การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่มีความคิดอยากฆ่าตัวตายอย่างทันท่วงทีนั้นเป็นงานที่ Facebook ได้วางมาตรการ ลงมือทำ และปรับปรุงพัฒนาขั้นตอนวิธีอย่างต่อเนื่องมานานกว่า 10 ปี โดยทางบริษัทเครือข่ายสังคมรายใหญ่นี้ก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงเทคนิคที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งรวมไปถึงการหยิบเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาร่วมด้วย
การตรวจจับข้อความหรือความคิดอยากฆ่าตัวตายให้ได้เร็วที่สุดนั้นก็ยังคงเป็นหัวใจหลักของการดำเนินงาน และล่าสุด Facebook เองก็ได้ออกมาเผยถึงการปรับปรุงระบบเฝ้าระวัง 3 ข้อใหญ่ ได้แก่
- การใช้ pattern recognition เพื่อตรวจจับโพสต์หรือวิดีโอ live ที่อาจมีผู้ใช้กำลังแสดงความคิดอยากจบชีวิตอยู่ ซึ่งนอกจากคำพูดของเจ้าตัวแล้ว ระบบยังใช้ความคิดเห็นในโพสต์นั้นๆ เช่น “คุณโอเคไหม?” และ “ฉันช่วยอะไรได้รึเปล่า” มาเป็นตัวบ่งชี้โพสต์หรือวิดีโอที่อาจยังไม่มีการ report กับทางแพลตฟอร์ม โดยระบบนี้ Facebook ได้เริ่มเปิดใช้บริการแล้วในบางพื้นที่นอกประเทศสหรัฐอเมริกา และจะขยายการทำงานไปทั่วโลก ยกเว้นภายในสหภาพยุโรป
- การพัฒนาวิธีในการตรวจจับคอมเมนท์ที่สื่อถึงความปกติ โดยพัฒนาระบบที่ทำให้ทีมงานสามารถรับรู้ถึงความผิดปกติได้โดยง่าย เช่น การเข้าถึงวิดีโอ ณ จุดที่จู่ๆจำนวนคอมเมนท์และ reaction ก็เพิ่มขึ้นสูง เครื่องมือที่ทำให้ทีมงานเข้าถึงจุดที่น่าจะเป็นปัญหาอย่างรวดเร็วจะช่วยให้พวกเขาสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และนอกจากเครื่องมือนี้แล้ว Facebook ยังมีระบบอัตโนมัติที่จะทำให้ทีมงานสามารถติดต่อผู้ที่เข้ามาคอมเมนท์แสดงความเป็นห่วงเป็นคนแรกๆ (เช่น “คุณโอเคไหม?”) ได้อย่างรวดเร็ว
- นอกจากฝั่งเทคโนโลยีแล้ว Facebook ยังได้สร้างทีมคอยเฝ้าระวังผู้ที่มีความคิดฆ่าตัวตายและดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง โดยประกอบไปด้วยทีมงานหลายพันคนจากทั่วทุกมุมโลกซึ่งรวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ได้ผ่านการฝึกฝนด้านความคิดฆ่าตัวตายและการทำร้ายตัวเอง ทีมงานเหล่านี้จะทำงานร่วมกับเครื่องมือที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อจัดการกับปัญหาอย่างรวดเร็ว เช่น ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่จะคอยจัดลำดับความสำคัญของกรณีที่ได้รับการแจ้งเตือนเข้ามา และแจกแจงงานไปยังทีมต่างๆให้เหมาะสม เป็นต้น
Facebook ได้เริ่มลองใช้ขั้นตอนการดำเนินการที่ถูกกล่าวถึงไปนี้เป็นครั้งแรกในเดือนที่ผ่านมา และได้มีการติดต่อกับผู้มาคอมเมนท์เป็นคนแรกๆ (first responders) ในโพสต์ที่เผยความคิดอยากฆ่าตัวตาย เพื่อทำการเฝ้าระวังสถานการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริงมากกว่า 100 ราย Facebook พบว่าวิธีดังกล่าวช่วยให้พวกเขาสามารถตอบสนองต่อกรณีที่น่าเป็นห่วงได้อย่างรวดเร็ว และสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในกรณีฉุกเฉินเร่งด่วนได้เร็วกว่าเดิมถึง 2 เท่า
หนึ่งในวิธีการป้องกันการฆ่าตัวตายที่ดีที่สุดนั้นคือการสอดส่องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดจากผู้คนรอบๆตัว จึงเป็นการดีไม่น้อยที่ในปัจจุบันเราทุกคนนั้นอยู่ในโลกที่ Facebook ก็พอจะนับเป็น”คนใกล้ตัว”คนหนึ่งได้เหมือนกัน