GE Healthcare บริษัทลูกของ General Electric ประกาศกระชับความสัมพันธ์กับ Nvidia และ Intel เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของผลิตภัณฑ์เครื่องมือทางการแพทย์
การขยายขอบเขตของร่วมมือกันระหว่าง GE Healthcare และทั้ง 2 บริษัทนั้นถูกประกาศขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบประมวลผลภาพถ่าย ซึ่งหนึ่งในขั้นตอนนั้นคือการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วย
GE Healthcare นั้นเป็นเจ้าของอุปกรณ์ถ่ายภาพทางการแพทย์กว่า 500,000 เครื่องทั่วโลก และด้วยการร่วมมือกับ Nvidia อุปกรณ์เหล่านั้นจะถูกอัพเกรดด้วยระบบ Revolution Frontier CT ซึ่งใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มีความซับซ้อนสูง ที่จะทำให้อุปกรณ์ดังกล่าวสามารถประมวลผลภาพถ่ายได้เร็วขึ้นถึง 2 เท่า และมีความแม่นยำในการตรวจจับความผิดปกติ เช่น ความเสียหายที่ตับ ได้สูงกว่า ลดการติดตามผลที่ไม่จำเป็น และลดภาพถ่ายที่ไม่สามารถใช้งานได้
นอกจากนี้ เทคโนโลยีจาก Nvidia ยังจะเข้ามาช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพอุปกรณ์ Vivid E95 4D Ultrasound System ที่ใช้ในการแสดงภาพระบบหลอดเลือดหัวใจ รวมไปถึงการใช้ GPU และแพลตฟอร์ม parallel computing ของ Nvidia ในแพลตฟอร์ม healthcare analytics ชิ้นใหม่ด้วย
GE Healthcare กล่าวว่าโรงพยาบาลโดยทั่วไปนั้นมีข้อมูลจากภาพสแกน ชาร์ตผู้ป่วย และเซ็นเซอร์ต่างๆวันละกว่า 50 petabytes แต่ข้อมูลที่นำไปใช้งานได้จริงกลับมีไม่ถึงร้อยละ 3 ของจำนวนนั้น โดย GE Healthcare หวังว่า การร่วมมือกับ Nvidia ในครั้งนี้จะทำให้พวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้ สร้างแอปพลิเคชั่นที่มีประโยชน์ และช่วยให้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์นั้น”เกิด”ในแวดวงการแพทย์ได้
ในขณะเดียวกัน GE Healthcare ก็ได้ประกาศขยายความร่วมมือกับ Intel ซึ่งจะทำให้ GE Healthcare กลายมาเป็นบริษัททางการแพทย์เจ้าแรก ที่ใช้งานแพลตฟอร์ม Intel Xeon Scalable ในผลิตภัณฑ์
แพลตฟอร์ม Xeon Scalable นวัตกรรมล่าสุดจาก Intel นี้จะช่วยให้ต้นทุนของอุปกรณ์ถ่ายภาพทางการแพทย์ลดลงสูงสุดถึงร้อยละ 25 และลดเวลาในการประมวลผลภาพในโซลูชั่นของ GE Healthcare ลงจากเดิม ประสิทธิภาพและความเร็วที่ดีขึ้นจะช่วยให้นักรังสีวิทยาสามารถทำงานช่วยเหลือผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น
ความร่วมมือในครั้งนี้นั้นจะทำให้ GE Healthcare มีโซลูชั่นบนแพลตฟอร์ม Wind River® Titanium Control ที่จะทำให้ระบบในโรงพยาบาลนั้นมีความปลอดภัย ทำงานได้เร็วขึ้น ไม่ล่ม และมีต้นทุนที่ต่ำลง
และความร่วมมือดังกล่าวยังรวมไปถึงการร่วมกันตั้ง Joint Performance Acceleration Lab (JPAL) ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมสำหรับทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ทางการแพทย์ของ GE Healthcare ที่มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มผลิตผลในการทำงานด้านรังสีวิทยา และเพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์เพื่อการลดต้นทุนให้กับผู้ให้บริการด้านสุขภาพ
GE Healthcare นั้นนับเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์รายใหญ่รายหนึ่งของโลก และการกระชับความสัมพันธ์กับพาร์ทเนอร์ในลักษณะดังกล่าวนั้นน่าจะเป็นเครื่องบ่งชี้อย่างดี สำหรับเทรนด์ของการให้บริการทางการแพทย์ในอนาคต ที่จะเป็นพื้นที่ของนวัตกรรมจากเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูล ปัญญาประดิษฐ์ หรือแม้กระทั่ง Internet of Things อย่างไม่ต้องสงสัย