ทีมวิจัยจากคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัย UCLA ได้รับเงินลงทุนเกือบ 4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 132 ล้านบาทไทย) จาก Army Research Laboratory เพื่อพัฒนาระบบ Internet of Things เพื่อใช้ประโยชน์ในพื้นที่สงคราม
ด้วยเงินสนับสนุนที่ได้รับนี้ ทางทีมจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับพาหนะไร้คนขับ เซ็นเซอร์ และระบบที่จะช่วยให้ปฏิบัติการณ์ทางทหารนั้นเป็นไปได้โดยระบบอัตโนมัติทั้งหมด หรืออย่างน้อยที่สุดช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกกับผู้ปฏิบัติภารกิจนั้นสามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของปฏิบัติการณ์ทางทหาร สร้างความได้เปรียบในศึกสงคราม และลดจำนวนผู้เสียชีวิตในพื้นท่ีสงคราม
การพัฒนาเทคโนโลยี IoT เพื่อพื้นที่สงครามนั้นแน่นอนว่ามีข้อจำกัดมากกว่าระบบ IoT ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการที่อุปกรณ์มีความเสี่ยงมากที่จะเสียหายหรือถูกทำลาย หรือสถานการณ์ที่คาบเกี่ยวระหว่างความเป็นความตายของมนุษย์ ทำให้เทคโนโลยีที่จะถูกนำมาใช้ในโครงการนี้นั้นจำเป็นจะต้องมีการรักษาความปลอดภัยและน่าเชื่อถือสูงที่สุด
การลงทุนให้กับ UCLA ในครั้งนี้นั้นเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาเทคโนโลยี IoT เพื่อการทหารที่มีชื่อยาวเหยียดว่า Alliance for Internet of Battlefield Things Research on Evolving Intelligent Goal-driven Networks ซึ่งเป็นโครงการมูลค่า 25 ล้านเหรียญสหรัฐที่มี Army Research Laboratory หน่วยงานวิจัยของกองทัพสหรัฐฯเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนนั่นเอง
การพัฒนาเทคโนโลยี เช่น IoT หรือปัญญาประดิษฐ์เพื่อนำไปใช้กับสถานการณ์ที่ล่อแหลมทางศีลธรรมอย่างการทำศึกสงครามนั้นก็คงต้องเป็นที่ถกเถียงกันต่อไปว่ามนุษยชาติจะได้ประโยชน์หรือโทษจากมันมากกว่ากัน และในระดับนานาชาติ เราควรจะมีการจัดการอย่างไร ไม่ให้เทคโนโลยีนั้นกลายเป็นสิ่งที่จะเข้ามาทำลายอารยธรรมของพวกเรา