แม้การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เดบิต และช่องทางอื่นๆเช่น Apple Pay และ Samsung Pay นั้นจะได้รับความนิยมมากขึ้น แต่การใช้เงินสดก็ยังคงเป็นช่องทางการใช้จ่ายที่ได้รับความนิยมมากที่สุด Visa ในฐานะผู้สนับสนุน(และได้ผลประโยชน์)จากสังคมไร้เงินสด จึงงัดกลยุทธสร้างแรงจูงใจให้ร้านค้าเลิกรับเงินสดด้วยการมอบเงินจูงใจที่อาจมีมูลค่าสูงถึง 10,000 ดอลล่าร์สหรัฐ
Visa ออกประกาศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาถึงโครงการมอบเงินที่อาจมีมูลค่ามากถึง $10,000 ให้กับผู้ประกอบการขนาดเล็กในสหรัฐฯ 50 ราย เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ธุรกิจเหล่านั้นอัพเดทระบบจ่ายเงินให้เป็นแบบดิจิทัลทั้งหมด โดยในระยะแรก Visa จะเน้นไปที่ธุรกิจร้านอาหารก่อนเป็นลำดับแรก ก่อนจะขยายผลไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆและประเทศอื่นๆในอนาคต
Visa อ้างถึงผลการศึกษาที่ยังไม่มีรายงานออกมาว่า ลำพังในพื้นที่ New York City ธุรกิจสามารถสร้างรายได้เพิ่มได้อีกถึง $6,800 ล้านใน และประหยัดเวลาพนักงานได้ 186 ชั่วโมง หากเปลี่ยนมาใช้จ่ายในรูปแบบดิจิทัลแทนเงินสด แต่เนื่องจากการติดตั้งระบบเบื้องหลังของการจ่ายแบบดิจิทัลนั้นถือเป็นอุปสรรคหลักหลักของการรับเงินผ่านช่องทางดิจิทัลของธุรกิจขนาดเล็ก Visa จึงมุ่งหวังว่าการอัดฉีดเงินทุน $10,000 จะช่วยกำจัดอุปสรรคข้อนี้ออกไปได้ และหากหลังติดตั้งระบบเป็นที่เรียบร้อยแล้วยังมีเงินเหลืออยู่ Visa ก็เต็มใจมอบให้ธุรกิจนั้นนำไปใช้ในด้านอื่นๆต่อไป
สำหรับเกณฑ์ในการสมัครเข้าร่วมโครงการ Cashless Challenge ดังกล่าว ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร คาเฟ่ หรือ food truck จะต้องอธิบายให้ได้ชัดเจนว่าการเปลี่ยนไปใช้การจ่ายแบบดิจิทัลทั้งหมดนั้นจะส่งผลดีอย่างไรต่อทั้งธุรกิจ ลูกจ้าง และลูกค้า
“เรากำลังประกาศสงครามกับเงินสด” Andy Gerlt โฆษกของวีซ่ากล่าวราวกับโครงการที่ออกมานั้นเจตนายังไม่ชัดเจนพอ
อย่างไรก็ตาม แม้การผลักดันอันอุกอาจนี้จะดูน่าตื่นเต้นและส่งผลให้เราเดินหน้าไปถึงสังคมไร้เงินสดจะส่งผลดีต่อธุรกิจและสังคมในระยะยาวได้เร็วขึ้น ก็ต้องไม่ลืมว่าทาง Visa เองก็มีผลประโยชน์ร่วมอยู่ในค่าธรรมเนียมของการใช้จ่ายเงินรูปแบบดิจิทัลมหาศาลเช่นกัน
