IoT ถือเป็นตลาดสำคัญที่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจการผลิต โครงสร้างพื้นฐาน เมืองอัจฉริยะ หรือสาธารณูปโภคและอื่นๆ อย่างไรก็ดีด้วยความก้าวหน้าของโลกที่ AI กำลังเติบโตผ่านแอปพลิเคชันการใช้งานมากมาย เช่น Image Processing, Data Analytics, Prediction, Big Data หรือ ChatGPT อันโด่งดังที่ทำให้ความคาดหวังของผู้ใช้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้การผสมผสานระหว่าง AI และ IoT จึงกำลังกลายเป็นเมกะเทรนด์ของโลกในอนาคตอันใกล้
ด้วยความสำคัญนี้เองที่งาน Advantech ASEAN WISE-IoT Partner Conference 2023 ณ ปีนัง ประเทศมาเลเซีย ผู้เชี่ยวชาญในโซลูชันและให้บริการ IoT สำหรับภาคอุตสาหกรรมอย่าง Advantech จึงได้ประกาศความพร้อมเชิงกลยุทธ์และโซลูชันใหม่ในงานที่จัดขึ้นนี้ ซึ่งทีมงาน TechTalkThai ขอรวบรวมประเด็นสำคัญมาให้ทุกท่านได้ติดตามกันครับ
ปรับตัวสู่เมกะเทรนด์ AIoT
Advantech ได้ถือกำเนิดขึ้นมาในช่วงปี 1983 ซึ่งเป็นเวลากว่า 40 ปีที่บริษัทยังคงมีผลประกอบการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดสะท้อนได้จากดัชนี ROE ระหว่างปี 2012 – 2022 มีอัตราสูงถึง 23% และในปี 2022 รายรับของบริษัทอยู่ที่ 2,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจมากยืนยันได้ถึงความแข็งแกร่งของบริษัท โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานับได้ว่าบริษัทกำลังมุ่งสู่ยุคที่สามของการเติบโต ที่ช่วงแรกคือตั้งแต่ก่อตั้งถึงปี 2010 ที่มุ่งมั่นสู่การก้าวเป็นบริษัทระดับสากล และช่วงที่สองใน 10 ปีถัดมาได้เข้าสู่การขยายฐานลูกค้า ในช่วงเวลานี้ปี 2016 WISE-IOT ได้ถือกำเนิดขึ้นด้วยเช่นกัน
โดยยุคที่สามเพื่อตอบรับกับเมกะเทรนด์ AIoT ที่จะเกิดขึ้น บริษัทกำลังเข้าสู่แผนการปรับโครงสร้างหน่วยงานธุรกิจภายในให้สอดรับการดูแลที่ครอบคลุมอย่างเฉพาะเจาะกลุ่มลูกค้ามากขึ้น รวมถึงการปรับเปลี่ยนจากการนำเสนอตัวสินค้ายกระดับสู่การนำเสนอโซลูชัน โดนคุณ Eric Chen, President of General Management และ CFO & CIO จาก Advantech เผยว่าการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่นี้กำลังเกิดขึ้นแล้ว เพื่อให้ลูกค้าได้รับการดูแลและคำปรึกษาได้อย่างตรงจุดและพร้อมรับเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคตได้อย่างมั่นใจ
Co-creating เพื่อพัฒนา Ecosystem
จากสถิติของ Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2025 ตลาดของ Edge Computing จะมีมูลค่าถึง 500,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ความน่าสนใจก็คือสิ่งที่จะเป็นกุญแจสู่การพัฒนาแอปพลิเคชันด้าน Edge ก็คือเทคโนโลยี Low-code/ No code ที่ช่วยให้การพัฒนาแอปพลิเคชันง่ายขึ้น ไม่ต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญเพียงฝ่ายเดียว นอกจากนี้ Hardware, Software และ Service จะต้องผสมผสานกันได้อย่างลงตัวเพื่อตอบโจทย์ของตลาดนี้เช่นกัน
คุณ Vincent Chang, Managing Director of AIntercon (Asia and Intercontinental Region) จาก Advantech ได้บรรยายถึงการเติบโตที่จะต้องเกิดขึ้นในระบบของ Ecosystem หรือที่ Advantech ได้ใช้คำว่า Co-creating เพื่อสื่อสารเน้นย้ำถึงความสำคัญ ซึ่งแน่นอนว่า Advantech ได้นำเสนอความเชี่ยวชาญผ่านผลิตภัณฑ์และแพลตฟอร์มที่ตนมี แต่สุดท้ายแล้วผู้ที่รู้เกี่ยวกับปัญหามากที่สุดก็คือลูกค้านั่นเอง ดังนั้นทางแก้ปัญหาคือการร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายเพื่อสร้างโซลูชันที่เหมาะสมกับความต้องการ
ตลอดระยะเวลานับ 10 ปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า Advantech ได้ลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ไม่ใช่เพียงแค่สำนักงานขายในแต่ละประเทศ แต่ยังมีทีมงานทางเทคนิคอีกด้วย สิ่งเหล่านี้คือความมั่นใจที่ Advantech ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นว่าอยู่เคียงข้างลูกค้าเสมอมา นอกจากนี้เองในแผนการข้างหน้าทางบริษัทยังมุ่งหน้าไปที่การให้บริการอย่างเฉพาะเจาะจงตอบโจทย์ความต้องการในแต่ละตลาดหรือวัฒนธรรมที่ต่างกันออกไป
ในมุมของ Advantech เองคุณ Willie Lin, Industrial IoT iFactory SRP จาก Advantech ได้หยิบยกให้เราได้เห็นถึงภาพในอดีตจากเดิมที่การพัฒนาระบบ OT (Operational Technology) มักต้องได้รับการช่วยเหลือจาก IT เสมอเพราะความยากในการพัฒนาที่ต้องใช้ทักษะสูงและกระบวนการอื่นๆ ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือน แต่ด้วยโซลูชัน WISE-IOT ภาพเหล่านี้ได้ถูกลบเลือนออกไปแล้ว โดยท่านสามารถรวบรวมข้อมูล IoT จากทุกระบบไปใช้สร้างประโยชน์ต่อได้อีกมากมาย เช่น ประยุกต์โมเดล AI เพื่อสร้างการตัดสินใจ ตอบโจทย์ได้หลากหลายอุตสาหกรรมจากข้อมูลที่รวบรวมมา นอกจากนี้ท่านยังสามารถเลือกปรับแต่งส่วนประกอบภายในได้อย่างอิสระ เช่น การเลือกฐานข้อมูล เซ็นเซอร์ยี่ห้อต่างๆ โดยแนวทางการจัดการข้อมูล และ AI ยังเป็นส่วนหนึ่งในภาพของ Industry 5.0 ที่กำลังเกิดขึ้นด้วย
เปิดตัว WISE-IoT Edge 365
นอกจากการแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อส่วนใหญ่แล้ว ช่วงท้ายรายการของงานสัมมนายังมีการเปิดตัวโซลูชันใหม่ที่ชื่อว่า WISE-IoT Edge 365 หรือแพลตฟอร์มสุดล้ำที่จะช่วยพลิกโฉมการทำงานแบบเดิมให้ก้าวเข้าสู่ความทันสมัย ง่าย คล่องตัว พร้อมสำหรับการทำงานจากทุกที่ ด้วยโครงสร้างคลาวด์อันแข็งแกร่งและปลอดภัยจากพันธมิตรอย่าง Microsoft Azure ประกอบกับความรู้และประสบการณ์อันแข็งแกร่งของ Advantech
คุณ SW Tan, ASEAN WISE IoT Edge365 SAE Leader จาก Advantech ได้แนะนำถึงที่ WISE-IoT Edge 365 ว่าจะเป็นตัวประสานข้อมูลจาก IoT และแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น SCADA, DPM, CNC หรืออื่นๆ ตลอดจนฟังก์ชันในการปฏิบัติงานอย่าง MQTT, VPN, OTA Update, Real-Time Monitoring และมี API ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อเป็นไปได้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้การทำงานของแอดมินง่ายขึ้นด้วยความเพรียบพร้อมในบริการต่างๆ จากเดิมที่ต้องจัดหาหรือสร้างขึ้นมาเอง อีกทั้งองค์ประกอบเหล่านี้จะได้รับการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญจาก Advantech ลดภาระหน้าที่ในการดูแลของลูกค้า
เก็บตกประเด็นสำคัญ
ทีมงาน TechTalkThai ยังได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณ Vincent Chang และคุณ Matrix Choong ถึงทรรศนะเพิ่มเติมนอกเหนือจากการบรรยาย ซึ่งได้ไขข้อสงสัยว่าลูกค้าจะเติบโตไปกับ Advantech ได้อย่างไรอะไรคือข้อได้เปรียบที่พาร์ทเนอร์จะได้รับ
และคำตอบก็แสดงออกได้ชัดเจนว่าตลอดระยะเวลานับสิบปีที่ผ่านมา บริษัทได้ทำการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานในหลายประเทศ ที่ให้บริการตั้งแต่การขาย ทีมดูแล และพาร์ทเนอร์อย่างเป็นระบบ
ด้วยการลงทุนมหาศาลนี้ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่า Advantech จริงจังในธุรกิจ นอกจากนี้ Advantech ทำตลาดภายใต้แบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นที่รู้จักสากล ไม่ใช่บริการประเภท OEM (Original Equipment Manufacturer) ซึ่งบริษัทยังให้ความสำคัญกับพาร์ทเนอร์เป็นศูนย์กลางทั้งการแชร์ความรู้ และจัดอีเว้นต์เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ได้เชื่อมต่อกันอยู่เสมอ อย่างไรก็ดีการเติบโตอย่างมากของ Advantech ยังหมายถึงว่าธุรกิจยังต้องการคนที่มีทักษะอีกมาก ซึ่งอย่างที่บริษัทกล่าวไปว่าจะมุ่งเน้นการพัฒนาบุคคลากรระดับท้องถิ่นที่เข้าใจปัญหาได้ดีที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ศูนย์นวัตกรรม เช่นในมาเลเซียที่จะเปิดให้บริการในปลายปีนี้
ในมุมของความมั่นคงปลอดภัยทาง Advantech ยังคงยืนยันว่าเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญเสมอ แม้ในทางปฏิบัติแล้วระบบ IoT ในภาคอุตสาหกรรมจะเป็นระบบปิดที่เข้าถึงได้ยาก ส่วนหนึ่ง Advantech ได้เตรียมฟีเจอร์เช่น การสื่อสารที่มีการเข้ารหัสผ่าน VPN หรือฟังก์ชันอื่นๆที่จำเป็นแต่เหมาะกับ IoT ที่มีทรัพยากรจำกัด อีกทางหนึ่ง Advantech ได้จับมือกับผู้เชี่ยวชาญเช่น McAfee ที่เข้าใจเรื่องภัยคุกคามระดับ Endpoint โดยสามารถติดตั้งในอุปกรณ์ศูนย์กลาง หรือ Microsoft Azure ที่มีฟีเจอร์ความมั่นคงปลอดภัยในส่วนของคลาวด์
ผู้บริหารทั้งสองท่านยังได้กล่างถึงการส่งเสริมพาร์ทเนอร์ที่ต้องการเริ่มต้นต่อยอดสร้างซอฟต์แวร์ของตนเองจากแพลตฟอร์มของ Advantech ว่าสิ่งที่บริษัทเตรียมการไว้ให้ก็คือซอฟต์แวร์ที่พร้อมใช้งานที่ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องและเข้ากันได้แล้ว เช่น MQTT, Node-red หรือโซลูชันสำเร็จรูปที่พร้อมให้บริการในทันทีผ่าน Marketplace โดยเรื่องเหล่านี้ดูเผินๆอาจเป็นสิ่งที่จัดเตรียมได้เอง แต่ในความเป็นจริงแล้วอุปสรรคเหล่านี้เป็นเรื่องที่เสียเวลาอย่างมากในหน้างานจริง
ประเด็นของ Smart City เองเป็นเรื่องที่กว้างมาก เช่น แอปพลิเคชันสำหรับบริหารจัดการ การจัดการพลังงาน ระบบน้ำ ตึกอาคาร และเรื่องอื่นๆที่มากกว่าแค่ระบบ CCTV โดยแนวคิดของ Advantech คือการทำสิ่งที่ตนถนัดและเกิดประโยชน์ในวงกว้าง ซึ่งบริษัทได้มีเข้าไปมีบทบาทในระบบเบื้องหลังของธุรกิจต่างๆมากกว่า 10 ปี เช่น โลจิสติกส์ ค้าปลีก และอุตสาหกรรมบริการ เป็นต้น อย่างไรก็ดีผู้บริหารทั้งสองชี้ว่าหากรัฐบาลของแต่ละประเทศมีมาตรการและระเบียบชัดเจนออกมาจะช่วยให้การแข่งขันมีความชัดเจนและยกระดับมาตรฐานขึ้นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น ระบบ CCTV ที่ต้องเชื่อมต่อกันได้จากทุกหน่วยงาน แต่ทุกวันนี้อาจจะแยกกันดูแล
ประเทศไทยเองเป็นตลาดที่ Advantech ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมีโอกาสเติบโตทางธุรกิจอีกมากในหลากหลายมิติทั้งในภาคอุตสาหกรรมด้าน Smart Manufacturing อุตสาหกรรมการให้บริการ ตลอดจน Smart City ที่ถูกพูดถึงมาหลายปี ผ่านทางสินค้าจาก Advantech หรือความร่วมมือด้าน AI กับผู้เชี่ยวชาญอย่าง NVIDIA หรือพาร์ทเนอร์ที่มีไอเดียแตกต่างออกไป โดยคุณโชติเวท เพียรพบสุข IIoT Sector Head ประจำประเทศไทยในตลาด WISE-IOT ให้ความมั่นใจว่าตลาด IoT ของไทยยังมีปัญหาอีกหลายกรณีที่ Advantech สามารถเข้าไปช่วยลูกค้าได้ด้วยโซลูชันที่มีมาตรฐานระดับอุตสาหกรรมพร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์
บทส่งท้าย
ความมุ่งมั่นของ Advantech จากงานครั้งนี้ได้แสดงพลังให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแล้วในภาคอุตสาหกรรม โดยเมื่อหลายปีก่อนระบบ OT (Operational Technology) เหล่านี้มักเป็นเรื่องที่แยกขาดจาก IT (Information Technology) อย่างชัดเจน แต่หลายปีที่ผ่านมา Advantech ได้สร้างความเป็นไปได้ในการนำข้อมูลจาก OT มาใช้ประโยชน์ ซึ่งสะท้อนได้จากแพลตฟอร์ม WISE-IoT Edge 365 ที่ผสานเอาข้อมูลจากส่วนต่างเข้าไว้ด้วยกันพร้อมต่อยอดสู่เทคโนโลยี AI ให้ธุรกิจนำไปประกอบการตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดสอดรับกับเทคโนโลยีโลก
อนึ่ง Advantech ยังให้ความสำคัญกับภาคพันธมิตรทุกส่วน เช่นในมุมของพาร์ทเนอร์ท่านสามารถใช้แพลตฟอร์มประกอบกับความรู้เฉพาะไปสร้างบริการใหม่และแก้ปัญหากรณีต่างๆได้ หรือพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษอย่าง NVIDIA ในด้าน AI หรือ Microsoft Azure ในระบบคลาวด์ ไม่เพียงเท่านั้นโซลูชันใหม่ๆจาก Advantech ยังมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยี Low Code/ No-code เพื่อให้ผู้ใช้งานทุกคนเข้าถึงระบบได้ง่ายขึ้น ซึ่ง Advantech เองไม่ได้มีแค่ส่วนของธุรกิจ IoT เท่านั้นแต่ยังมีธุรกิจส่วนอื่นด้วยเช่น หน้าจอสำหรับอุตสาหกรรม อุปกรณ์ทางเครือข่ายเกรดอุตสาหกรรมและอื่นๆ
สนใจติดต่อทีมงาน Advantech ได้ที่ Email: [email protected] หรือโทร : 02-248-8306-9 แและ Line ID : @Advantech