อุตสาหกรรมเพชรเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่อ้าแขนเปิดรับเทคโนโลยี blockchain ได้อย่างที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง ทั้งนี้ก็เพื่อแก้ปัญหาที่ประสบกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนานเรื่องการปลอมแปลงและแหล่งที่มาของเพชร
เพชรนั้นจัดว่าเป็นอัญมณีสูงค่าที่ได้รับความนิยมในทุกยุคทุกสมัย ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีราคามาก เป็นที่ต้องการมาก ก็ย่อมหลีกหนีปัญหาการปลอมแปลงไม่พ้น ทว่านอกจากปัญหาเพชรปลอมแล้ว อุตสาหกรรมเพชรยังต้องจัดการกับปัญหา blood diamond อีกด้วย เพชรที่ถูกเรียกว่า blood diamond เหล่านี้ถูกขายทอดตลาดเพื่อนำเงินรายได้ไปทำศึกสงคราม การอุดหนุนพวกมันจึงอาจนับว่าเป็นการสนับสนุนเงินให้กับการทำสงครามทางอ้อมนั่นเอง
2 ข้อที่กล่าวไปนั้นนับว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่อุตสาหรรมเพชรต้องการแก้ไข และวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดในการทำเช่นนั้นคือการทำให้ผู้ซื้อสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของเพชรได้ จุดนี้นี่เองที่เทคโนโลยี blockchain ได้เข้ามาช่วยด้วยคุณลักษณะ distributed ledger ของมัน
บริษัท Everledger เปิดให้บริการขึ้นทะเบียนเพชรผ่านเทคโนโลยี blockchain ที่จะทำให้สามารถตรวจสอบได้ว่าเพชรแต่ละเม็ดนั้นมีแหล่งที่มา สี กะรัต เลข certificate และคุณสมบัติอย่างไรบ้าง ระบบดังกล่าวได้เข้ามาแทนที่การทำเอกสาร certificate ของ supplier เพชรด้วยขั้นตอนในการสแกนและระบุแหล่งที่มาของเพชรซึ่งจะถูกจัดเก็บในฐานข้อมูล blockchain ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ในปัจจุบันระบบของ Everledger ยังคงมุ่งเน้นไปที่การให้บริการกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องภายใน supply chain ของอุตสาหกรรมเพชรก่อน โดยมีแผนที่จะขยายการให้บริการไปยังร้านค้าผู้จัดจำหน่ายและผู้บริโภคในปี 2018 ซึ่งนั่นหมายความว่าในอนาคตผู้บริโภคอาจสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของเพชรได้ผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของตัวเองที่หน้าร้าน
นอกจากเพชรแล้ว Everledger ยังมีบริการให้กับสินค้าราคาสูงอื่นๆ เช่น ไวน์ หรือวิจิตรศิลป์ในรูปแบบต่างๆ ด้วยหลักการเก็บข้อมูลในลักษณะเดียวกัน นับว่าเป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี blockchain ที่น่าสนใจ และดึงเอาจุดเด่นด้านความโปร่งใสและความปลอดภัยมาใช้ได้อย่างดีเยี่ยม
หากระบบดังกล่าวถูกพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ไม่แน่ว่าในอนาคตเราอาจจะสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้าทั่วไปในชีวิตประจำวันได้เช่นกัน ซึ่งมันอาจเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของทั้งผู้ผลิต ฝ่ายต่างๆใน supply chain และผู้บริโภคไปโดยสิ้นเชิง