เมื่อไม่นานมานี้ นักวิจัยด้าน AI ของ Google ได้แสดงวิธีใหม่ที่สอนคอมพิวเตอร์ให้เรียนรู้ว่ารูปภาพแบบไหนจะเป็นที่น่าพึงพอใจในเชิงสุนทรีย์ในสายตาของมนุษย์ แต่เดิม ระบบสามารถแยกชนิดรูปภาพได้โดยใช้การจำแนกเบื้องต้น เช่น แยกได้ว่ารูปไหนมีแมวอยู่ และงานวิจัยใหม่ได้แสดงให้เห็นว่า ตอนนี้ AI สามารถแยกภาพตามคุณภาพของรูปได้โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการจำแนกหมวดหมู่ใดๆ
ขั้นตอนที่ว่านี้มีชื่อเรียกว่า Neural IMage Assessment (การประเมินรูปภาพด้วยประสาทเทียม หรือ NIMA) โดยใช้ระบบการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ในการฝึก Convolutional Neural Network (โครงข่ายประสาทเทียมแบบสังวัตนาการ หรือ CNN) เพื่อทำนายค่าเรตติ้งของภาพต่างๆ ระบบจะตรวจสอบทั้งพิกเซลของภาพไปจนถึงความงามในภาพรวม แล้วจึงประเมินแนวโน้มเรตติ้งที่คาดว่ามนุษย์จะให้ พูดง่ายๆ คือ AI พยายามเดาว่าเราจะชอบภาพนั้นมากแค่ไหน
ทั้งนี้ AI ยังไปไม่ถึงจุดที่จะรู้สึกนึกคิดเองได้ แต่ก็นับว่ามันกำลังเข้าใกล้ความเป็นศิลปินเข้าไปทุกที ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวสามารถนำไปใช้เลือกรูปที่ดีที่สุดในชุดรูปภาพก็ได้ ยิ่งถ้าคุณเป็นคนประเภทที่ชอบถ่ายรูปครั้งหนึ่ง 20 หรือ 30 ช็อตเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ภาพที่ดีที่สุด เทคโนโลยีนี้จะช่วยประหยัดพื้นที่ให้คุณได้อีกมาก เพราะแค่กดปุ่มเพียงครั้งเดียว AI ก็จะรีวิวภาพทั้งหมดในคลัง ดูว่าภาพไหนเหมือนกันแล้วจึงลบภาพเหล่านั้นออกไป เหลือไว้แต่ภาพที่ดีที่สุด
NIMA ยังสามารถนำไปใช้ปรับการตั้งค่ารูปภาพให้เหมาะสมเพื่อให้ภาพผลลัพธ์ออกมาสมบูรณ์แบบอีกด้วย เช่น ตั้งค่าความสว่าง ไฮไลท์ และแสงเงา
แม้ว่ามันอาจจะยังไม่นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สร้างโครงข่ายประสาทเทียมที่แยกคุณภาพของรูปได้เกือบดีเท่ากับตาของมนุษย์เอง แต่ก็มีตัวแอปพลิเคชันสำหรับคอมพิวเตอร์ที่มีการมองเห็นเสมือนมนุษย์อีกเป็นจำนวนมาก
การที่จะทำให้ AI ทำภารกิจในโลกแห่งความเป็นจริงได้ เช่นเดียวกับการขับรถอย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องใช้คนช่วยนั้น แน่นอนว่า AI ต้องได้รับการฝึกให้สามารถ “เห็น” และเข้าใจสภาพแวดล้อมของมัน ซึ่ง NIMA และโปรเจคคล้ายๆ กันนั้นก็กำลังปูทางสำหรับกลไลที่มีความสามารถเต็มเปี่ยมในอนาคต
