ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา NVIDIA ได้เปิดตัวแล็ปท็อป GPU ใหม่ในรุ่น RTX 500 และ 1000 Ada Generation ที่ใช้สนับสนุนการประมวลผล AI ที่เบา ๆ หรืองานทั่ว ๆ ไปแบบพกพาได้ดีขึ้นกว่าเดิม
หลังจากที่ Generative AI ได้เป็นกระแสอย่างก้าวกระโดด พร้อมกับเทรนด์การทำงานแบบ Hybrid Work ได้กลายเป็น “ปกติใหม่” ในหลาย ๆ อุตสาหกรรม จึงทำให้โซลูชันอะไรที่สามารถพกพาได้ง่ายนั้นมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
ด้วยเหตุนี้ NVIDIA จึงเปิดตัว GPU สำหรับแล็ปท็อปทั้งสองรุ่นคือ RTX 500 และ 1000 GPUs เพื่อตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว ซึ่งพุ่งเป้าสนับสนุนให้บรรดาผู้ที่ทำงานเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ นักวิจัย และวิศวกรมีอุปกรณ์กราฟิกอันทรงประสิทธิภาพสำหรับการประมวลผลงาน AI ต่าง ๆ ผ่านอุปกรณ์พกพาที่สะดวกขึ้น
โดย GPU ระดับ High-End ทั้งสองรุ่นนี้ใช้สถาปัตยกรรม Ada Lovelace ที่สามารถเสริมศักยภาพด้วย AI ด้วย Neural Processing Unit (NPU) อันเป็นส่วนประกอบของ CPU ทื่จะอยู่ภายในนี้ และจะทำงานร่วมกับ NVIDIA RTX GPU ที่มี Tensor Core โดย NPU จะช่วยประมวลผลงาน AI ที่ไม่หนักมากเพื่อลดภาระของ GPU ได้มากขึ้น
และด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสาน NPU ร่วมกับ GPU จะทำให้กราฟิกการด์นี้สามารถจัดการงาน AI ที่เบา ๆ หรืองานที่ต้องใช้ AI ในชีวิตประจำวันทั่ว ๆ ไปได้อย่างมีประสิทธิาภพ ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถรันงาน AI ได้เร็วสูงสุดถึง 682 TOPS (Tera Operations per Second) เลยทีเดียว
Credit : NVIDIA
สำหรับรุ่น RTX 500 นั้นสามารถให้ประสิทธิภาพในการรันโมเดล Generative AI อย่าง Stable Diffusion ได้เร็วขึ้นกว่า 14 เท่า หรือสามารถใช้ AI ปรับแต่งภาพได้เร็วกว่าถึง 3 เท่า รวมทั้งสามารถเรนเดอร์ในงาน 3D ได้เร็วกว่าสูงสุดถึง 10 เท่าเมื่อเทียบกับการรันด้วย CPU อย่างเดียว