สรุปงานสัมมนา NDBS & SAP User Conference 2024: 3 กลยุทธ์ใหม่ Clean Core, AI และ Cloud

0

ในงานสัมมนา NDBS & SAP User Conference 2024 ที่เพิ่งจบไปเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2024 ที่ผ่านมา ทาง NDBS Thailand, SAP Thailand , Google Cloud , AWS และลูกค้าองค์กรของทาง NDBS Thailand ได้มาร่วมกันแบ่งปันประสบการณ์การใช้งาน SAP และการวางกลยุทธ์ใหม่ๆ สำหรับธุรกิจโดยมีเทคโนโลยีเป็นศูนย์กลาง ซึ่งในปีนี้ธีมสำคัญนั้นได้แก่ Clean Core, AI และ Cloud โดยแต่ละธีมจะมีความสำคัญอย่างไร และในงานจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง มาติดตามกันได้ในบทความสรุปงานสัมมนาจากงาน NDBS & SAP User Conference 2024 กันคะ

Bring Out the Best: SAP ยังคงเติบโตในไทยอย่างต่อเนื่อง NDBS Thailand  ชี้ถึงเวลาองค์กรปรับตัวใช้ Cloud Mindset

คุณวิศิษฐ์ วิระยากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นทีที เดต้า บิสซิเนส โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ NDBS Thailand  ได้กล่าวเปิดงานถึงธีม Bring Out the Best ในงานนี้ว่าเป็นธีมที่กำหนดกลยุทธ์ของการใช้งาน SAP หลังจากนี้ ที่ธุรกิจองค์กรจะต้องเปลี่ยนทั้งวิธีคิดในการออกแบบปรับแต่งระบบ SAP บน Cloud ใหม่ ไปจนถึงการนำเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ จาก SAP โดยเฉพาะ AI เข้ามาประยุกต์ใช้ เพื่อดึงศักยภาพของธุรกิจออกมาให้ได้มากที่สุด

ในมุมของ NDBS Thailand นั้น ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ เราได้มีการขยายจากการทำเพียงแค่โซลูชัน ERP ของ SAP มาสู่โซลูชันอื่นๆ อย่างครบถ้วน เช่น การทำ SAP Ariba สำหรับงานจัดซื้อและบริหารจัดการ Supply Chain, SAP SuccessFactors สำหรับการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล, SAP Customer Experience สำหรับการบริหารจัดการการขายและการตลาด, SAP Analytics Cloud สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ, SAP Business Technology Platform (SAP BTP) สำหรับการพัฒนาส่วนต่อขยายของโซลูชัน SAP, SAP Concur สำหรับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายของธุรกิจ, SAP Signavio สำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการในธุรกิจด้วยการทำ Process Mining, SAP LeanIX สำหรับการวางแผนและจัดการการ Transform องค์กรสู่ Digital ไปจนถึงล่าสุด ที่ได้เริ่มมีการนำ SAP Business AI สำหรับการพัฒนาระบบ AI สำหรับตอบโจทย์ธุรกิจองค์กรโดยเฉพาะเข้ามาเสริมทัพ

อีกแง่มุมหนึ่ง สำหรับ ERP เองนั้น NDBS Thailand นำเสนอทุกโซลูชันของ SAP อย่างครบถ้วน  ตั้งแต่ SAP S/4HANA ระบบ ERP สำหรับธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ที่หลายท่านน่าจะรู้จักกันดี, RISE with SAP และ GROW with SAP ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ในการใช้งาน SAP S/4HANA บน Cloud ไปจนถึง SAP Business One สำหรับธุรกิจ SME โดย NDBS Thailand ได้มีการพัฒนาโซลูชันหรือบริการใหม่ๆ เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการเพิ่มเติมให้กับธุรกิจองค์กรไทย เช่น e-Tax Invoice, ERP Migration และอื่นๆ อีกมากมาย

แน่นอนว่าเทคโนโลยีทั้งหมดนี้จะอยู่บน Cloud และทำให้ NDBS Thailand ได้ชี้ถึงความสำคัญของการที่ผู้บริหารองค์กรรวมถึงผู้ดูแลระบบ SAP จะต้องเปลี่ยนไปใช้ Cloud Mindset ที่เหมาะสม โดยนอกจากจะเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานโซลูชันต่างๆ ของ SAP มาใช้บน Cloud แล้ว ก็ยังต้องปรับวิธีคิดในการปรับปรุงหรือปรับแต่งระบบ ให้สอดคล้องกับแนวทางของ Cloud เพื่อให้การใช้งานโซลูชันของ SAP ในระยะยาวมีความยั่งยืนด้วย

ในงานสัมมนาครั้งนี้ จึงมุ่งเน้นไปที่การนำเสนอโซลูชันที่หลากหลายของ SAP โดยจัดแสดงบูธกว่า 10 โซลูชัน พร้อมทั้งเชิญ AWS และ Google Cloud ซึ่งเป็นพันธมิตรของ SAP มาร่วมนำเสนอบนเวทีสัมมนาและออกบูธด้วยเช่นกัน

SAP ภูมิใจเติบโตพร้อมธุรกิจองค์กรไทย เผยวิวัฒนาการใหม่ในยุค AI

คุณกุลวิภา ปิยวัฒนเมธา กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอินโดจีนของ SAP ได้ขึ้นเวทีมาตอกย้ำถึงทิศทางของ SAP ในอนาคต ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้ธุรกิจทั่วโลกมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่เข้มแข็งขึ้น ด้วยวิสัยทัศน์ของ SAP ที่เปลี่ยนตัวเองจากการเป็น ERP Company มาสู่การเป็น Platform ที่จะช่วยให้ธุรกิจมีความรวดเร็วคล่องตัวและมีนวัตกรรมของตนเองมากขึ้น ซึ่ง AI จะเป็นจุดสำคัญที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจหลังจากนี้ มีความสนุก ท้าทาย และง่ายดายยิ่งกว่าที่เคย

ในมุมของคุณกุลวิภา แนวทาง Bring Out the Best ของ SAP มีด้วยกัน 3 แนวทาง ได้แก่

Agility at Scale ธุรกิจจะต้องมีความยืดหยุ่นรวดเร็วตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่จะต้องรองรับการเติบโตเพิ่มขยายและจัดการข้อมูลของธุรกิจและลูกค้าจำนวนมหาศาลได้

Business Resilience ธุรกิจจะต้องมีความยืดหยุ่นเชื่อมต่อกับภาคส่วนอื่นๆ ภายนอก เช่น Ecosystem, Supply Chain หรือ Channel ได้อย่างครบถ้วน สร้างเป็น Connected Supply Chain ที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงได้อยู่เสมอ

Sustainability at Your Core ความยั่งยืนกำลังเป็นประเด็นสำคัญในการดำเนินธุรกิจทุกวันนี้ และธุรกิจที่ตอบรับต่อความยั่งยืนได้ จะสามารถยืนหยัดอยู่ในอุตสาหกรรมใดๆ ได้อย่างเข้มแข็งกว่าคู่แข่ง

ทิศทางที่น่าสนใจของ SAP ก็คือการที่ SAP ก้าวสู่ตลาดของธุรกิจที่มีขนาดเล็กและขนาดกลางมากขึ้นเรื่อยๆ โดยปัจจุบัน SAP มีลูกค้าทั่วโลกมากกว่า 480,000 ราย ซึ่งกว่า 80% เป็นธุรกิจกลุ่ม SME โดยมีลูกค้าที่มีผู้ใช้งาน Cloud ร่วมกันมากกว่า 330 ล้านคน และมีพันธมิตรทั่วโลกมากกว่า 26,000 ราย ทั้งนี้ในประเทศไทย มีธุรกิจที่เลือกใช้งาน SAP กว่า 3,000 รายเลยทีเดียว

กลยุทธ์ที่สำคัญของ SAP หลังจากนี้ คือการก้าวสู่ตลาด AI อย่างเต็มตัว ด้วยการนำเสนอโซลูชันเพื่อให้ธุรกิจสามารถสร้างและใช้งาน AI ของตนเองด้วยข้อมูลธุรกิจที่มีอยู่และข้อมูลจากภายนอกได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น AI Foundation on SAP BTP สำหรับการพัฒนาหรือใช้งาน AI Model พื้นฐานตามต้องการ, Embedded AI ที่มีให้ใช้งานในทุกโซลูชันของ SAP, Customized AI สำหรับการพัฒนา AI ด้วยตนเอง

SAP Joule เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ SAP ตั้งใจพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็น AI สำหรับใช้งานในฐานะของ User Interface ที่จะตอบสนองต่อคำถามหรือการทำงานของทั้งผู้บริหารและพนักงานในองค์กรสำหรับการใช้งานทุกๆ ส่วนของ SAP ซึ่งภายในสิ้นปีนี้ การทำสิ่งต่างๆ บน SAP กว่า 80% จะสามารถทำผ่าน Joule ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงหรือใช้งานความสามารถของ SAP หรือจากภายนอก SAP ก็ตาม

3 กลยุทธ์ใหม่สู่การใช้ SAP ได้อย่างยั่งยืน

คุณนพดล เจริญทอง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจการตลาดขนาดกลางของ SAP ได้มาเล่าถึงแนวทางในการใช้งาน SAP อย่างยั่งยืน ซึ่งประเด็นหลักๆ ที่ธุรกิจองค์กรไปจนถึงธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางต้องให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ ก็เป็นเพราะธุรกิจที่จะอยู่รอดในอนาคตนั้นต้องยืนอยู่บนหลัก “ปลาเร็วกินปลาช้า” แทนที่จะเป็น “ปลาใหญ่กินปลาเล็ก” อย่างในอดีต นับเป็น Paradigm Shift ครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วโลก

ในมุมของคุณนพดล การใช้ SAP ได้อย่างยั่งยืนนั้น ตัวระบบจะต้อง Be Up-to-Date และ Be Adaptable อยู่เสมอ เพื่อให้ธุรกิจนั้นได้รับคุณสมบัติสำคัญ 3 ส่วนในการใช้งาน SAP ได้แก่ Business Agility, IT Flexibility และ Modular Innovation

ในงานสัมมนาครั้งนี้ได้นำเสนอถึงแนวทางที่เป็น Best Practice สำหรับธุรกิจองค์กรที่ใช้งาน SAP ทุกแห่งทั่วไทยและทั่วโลก เพื่อนำไปวางกลยุทธ์ด้าน Digital ของตนเองได้อย่างเหมาะสม 3 ประการ ดังนี้

1. Clean Core วางระบบให้เรียบง่าย อัปเกรดบน Cloud ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้ศักยภาพของ SAP ได้อย่างเต็มที่

เป้าหมายของ Clean Core นั้นคือการออกแบบระบบของ SAP ให้มีความยืดหยุ่นสูงสุด โดยมีการปรับแต่งส่วนหลักของระบบให้ซับซ้อนน้อยที่สุด เพื่อให้การรับการอัปเดตความสามารถและนวัตกรรมใหม่ๆ ของ SAP เกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการทการแยกส่วนของการปรับแต่งที่มีความซับซ้อนสูงออกไปยัง SAP BTP แทน ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะช่วยให้องค์กรต่างๆ ไม่ต้องเสียทรัพยากรไปกับกระบวนการในการอัปเดต SAP อีกต่อไปในอนาคต

สำหรับธุรกิจที่ต้องการปรับนำแนวทาง Clean Core ไปใช้งาน สามารถเลือกทำได้ 2 แนวทาง ได้แก่ Green Field คือการ Implement ระบบของ SAP ใหม่บน Cloud แล้วย้ายข้อมูลเดิมเข้ามา หรือ Brown Field ที่ทำการย้ายทั้งระบบเดิมขึ้นสู่ Cloud ไปพร้อมกับการปรับแต่งส่วนต่างๆ ของระบบให้มีความเรียบง่ายมากขึ้น ซึ่งทาง SAP มีเครื่องมือที่จะสามารถช่วยในส่วนนี้ได้เช่นกัน

2. AI อนาคตของ SAP และธุรกิจองค์กรทั่วโลก กับการผสาน AI เข้าเป็นส่วนสำคัญของระบบบริหารจัดการธุรกิจ

ความสามารถของ SAP นั้นจะรองรับการทำ AI ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้ง Machine Learning, Deep Learning และ Generative AI โดยจะมีทั้ง AI Foundation ซึ่งรวมโมเดลพื้นฐานสำหรับการทำ AI มาให้พร้อมนำไปประยุกต์ใช้งาน, Embedded AI ซึ่งเป็น AI ที่ฝังตัวอยู่ในแต่ละความสามารถของ SAP ที่พร้อมใช้งานได้ทันที และ Joule ซึ่งเป็น Generative AI ในแบบ Assistant AI และ Agentic AI ซึ่งจะช่วยให้การตอบสนองกับข้อมูลหรือกระบวนการทางธุรกิจทำได้ผ่าน AI

วิสัยทัศน์ของ SAP นั้นคือการพัฒนา Generative AI เชิงธุรกิจที่จะช่วยให้ผู้บริหารและพนักงานมีความเข้าใจในสถานการณ์ของธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และง่ายดายยิ่งขึ้น ด้วยการให้ Generative AI ทำหน้าที่ในการตรวจสอบเรียนรู้และสรุปข้อมูลธุรกิจ หรือตอบสนองต่อลูกค้าโดยอัตโนมัติ ซึ่งปัจจุบัน SAP ก็เริ่มมีการวางแนวทางการนำ AI ไปใช้ในแผนกต่างๆ ของธุรกิจไม่ว่าจะเป็น Finance, Supply Chain, Customer Experience, Procurement, Human Resources และ IT & Cross Function แล้ว ดังนั้นหากธุรกิจองค์กรใดสนใจที่จะเริ่มนำ AI ไปใช้ในฝ่ายใดของธุรกิจก่อน สามารถเริ่มต้นพูดคุยกับทาง SAP ได้ทันที

3. Cloud เลือกใช้บริการ Cloud ที่เหมาะสมต่อธุรกิจ เร่งการเติบโตต่อยอดตอบโจทย์ที่แตกต่างกันให้ได้อย่างลงตัว

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าอนาคตของ SAP หลังจากนี้จะอยู่บน Cloud แต่ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ การเลือกผู้ให้บริการ Cloud ที่เหมาะสมต่อธุรกิจ จะสามารถช่วยต่อยอดธุรกิจได้มากยิ่งกว่าที่เคย

ด้าน AWS ได้มานำเสนอถึงการผสานความสามารถของ SAP on AWS ร่วมกับ Generative AI ที่จะทำให้การนำข้อมูลบน SAP มาใช้งานร่วมกับ AI มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยทาง AWS เองที่ได้ประกาศเปิด Data Center ในประเทศไทยในช่วงต้นปี 2025 ที่กำลังจะมาถึงนี้แล้ว ก็เชื่อว่าจะทำให้ธุรกิจองค์กรไทยสามารถเริ่มต้นใช้งาน SAP ได้อย่างง่ายดายยิ่งกว่าที่เคยในแบบ Total Solution โดยปัจจุบันก็มีธุรกิจองค์กรทั่วโลกมากกว่า 8,000 รายแล้วที่เลือกใช้งาน SAP บน AWS

ในเชิงของระบบโครงสร้างพื้นฐาน AWS ได้มีการพัฒนาบริการใหม่ๆ ขึ้นมาตอบโจทย์การใช้งาน SAP โดยเฉพาะที่หลากหลาย เช่น EC2 High Memory Instance เพื่อรองรับ HANA, SAP HANA Cloud บน AWS Graviton ทางเลือกสำหรับการใช้งาน SAP บนหน่วยประมวลผลสถาปัตยกรรม ARM ส่วนทางด้าน AI นั้น ก็มีโซลูชันอย่างเช่น SAP Generative AI Hub ที่สามารถเชื่อมต่อ SAP BTP เข้ากับ Amazon Bedrock สำหรับรองรับงาน AI, การใช้ AWS เพื่อเทรน AI Model และนำไปใช้งานกับ SAP Business AI, การใช้งาน SAP Joule บน AWS ไปจนถึงการใช้ Amazon Q on Quicksight เพื่อดึงข้อมูลจาก SAP มาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลจากแหล่งข้อมูลอื่นๆ เป็นต้น

Google Cloud นั้นได้นำเสนอซึ่งบริษัทในเครือ Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google ที่มีการบังคับใช้งาน SAP ทั้งหมดของบริษัทในเครือบน Google Cloud เพื่อตอกย้ำถึงความเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้น และเรียนรู้ค้นหาพัฒนาแนวทางการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ร่วมกับ SAP อยู่เสมอ จนมีการออก Road Map โดยเฉพาะสำหรับ SAP บน Google Cloud ที่ชัดเจนในแต่ละปี

แนวทางดังกล่าวทำให้ Google Cloud นั้นมีโซลูชันที่พิเศษเหนือกว่าผู้ให้บริการ Cloud รายอื่นๆ เช่น Google Big Query ที่สามารถดึงข้อมูลจาก SAP DataSphere มาทำการวิเคราะห์ร่วมกับ Big Data อื่นๆ ได้โดยตรง, การนำเสนอ SLA 99.95% ที่เหนือกว่าคู่แข่งซึ่งมักจะนำเสนอที่ 99.9%, Google Cloud Cortex with GenAI ที่เปิดให้ผู้ใช้งานทำการ Prompt คำสั่งเชื่อมต่อกับ SAP นำเสนอข้อมูลออกมาเป็นกราฟได้, การมี ABAP SDK for Google Cloud ช่วยให้การพัฒนาระบบมีทางเลือกมากขึ้น

และเช่นเดียวกัน Google Cloud เองก็ได้มีการประกาศลงทุน Data Center ในไทยแล้ว ซึ่งก็เชื่อว่าจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจองค์กรไทยสามารถเลือกใช้งาน SAP บน Google Cloud กันมากขึ้นในอนาคต

NDBS ได้รับความไว้วางใจ บรรลุความสำเร็จในหลายโครงการ SAP ที่ท้าทาย

ในงานสัมมนาครั้งนี้ NDBS Thailand ได้มีการเชิญลูกค้าในหลากหลายธุรกิจมาแบ่งปันประสบการณ์การขึ้นระบบ SAP และใช้งานจริง ซึ่งก็มีกรณีเด่นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเล่าอย่างน่าสนใจหลายประเด็นทีเดียว

สำหรับกรณีของ Bangkok Airways นั้นเป็นการแบ่งปันประสบการณ์การย้ายระบบเดิมมาสู่ RISE with SAP บน AWS ซึ่งทาง NDBS Thailand ได้เข้าไปร่วมประสานงานออกแบบระบบและดำเนินการจนโครงการลุล่วงได้ดีภายในเวลาเพียงแค่ 5 เดือน โดยมีการให้คำปรึกษาแก้ไขปัญหาเชิงเทคนิคในหลายประการ

ทางด้าน R.X.Group  ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ เวชภัณฑ์ และยาแบรนด์แอร์เอ็กซ์ วันเกิร์ด เอเอ็มเค ยารักษาโรค รวมถึงเครื่องมือแพทย์ต่าง ๆ ได้เลือกใช้ RISE with SAP S/4HANA Cloud, private edition กับทาง NDBS Thailand ครอบคลุมบริษัทในเครือ เพื่อบริหารจัดการธุรกิจได้ในภาพรวม และควบคุมการผลิตหรือการวิจัยไปในเวลาเดียวกัน

นอกจากนี้ ก็ยังมีการจัด Discussion Panel ของกลุ่มผู้ใช้งาน SAP Business One โดยเชิญ A&C Cosmetic Co., Ltd., Filter Vision Public Co., Ltd., SHU Global Co., Ltd. และ SPC Cosmetics Co., Ltd. มาร่วมวงเสวนา แบ่งปันประสบการณ์การขึ้นระบบและการบริหารจัดการธุรกิจด้วย SAP ในแง่มุมที่หลากหลาย

ทั้งนี้ก็ยังมีกรณีศึกษาอื่นๆ ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น Thai Indo Kordsa Co.,Ltd. ที่ทำโครงการ SAP S/4HANA Rollout ทั่วโลกรวมถึงไทย, การใช้ SAP ของ Nice Apparel Ltd. ผู้ผลิตเสื้อผ้ากีฬา และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ที่ใช้ SAP Business One เชื่อมต่อกับระบบ Hospital Management System เพื่อบริหารจัดการโรงพยาบาลอย่างเป็นระบบ

สุดท้ายที่น่าจับตามอง ก็คือการพัฒนาระบบ e-Tax Invoice และ e-Tax Receipt ของทาง NDBS ที่เชื่อมต่อกับโซลูชันต่างๆ ของ SAP ได้ เพื่อให้ธุรกิจสามารถปรับตัวไปสู่การทำ Digital Billing และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพสำหรับกลุ่มค้าปลีกที่ต้องออกใบเสร็จปริมาณมหาศาลในแต่ละวัน

เกี่ยวกับ NTT DATA Business Solutions (Thailand) Ltd.

บริษัท NTT DATA Business Solutions  (Thailand) Ltd. ภายใต้กลุ่ม บริษัท NTT DATA ผู้ให้บริการระบบ SAP และ Data Center ระดับโลก และเป็นผู้นำทางด้าน Digital Transformation และเป็นสมาชิก SAP Global Partner ที่พร้อมคำปรึกษาและบริการด้านการออกแบบ พัฒนา ติดตั้งโซลูชัน SAP Solution และ IT Solution อื่น ๆ ให้กับลูกค้าในประเทศไทย เพื่อพัฒนาระบบบริหารการจัดการในองค์กรในทุกกลุ่มประเภทธุรกิจ

สำหรับธุรกิจที่ต้องการปรึกษาด้านโซลูชั่น SAP เพื่อพัฒนาระบบบริหารการจัดการในองค์กรให้ดีขึ้น NTT DATA Business Solutions Thailand พร้อมให้คำปรึกษาในทุกกลุ่มประเภทธุรกิจ ติดต่อได้ที่ โทร 02 237 05553 หรือติดตาม ได้ที่ email: [email protected] หรือ www.nttdata-solutions.com