[สัมภาษณ์] Synology กับมุมมองความท้าทายของตลาดอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศไทย

0

แม้ว่าเทรนด์ Digital Transformation จะเกิดขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตก็ยังคงมีความท้าทายในการทรานส์ฟอร์มให้เข้าสู่โลกดิจิทัลได้อย่างเต็มรูปแบบ รวมทั้งความสามารถในการใช้ประโยชน์จาก “ข้อมูล” ที่มีอยู่อย่างมหาศาลให้ได้มีประสิทธิภาพ ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญนั่นคือ “พื้นที่จัดเก็บ” ที่ต้องสามารถขยายขนาดได้ตามจำนวนข้อมูลที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 

และ Synology คือหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญในโซลูชันจัดเก็บข้อมูลที่มีผลิตภัณฑ์มากมายที่พร้อมสนับสนุนในภาคอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งทีมงานมีโอกาสพูดคุยกับคุณรหัท บุญตันจีน Sales Account Manager, International Business Department แห่ง Synology ที่มีส่วนช่วยสนับสนุนองค์กรให้ทรานส์ฟอร์มได้สำเร็จมาแล้วมากมายในภูมิภาคไทย เมียนมาร์ และลาว 

โดยคุณรหัทได้มาแชร์มุมมองเกี่ยวกับตลาดอุตสาหกรรมการผลิตในไทย ซึ่งทำให้เห็นว่ายังมีความท้าทายในการทำ Digital Transformation และการจัดการข้อมูลอยู่พอสมควร พร้อมทั้งแนะนำแนวทางและยก Case Study ที่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยการปรับใช้ผลิตภัณฑ์โซลูชันของ Synology ได้สำเร็จเรียบร้อยแล้ว อะไรคือกุญแจสำคัญที่ทำให้ทรานส์ฟอร์มองค์กรในภาคอุตสาหกรรมการผลิตได้ ติดตามได้ในบทความนี้

ภาคอุตสาหกรรมการผลิตคือหนึ่งในกลจักรสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทย ณ วินาทีนี้ ซึ่งจากมุมมอง Synology ที่เห็นภาคการผลิตของไทยเป็นฐานลูกค้าคนสำคัญนั้น ทางคุณรหัทเผยว่าองค์กรในภาคการผลิตของไทยยังคงมีความท้าทายในหลากหลายประเด็น

“เราจะคุ้นหูกับคำว่า Digital Transformation แต่จริง ๆ แล้วคำนี้เป็นคำที่พูดกันมาหลายปีแล้ว เหตุผลเป็นเพราะมันติดเงื่อนไขทางธุรกิจหลาย ๆ อย่าง ที่ทำให้ไม่สามารถทรานส์ฟอร์มองค์กรไปเป็นรูปแบบดิจิทัลได้เต็มตัว” คุณรหัทกล่าวถึงมุมมองเกี่ยวกับประเด็นปัญหาในภาคอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศไทย

คุณรหัท บุญตันจีน
Sales Account Manager, International Business Department แห่ง Synology

โดยคุณรหัทได้ยกตัวอย่างความท้าทายในการทำ Digital Transformation ที่ได้พบเจอจากการพูดคุยกับองค์กรมากมาย อาทิ

  • แรงงานขาดแคลน องค์กรในภาคอุตสาหกรรมการผลิตมักจะขาดบุคคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญที่เพียงพอในการดำเนินการ Digital Transformation ได้สำเร็จ
  • ระบบดิจิทัลที่หลากหลาย มีให้เลือกใช้งานได้จำนวนมาก จนทำให้ไม่รู้ระบบใดคือระบบที่เหมาะสมสำหรับองค์กรในแต่ละส่วน
  • การจัดการข้อมูลขนาดมหาศาล ข้อมูลที่มีอยู่จำนวนมหาศาล แต่ไม่สามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขยายพื้นที่จัดเก็บได้ค่อนข้างลำบาก และยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้อย่างที่ควรจะเป็น

แม้ว่าภาคอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศไทยจะยังคงมีความท้าทายในการทำ Digital Transformation อยู่ แต่ในมุมมองของ Synology ยังคงมองเห็นศักยภาพและเชื่อว่าจะยังคงสามารถเติบโตไปได้อีกมาก จึงทำให้ Synology ได้เข้าร่วมงาน Secutech 2023 ในช่วงปลายปีที่แล้ว และจัดงานสัมมนาโซลูชันสำหรับภาคการผลิตจาก Synology เพื่อแสดงโซลูชันที่ Synology มีความพร้อมสนับสนุนการทำ Digital Transformation ในหลากหลายรูปแบบ

[สัมภาษณ์พิเศษ] Synology กับตลาด Smart Manufacturing ในงาน Secutech 2023

ตามที่เห็นในหลาย ๆ องค์กรที่สามารถ Digital Transformation ได้สำเร็จ จะเห็นว่าข้อมูลองค์กรถูกแปลงมาอยู่ในรูปแบบดิจิทัลเป็นจำนวนมหาศาล และมีข้อมูลเกิดใหม่เพิ่มขึ้นทุกวันโดยไม่มีทางลดลงอีกต่อไป ดังนั้น การจัดการข้อมูลที่มีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง คือหนึ่งในกุญแจสำคัญในการทรานส์ฟอร์มองค์กรให้สำเร็จ

“เพราะข้อมูลจะโตขึ้นไปตลอด และทุกคนต้องการที่จัดเก็บข้อมูล ซึ่งถ้าหากองค์กรสามารถจัดการข้อมูลได้ง่ายมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลได้มากขึ้นเท่านั้น” คุณรหัทกล่าวเสริม

ตัวอย่างในภาคการผลิต เช่น ข้อมูลเซ็นเซอร์ที่ติดอยู่บนเครื่องจักร หรือข้อมูลจากอุปกรณ์ IoT ต่าง ๆ ซึ่งสายการผลิตที่ไม่สามารถหยุดได้หลังทรานส์ฟอร์มเข้าสู่ระบบดิจิทัลแล้ว นั่นหมายความว่าจะมีข้อมูลเกิดใหม่ขึ้นมาทุกวันและต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ซึ่งองค์กรสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ต่อยอดได้หลากหลายมาก เช่น การทำ Dashboard ดูภาพรวมสถานะอุปกรณ์ว่ายังคงปกติดีหรือไม่ หรือการทำโมเดล AI คาดการณ์ช่วงเวลาที่ต้องซ่อมบำรุง เป็นต้น

Credit : Synology

ในส่วนนี้เอง Synology มีโซลูชัน Data Management และโซลูชันการสำรองและกู้คืนข้อมูล ไปจนถึงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ถึงระดับเพตะไบต์ (Petabyte-scale) จะทำให้องค์กรสามารถจัดการการเก็บข้อมูลได้อย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ ช่วยปกป้องข้อมูลให้ปลอดภัย และทำให้จัดการความยุ่งยากซับซ้อนในข้อมูลได้ง่ายขึ้นกว่าที่ผ่านมา ที่สำคัญผลิตภัณฑ์ Synology ยังสามารถขยายขนาด (Scalability) ไปได้เรื่อย ๆ อีกด้วย

นอกจากพื้นที่จัดเก็บข้อมูลอย่างฮาร์ดดิสก์ที่ต้องใช้มากขึ้นแล้ว ยังต้องมีพื้นที่บนอาคารหรือสำนักงานที่ต้องวางอุปกรณ์เหล่านั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพราะยิ่งองค์กรมีข้อมูลเก็บไว้มากเพียงใด ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะนำข้อมูลที่มีเอาไปต่อยอดได้ข้อมูลเชิงลึก (Insight) ที่แม่นยำกว่าได้นั่นเอง จึงทำให้องค์กรต้องสำรองพื้นที่ไว้ในกรณีที่จะต้องขยายพื้นที่จัดเก็บข้อมูลด้วย

ตัวอย่างเช่น ข้อมูลปริมาณมากในสายการผลิตที่สามารถนำไปวิเคราะห์ได้ว่าจุดใดเป็นคอขวดของกระบวนการ หรือกรณีที่โรงงานต้องเก็บวีดีโอจากกล้อง CCTV ต่าง ๆ ภายในเป็นเวลา 1-2 ปีเป็นอย่างน้อย เผื่อกรณีที่ถ้าหากพบเจอปัญหาจากล็อตการผลิต ก็สามารถย้อนกลับมาดูวีดีโอที่จัดเก็บบันทึกไว้ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น เป็นต้น

ความท้าทายนี้ Synology มีโซลูชันพื้นที่จัดเก็บหนาแน่นสูง (High Density Storage) อย่าง HD6500 ที่มีขนาดเพียงแค่ 4U แต่สามารถใส่ได้ถึง 60 ช่อง (Bay) อีกทั้งยังสามารถ Scale ได้สูงถึง 300 ไดร์ฟอีกด้วย ซึ่งจะทำให้องค์กรไม่เปลืองพื้นที่ในการจัดวางอุปกรณ์มากนัก ในขณะที่สามารถจัดเก็บข้อมูลดิจิทัลได้ขนาดใหญ่มหาศาลได้

Credit : Synology

ความมั่นคงปลอดภัยในข้อมูล (Data Security) คืออีกหนึ่งสิ่งที่องค์กรทุกแห่งมีความกังวลซึ่งไม่ใช่แค่องค์กรในภาคอุตสาหกรรมการผลิตเท่านั้น เพราะทุกวันนี้ภัยคุกคามหรือการละเมิดข้อมูล (Data Breach) นั้นมีเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน

สำหรับเรื่องนี้ คุณรหัทพูดอย่างมั่นใจว่าในมุมของ Synology นั้น หากองค์กรนำผลิตภัณฑ์ Synology ใด ๆ ไปใช้งาน จะมีความมั่นใจในเรื่อง Data Security ได้เป็นอย่างสูง เนื่องจากมีการปกป้อง 3 ชั้น (Layer) ได้แก่

  1. Access Control ชั้นการกำหนดสิทธิให้เข้าถึงข้อมูลได้ว่าใครจะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนใดได้บ้าง รวมทั้ง Synology ยังมีแอปพลิเคชัน Secure Sign In ที่องค์กรใช้ยืนยันตัวตนผ่านรหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว (One Time Pasword หรือ OTP) ซึ่งทุกคนสามารถใช้งานได้ฟรี
  2. Data Protection การปกป้องข้อมูลให้มีความปลอดภัยจากการถูกจารกรรม ซึ่ง Synology จะเข้ารหัส (Encryption) ข้อมูลที่จัดเก็บลงไปแบบ AES-256 ซึ่งเป็นการเข้ารหัสระดับ Military-Grade รวมทั้งยังมีโซลูชัน Backup ที่ครอบคลุม ที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะไม่สูญหายไปได้ง่าย ๆ แน่นอน
  3. System Layer การปกป้องระดับระบบของ Synology ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอัปเดตซอฟต์แวร์หรือ Security Patch เฟิร์มแวร์ต่าง ๆ ให้อุปกรณ์ของ Synology มี Security ที่ดีที่สุดอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งยังมีหน่วย Product Security Incident Response Team (PSIRT) ที่คอยเฝ้าระวังเหตุการณ์หรือตรวจสอบช่องโหว่ที่อาจมีอยู่อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

Credit : Synology

คุณรหัท บุญตันจีน
Sales Account Manager, International Business Department แห่ง Synology

“ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา Synology ยังไม่เคยพบปัญหาช่องโหว่ใด ๆ ในอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล Network Attached Storage (NAS) ของบริษัทเลย และบริษัทก็มีโปรแกรม Security Bug Bounty อยู่ตลอด ถ้าเจอบั๊กหรือช่องโหว่ ก็ให้เงินทันทีเลยด้วย” คุณรหัทกล่าวเสริม

นอกจากนี้ คุณรหัทยังเคลมด้วยว่าด้วย ผลิตภัณฑ์ของ Synology นั้นยังตอบโจทย์ตามมาตรฐาน ISO 9001 อันเป็นมาตรฐานระบบการจัดการคุณภาพที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต รวมทั้งมาตรฐาน ISO 27001 ที่เกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลอีกด้วย จึงทำให้องค์กรที่เลือกใช้งาน Synology จะสามารถมั่นใจในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

เพราะแม้ว่าจะปกป้องข้อมูลไว้ดีเพียงใด แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดจนทำให้ต้องสูญเสียข้อมูลไปก็อาจจะเกิดขึ้นได้เสมอ ซึ่งหนึ่งในทางแก้ไขนั่นคือการสำรองข้อมูล (Data Backup) หากแต่แม้ว่าจะสำรองข้อมูลไว้ดีเพียงใด แต่ถ้าไม่สามารถเรียกคืน (Data Restore) ขึ้นมาใช้งานได้จริง ก็ถือว่าเปล่าประโยชน์ 

“สิ่งที่สำคัญมาก ๆ คือ Backup จะมีประโยชน์ ก็ต่อเมื่อสามารถเรียกคืนไปใช้งานได้” คุณรหัทกล่าว

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญมากในการสำรองข้อมูล ที่จะต้องสามารถเรียกคืนเพื่อนำกลับมาใช้งานได้เสมอ โดยเฉพาะในเวลาที่ต้องการ ซึ่ง Synology มี Hyper Backup สนับสนุนให้การสำรองข้อมูลจากพนักงานในองค์กรได้อย่างง่ายดาย พร้อมทั้งยังจัดการข้อมูลที่ซ้ำซ้อนกัน (Deduplication) ได้อัตโนมัติ ที่ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมหาศาล

นอกจากนี้ ด้วยระบบไฟล์ข้อมูลแบบ BTRFS จึงทำให้ข้อมูลมีความทนทานต่อการเสียหาย สามารถทำการซ่อมแซมตัวเองได้ ซึ่งผู้ใช้งานยังสามารถเรียกคืนได้อย่างยืดหยุ่น เช่น ต้องการเรียกคืนเป็นรายไฟล์ หรือจะเรียกคืนทั้งเครื่องเลยก็ได้ และถ้าหากมีการสำรอง Virtual Machine (VM) มาเก็บแล้วเรียกกลับไปรันไม่ได้ ยังสามารถรัน VM บน NAS ได้เลยอีกด้วย

Credit : Synology

ความพร้อมใช้สูง (High Availability) คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญอย่างมากในการทำ Digital Transformation ให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งในภาคการผลิตที่จำเป็นต้องรันระบบได้อย่างต่อเนื่องคือสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เพราะหากสายการผลิตเกิดเหตุหยุดทำงาน (Downtime) นั่นคือมูลค่าความเสียหายที่องค์กรต้องแบกรับ

ในส่วนนี้ Synology สามารถรองรับการออกแบบให้มีลักษณะ “High-Availability Cluster” ด้วยการติดตั้ง NAS 2 ตัวให้ทำสำเนา (Replicate) ข้อมูลระหว่างกัน ซึ่งเมื่อเครื่องหลักมีปัญหาก็จะสามารถย้ายมาใช้งานเครื่องสำรองได้ภายในเสี้ยววินาที

นอกจากนี้ Synology ยังสนับสนุนการทำสำรองข้อมูลเป็น Snapshot หรือทำ Disaster Recovery (DR) ได้ผ่านซอฟต์แวร์ของ Synology เองทั้งหมดโดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอุปกรณ์อื่นใดอีกแล้วด้วย จึงทำให้องค์กรมั่นใช้ได้ว่าหลัง Digital Transformation สำเร็จด้วย Synology แล้ว จะสามารถดำเนินการทางธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องแน่นอน

โดยทั่วไปหากคิดถึงระบบที่จะช่วยดูแลปกป้องทรัพย์สินภายในบ้านหรือโรงงานแล้ว มักจะนึกถึงการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ซึ่งจะช่วยทำให้สบายใจได้มากขึ้น เนื่องจากมีส่วนช่วยให้โจรอาจจะเปลี่ยนใจไปที่อื่นแทนเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ง่าย ๆ เพราะมีเหตุอะไรเกิดขึ้นก็สามารถเข้ามาดูได้ว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง

Credit : Synology

Synology นอกจากจะมีผลิตภัณฑ์พื้นที่จัดเก็บข้อมูลแล้ว ยังมีโซลูชันระบบเฝ้าระวัง (Surveillance) ที่สามารถปรับใช้ NAS มาเชื่อมต่อกับกล้อง CCTV เพื่อจัดเก็บวีดีโอจากกล้องได้เลยด้วย ซึ่งนอกจากกล้องแบรนด์ Synology เองแล้วยังรองรับกล้องแบรนด์อื่นได้ถึง 140 แบรนด์กว่า 8,300 รุ่น ที่สำคัญยังมีฟีเจอร์ AI ที่สามารถตรวจจับติดตามวัตถุหรือบุคคลได้เลยในรุ่น DVA อีกด้วย

“แต่ก่อน NAS คือกล่องอุปกรณ์ใส่ฮาร์ดดิสก์จัดเก็บข้อมูลธรรมดา ๆ แต่ปัจจุบัน NAS กลายเป็นเหมือน Magic Box ไปแล้ว” คุณรหัทกล่าว

ทุกวันนี้มีองค์กรมากมายทั่วโลกที่เลือกใช้งานผลิตภัณฑ์ของทาง Synology แล้ว โดยตัวอย่างในภาคอุตสาหกรรมการผลิตนั้น เช่น

Toyota Motor Vietnam

Toyota Motor Vietnam ที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลที่มีความเชื่อถือได้ (Reliability) สูง เพื่อให้รองรับกรณีเกิดเหตุภัยพิบัติธรรมชาติหรือถูกแรนซัมแวร์โจมตีแล้ว จะสามารถเรียกข้อมูลกลับคืนมาให้ใช้งานได้อย่างมั่นใจแน่นอน

ด้วยเหตุนี้ บริษัทเลือกใช้เทคโนโลยี Immutable Snapshot ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้มาประยุกต์ใช้ในอุปกรณ์ของ Synology จึงทำให้ Toyota Motor Vietnam มีความยืดหยุ่นทางธุรกิจมากขึ้น และค่าใช้จ่ายในการสำรองข้อมูลขององค์กรลดลงกว่า 75%

ไทยนิปปอนฟู้ดส์

ไทยนิปปอนฟู้ดส์ (Thai Nippon Foods) คืออีกหนึ่งองค์กรที่ถูกโจมตีจากแรนซัมแวร์ ซึ่งข้อมูลที่สำรองไว้นั้นอยู่ใน Cloud สาธารณะ จึงทำให้การนำข้อมูลที่สำรองมาใช้งานในองค์กรนั้นมีข้อจำกัดในเรื่องแบนด์วิดช์ (Bandwidth) ที่ต้องเสียเวลาหลายวันกว่าจะสามารถดึงข้อมูลมาใช้งานได้จริง

เพื่อให้เวลาหยุดทำงานของสายผลิตน้อยที่สุด จึงเลือกใช้โซลูชัน Synology ด้วยการทำ Snapshot ร่วมกับ Synology High Availability ในการดึงข้อมูลกลับมาได้เร็วกว่าในราคาที่ถูกกว่า จึงทำให้องค์กรเปิดระบบกลับมาได้เร็วกว่า อีกทั้งยังทำให้ระบบมีความพร้อมใช้ที่มากกว่า ประหยัดต้นทุนและเวลาด้วยโซลูชันที่ไม่มีค่าใช้จ่ายอีกด้วย

บริษัท น้ำตาลไทยกาญจนบุรี จำกัด

บริษัท น้ำตาลไทยกาญจนบุรี จำกัด นั้นมีปัญหาพื้นที่การจัดเก็บวีดีโอจากกล้องวงจรปิดนั้นมีไม่เพียงพอ จนแทบไม่สามารถเรียกวีดีโอย้อนกลับมาได้เลย รวมทั้งกล้องที่ใช้งานมีหลายยี่ห้อมาก ๆ จึงทำให้การจัดการและตรวจสอบมีความยากลำบากในการใช้งาน

ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงตัดสินใจเปลี่ยนระบบมาใช้ผลิตภัณฑ์ NAS ของ Synology เพื่อมาเชื่อมกับกล้องวงจรปิดที่มีหลากหลายแบรนด์มาจัดการผ่านเครื่องมือของ Synology แบบรวมศูนย์ที่เดียว อีกทั้งยังสามารถแชร์ข้อมูลไปมาภายในองค์กรได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

หากเข้าไปดูในเว็บไซต์จะเห็นผลิตภัณฑ์หมวดหนึ่งคือ “Productivity” ที่ปัจจุบันคือ Synology Office Suite อันเป็นชุดเครื่องมือซอฟต์แวร์สำหรับสนับสนุนการทำงานต่าง ๆ ขององค์กรได้ทั้งหมดผ่าน NAS ที่ซื้อไปปรับแต่งให้กลายเป็น Private Cloud ได้แบบฟรี ๆ เลย อาทิ

  • Synology Office ซอฟต์แวร์เครื่องมือสำหรับงานเอกสารโดยมี Synology Document, Spreadsheet และ Slide ที่ใช้สร้างสรรค์ไฟล์งานที่จัดเก็บไว้บน NAS ได้ร่วมกันผ่านเบราว์เซอร์แบบเดียวกับค่ายอื่น ๆ ให้บริการบนเว็บไซต์ยอดนิยม
  • Synology Drive ซอฟต์แวร์บริหารจัดการไฟล์บน NAS ที่ทำให้การแชร์ไฟล์ กำหนดสิทธิ และเข้าถึงไฟล์ได้อย่างปลอดภัย
  • Synology MailPlus ซอฟต์แวร์โซลูชันอีเมลแบบ On-Premises ที่ทำให้การตั้ง Mail Server เป็นเรื่องที่ง่ายและสามารถทำได้ผ่าน NAS ของ Synology ที่เดียว 

โดย Synology มีซอฟต์แวร์อื่น ๆ อีกมากมายที่สนับสนุนการทำงานเสริม Productivity ขององค์กรได้ ที่สำคัญยังสามารถใช้งานได้ฟรีอีกด้วย โดยสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ Synology 

“ทุกวันนี้ เราไม่ได้มองว่าเป็นบริษัทฮาร์ดแวร์แล้ว แต่มองตัวเองเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ ซึ่ง Synology เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เหล่านี้เองทั้งหมด โดยไม่มี 3rd Party มาช่วยพัฒนาแต่อย่างใด โดยปัจจุบัน Synology มีพนักงานราว 1,200 คน หากแต่กว่า 70% นั้นคือนักพัฒนาระบบ” คุณรหัทกล่าวเสริม 

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณรหัท บุญตันจีน Sales Account Manager, International Business Department แห่ง Synology ได้มาบอกเล่าให้กับทีมงานเห็นมุมมองของ Synology ต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิตของไทย ที่มีความท้าทายในการทำ Digital Transformation และผลิตภัณฑ์โซลูชันที่ Synology มีตอบโจทย์ในแต่ละประเด็น โดยเฉพาะเรื่อง “ข้อมูล” อันเป็นเหมือนสินทรัพย์ในยุคปัจจุบัน ซึ่งถ้าหากองค์กรต้องการความมั่นใจในการจัดเก็บข้อมูล Synology คือผลิตภัณฑ์ที่ทุกองค์กรต้องพิจารณาอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ยังมี Case Study เรื่องราวความสำเร็จขององค์กรอื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถประยุกต์ใช้ Synology สำเร็จมาแล้วทั่วโลก โดยสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

สำหรับโซลูชันอื่น ๆ ของ Synology สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ “รู้จัก 4 โซลูชันจาก Synology ที่ตอบโจทย์ได้ทุกองค์กร ในงาน Synology Solution Day 2023” ที่ Synology มาจัดงานแสดงในประเทศไทยเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่ง Synology มีผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบมาก ๆ ตั้งแต่ NAS หรือ SAN ขนาดเล็กที่สามารถใช้ภายในบ้าน ไปจนถึงระดับ Appliance ขนาดใหญ่ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกขนาดองค์กร 

สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์โซลูชันใด ๆ ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมจาก Synology ได้ที่  https://sy.to/j2lvu

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับใช้โซลูชันของ Synology สำหรับ Smart Manufacturing: https://sy.to/yf8zw