึ้นด้วยภาพหรือวีดีโอที่เป็น Input นั้นสวยตั้งแต่กดถ่ายแล้ว

แกะกล่องลองใช้

กล่องที่ได้รับมานั้นมีโลโก้ Leica เป็นสง่าที่หน้ากล่องชัดเจน ข้างในกล่องจะมีตัวเครื่อง Xiaomi 13 Pro พร้อมกับปลั๊กชาร์จ 120W กับสาย USB Type-C และเคสกันกระแทก ซึ่งตัวเครื่องนี้ด้านหน้าจะเป็นกระจก Corning® Gorilla® Glass Victus® ส่วนด้านหลังเป็นวัสดุ Medical-grade Bio-ceramic ที่ให้ความรู้สึกสัมผัสที่นุ่มนวล แต่ยังแข็งแกร่งและดูสวยงามอีกด้วย เปิดขึ้นมาแล้ว บอกเลยว่าสีหน้าจอสดใส น่าใช้งานมาก ๆ 

บังเอิญใช้งาน Xiaomi 12 Pro อยู่แล้วเลยเอามาเทียบเคียงกันสักหน่อย ซึ่งจะเห็นว่า Xiaomi 12 Pro กับ Mi 13 Pro จะเห็นว่าตัวเครื่องมีขนาดพอ ๆ กัน ส่วนปลั๊กชาร์จนั้นจะขนาดเล็กลงไปหน่อย ทำให้พกพาได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

งานประกอบเรียกว่าแน่นสมชื่อรุ่นเรือธง วัสดุด้านหลังเครื่องนั้นนุ่มนวลตามที่โฆษณาไว้จริง ๆ น่าใช้งานแบบไม่ใส่เคสมาก ๆ (แต่เพื่อความปลอดภัยเลยต้องใส่ไว้ก่อน) ส่วนด้านบนและด้านล่างเครื่องจะเป็นลำโพงกับไมโครโฟนที่ดูสะอาดตา ดูมินิมอล พรีเมี่ยมหรูหราตามสไตล์รุ่นเรือธง

ด้านซ้ายเครื่องคือไม่มีปุ่มอะไรเลย ส่วนด้านขวาจะวางปุ่มเพิ่มลดเสียงและ Power ไว้ในแบบเดียวกับรุ่น Xiaomi 12 Pro และหากมองจากด้านข้าง จะเห็นว่าตัวเครื่องจะเอียงทำมุมเล็กน้อย ซึ่งเป็นเพราะด้านหลังมีกล้อง Leica ขนาดใหญ่ใส่ไว้อยู่ ส่วนนี้อาจมองว่าเป็นจุดดีที่ทำให้การวางโทรศัพท์ใช้งานบนพื้นราบนั้นจะทำมุมขึ้นมาเพื่อช่วยลดอาการเมื่อยคอได้เล็กน้อยก็ได้

ด้านหลังเครื่องจะมีส่วนกล้องที่นูนขึ้นมาพอสมควร ที่อาจจะบอกได้ว่ากล้องของ Xiaomi 13 Pro นั้น “ไม่ได้มาเล่น ๆ” พร้อมกับโลโก้ Leica ที่โดดเด่นเป็นสง่า และเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ที่ฝังไว้ในบริเวณนี้

ด้วยความที่เป็นโทรศัพท์ที่ชูธงเรื่องกล้อง Leica เป็นหลัก โหมดการใช้งานภายในกล้องจึงมีอยู่มากมาย พร้อมทั้งมี Xiaomi Imaging Engine อยู่ภายใน ทำให้ประสบการณ์การถ่ายภาพนั้นง่ายขึ้น และทำให้ผู้ใช้ได้ภาพสวยสดงดงามขึ้นกว่าเดิมด้วยการกดถ่ายภาพเพียงครั้งเดียว

ถ่ายภาพสนุก ไม่หวั่นแม้ที่แสงน้อย

โหมดกล้องภายในโทรศัพท์ Xiaomi 13 Pro นั้นอยู่เยอะมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น Xiaomi ProFocus (โฟกัสติดตามการเคลื่อนไหว/โฟกัสติดตามสายตา/การจับการเคลื่อนไหว) โหมดถ่ายต่อเนื่องความเร็วสูง โหมดกลางคืน (Night) โหมด 50MP โหมดซุปเปอร์มูน โหมดพาโนรามา ฯลฯ มีให้ใช้งานได้จุใจ พร้อมทั้งมีโหมดจาก Leica มาให้เลือกใช้ได้ด้วย

และที่เพิ่มเติมเข้ามาคือโหมด Super macro ที่ถ่ายภาพมาโครได้ในระยะ 5-10 ซม. ซึ่งได้ภาพมาโครที่สวยงามมาก ๆ 

ระยะถ่าย
Super Macro

โหมด Super macro ถ่าย Playmobil ที่อยู่ในตู้โชว์ที่พารากอน

หนึ่งในจุดที่ดีมาก ๆ คือเลนส์เทเลที่ซูมแบบ Optical ได้ 3.2 เท่า ทำให้เวลาที่อยากถ่ายรูปได้ระยะใกล้หน่อย แต่เดินเข้าไปไม่ได้หรือว่าติดสิ่งกีดขวางอะไร ก็ทำให้เราได้ภาพที่ต้องการอย่างคมชัดและสวยงามอย่างที่อยากได้เลยโดยไม่ต้องไป Crop ทีหลัง

ระยะ 1x

ระยะ 0.6x

ระยะ 2x

ระยะ 3.2x ข้อความยังคงคมชัด

ภายในมีระบบ AI Camera ที่ช่วยตรวจจับได้เช่นเคยว่าตอนนี้กำลังถ่ายรูปอาหาร เอกสาร หรือว่าธรรมชาติ ซึ่งไอคอนสีแดงด้านซ้ายจะเปลี่ยนรูปไปตามภาพที่กำลังจะถ่าย โดย AI จะช่วยเพิ่มสีสัน Contrast และ Saturation ให้ภาพมีความสวยงามในแต่ละแบบมากขึ้นอัตโนมัติ

อาหาร

ข้อความ

ต้นไม้

ดอกไม้

สัตว์

หากใครที่ต้องการภาพความละเอียดสูง ๆ Xiaomi 13 Pro จะมีโหมด 50MP ที่เรียกว่าเป็นการถ่ายภาพความละเอียดสูงสุด ซึ่งจะมีให้ซูมได้ 3 ระยะตามเลนส์เท่านั้น

ส่วนโหมด Leica Vibrant (ค่าตั้งต้น) กับ Leica Authentic (สีตรง) ของทาง Leica นั้นสามารถปรับเปลี่ยนได้ง่าย ๆ โดยกดตรงโลโก้ของ Leica ในแอปกล้อง ซึ่งถ้าเทียบกันแล้ว ตอนแสงน้อยจะเห็นว่าภาพโหมด Leica Vibrant จะสว่างขึ้นมาเล็กน้อย

ถ่ายภาพบุคคลนั้นถือว่าเป็นอีกส่วนที่โดดเด่นและคนทั่วไปใช้งานกันอย่างแน่นอน ซึ่งภาพที่ได้ในแต่ละระยะนั้นได้สีสันที่สวยงามทั้งหมด ส่วน Portrait ก็ยิ่งทำให้หน้าชัดหลังเบลอได้สวยกว่าเดิมไปอีก

1x
0.6x
2x
3.2x
โหมด Portrait

นอกจากกล้องที่โดดเด่นสุด ๆ แล้ว เรื่องประสิทธิภาพภายในด้วย Android 13 และ MIUI เวอร์ชัน 14 ที่มาพร้อมด้วย Snapdragon 8 Gen 2 อันทรงพลังบอกเลยว่าไหลลื่นทุกอย่าง เท่าที่ใช้งานมา หน้าจอ AMOLED WQHD+ ขนาด 6.73 นิ้วนั้นดูสบายตามาก ๆ ทำงานบนโทรศัพท์ (เน้นใช้ถ่ายรูป ทำ Google Workspace เป็นหลัก) เครื่องแทบไม่ร้อนและใช้งานได้ไหลลื่นมาก ประชุมออนไลน์ดู YouTube ได้สบาย (แต่ถ้านานก็อาจจะเครื่องร้อนขึ้นมาสักหน่อย) เสียง Dolby Atmos ดังสดใสมาก ๆ ลื่นหูดีเรียกว่าทำได้ดีทีเดียว รู้สึกว่าเสียงจะดีและดังฟังสบายกว่า Xiaomi 12 Pro เสียอีก และที่สำคัญชาร์จแบตได้เร็วมาก ๆ และแบตก็อึดใช้ได้ทั้งวัน

วีดีโอเรียกว่าใช้ได้เลย ถ่ายนานติดต่อกันไปยาวสุดประมาณ 5 นาที (ถ่ายในห้องแอร์) ตัวเครื่องก็ไม่ได้ร้อนมากนัก ดูตัวอย่างคุณภาพวีดีโอได้ตามด้านล่างนี้ ซึ่งเป็นบางช่วงตอนจากงาน The Forestias Story & Beyond ในระหว่างการแสดงและนำเสนอ ซึ่งจะมีแสงเฉพาะบริเวณบนเวทีเท่านั้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าแม้การซูมเข้าออกอาจจะทำให้แสงสีมีกระตุกบ้าง แต่ถ้าบันทึกในระยะเดียวกันนิ่ง ๆ ก็เรียกว่าใช้ได้เลย

3 เหตุผลที่อยากอัปเกรดเป็น Mi 13 Pro

ภาพถ่ายสนุกกว่าเดิม

เรียกว่าการถ่ายภาพคือจุดเด่นของ Xiaomi 13 Pro จริง ๆ ใช้มาไม่นานมากนักถ่ายรูปเพลินไปเป็นพันรูปแล้วตอนนี้ และด้านล่างต่อจากนี้คือตัวอย่างภาพที่ได้จาก Xiaomi 13 Pro แบบไม่ได้ปรับแต่งอะไรเลย (ภาพในบทความนี้เกือบทั้งหมดก็เช่นกัน) แค่กดถ่ายแล้วเอามาใส่ในรีวิวนี้ทันที

งาน Adobe Summit Thailand

งาน Smart Cybersecurity Summit Thailand 2023

งาน InfoComm Asia 2023

งานสัมมนาดิจิทัลเทคโนโลยี จัดโดย DUGA 

The Forestias Story & Beyond

The Forestias Story & Beyond

The Forestias Story & Beyond

ซูม 3.2 เท่าได้แบบ Optical และซูมสูงสุด 70 เท่า

หนึ่งในส่วนที่ชอบซึ่งเหนือกว่า Xiaomi 12 Pro ไปอีกขั้นมาก ๆ คือเรื่องการซูมของกล้อง ที่ Xiaomi 12 Pro จะซูม Optical ได้ 2 เท่า และซูมได้สูงสุด 20 เท่า แต่ Xiaomi 13 Pro นั้นซูม Optical ได้ถึง “3.2 เท่า” ซูมได้สูงสุดถึง “70 เท่า” ซึ่งตอนไปงานสัมมนาหรืองานนิทรรศการแล้วได้ที่นั่งค่อนข้างไกล ก็รู้สึกว่าสบายใจขึ้นเพราะว่าซูมแล้วก็ภาพก็ยังคมชัดอยู่

0.6x
1x
2x
3.2x
0.6x
1x
2x
3.2x
0.6x
1x
2x
3.2x
0.6x

1x

2x

3.2x

10x

70x

ลำโพงเสียงดีขึ้นมาก

เสียงลำโพง Speaker ดูจะดังขึ้นกว่า Xiaomi 12 Pro อย่างเห็นได้ชัด ใช้ฟัง YouTube ฟังประชุมออนไลน์ หรือเปิดลำโพงโทรศัพท์คุยก็รู้สึกสบายขึ้นกว่าเดิมมาก ซึ่งน่าจะช่วยทำให้ใครหลาย ๆ ที่ชอบการใช้โทรศัพท์ประชุมหรือว่าดูหนังฟังเพลงได้สะใจมากขึ้นกว่าเดิม

บทส่งท้าย

สำหรับใครที่กำลังมองหาโทรศัพท์สมาร์ตโฟนที่มีประสิทธิภาพสูง ชื่นชอบการถ่ายภาพหรือวีดีโอเป็นพิเศษ หน้าจอสวย ๆ ลำโพงดี ๆ ที่สามารถใช้งานทำงาน ประชุมออนไลน์ หรือดูหนังฟังเพลงได้ดีทั้งหมดในเครื่องเดียว Xiaomi 13 Pro คืออีกหนึ่งเครื่องที่ต้องพิจารณา โดย ณ ตอนนี้ราคาอยู่ที่ 39,990 บาทเท่านั้น

สุดท้ายนี้ ทางทีม ADPT ต้องขอขอบคุณทาง Xiaomi ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์เครื่อง Xiaomi 13 Pro สำหรับการรีวิวกันในครั้งนี้ด้วย และถ้าหากใครสนใจอยากซื้อ Xiaomi 13 Pro มาไว้ครอบครอง สามารถหาซื้อได้ที่ Mi Store หรือตามร้านค้าชั้นนำทั่วไป