มีบทความที่น่าสนใจจาก Business Insider ได้ออกมาสรุปถึง 7 ทักษะที่เด็กๆ ควรเริ่มต้นได้เรียนตั้งแต่วันนี้ เพื่อรับมือกับโลกแห่งเทคโนโลยีและหุ่นยนต์ในอนาคต จึงขอนำมาเรียบเรียงเอาไว้เป็นภาษาไทยพร้อมเสริมข้อมูลต่างๆ เข้าไป เผื่อจะเป็นประโยชน์กับพ่อแม่ผู้ปกครองชาวไทยบ้างไม่มากก็น้อย
1. เรียนเขียนโปรแกรม
จากสถิติของหน่วยงาน Bureau of Labor นั้น งานด้าน Software Engineering จะเติบโตอย่างรวดเร็วถึง 18.8% ในขณะที่ Computer Systems Analyst นั้นจะเติบโตถึง 20.9% นับตั้งแต่วันนี้จนถึงปี 2024 และแนวโน้มดังกล่าวนี้ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั่วโลก ดังนั้นในแง่ของการทำงาน การมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมนี้ถือเป็นสิ่งที่จะทำให้ได้เปรียบมากทีเดียวในอนาคต
ในขณะเดียวกัน ต่อไปการเขียนโปรแกรมนั้นก็จะกลายเป็นทักษะพื้นฐานที่ต้องใช้ในหลากหลายวิชาชีพ เพื่อให้สามารถทำการสั่งงานเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ทำงานที่มีความซับซ้อนสูง หรือทำงานซ้ำๆ แทนมนุษย์ได้ ดังนั้นไม่ว่าสุดท้ายแล้วลูกของคุณจะไปทำงานในสาขาอาชีพใด การมีความรู้เรื่องการเขียนโปรแกรมติดตัวเอาไว้ก็จะทำให้ได้เปรียบเป็นอย่างมากในแง่ของการทำงาน
ทั้งนี้การเรียนเขียนโปรแกรมเองนั้นก็จะช่วยให้เด็กมีทักษะในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบมากขึ้น, มีความคิดเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น, มีความคิดสร้างสรรค์สูงขึ้น และยังมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้นด้วยในตัว แต่การหาครูสอนด้านการเขียนโปรแกรมที่ถ่ายทอดได้ดี และช่วยให้เด็กๆ ได้ลงมือทำอะไรเองก็ถือเป็นโจทย์ที่ยากไม่น้อยเลยสำหรับบรรดาผู้ปกครอง
2. เรียนรู้ทักษะด้านการวิเคราะห์ข้อมูล
ปัจจุบันนี้แทบทุกธุรกิจใหญ่เริ่มมีการนำข้อมูลมาใช้ในหลากหลายขั้นตอนและกระบวนการกันแล้วอย่างเป็นทางการ และอนาคตการนำข้อมูลมาใช้ในธุรกิจ, กระบวนการ, บริการ หรือผลิตภัณฑ์ก็จะยิ่งมีมากขึ้นไปอีก ทักษะด้านการวิเคราะห์ข้อมูลให้ได้อย่างเป็นระบบและสมเหตุสมผลนั้นจึงกลายเป็นทักษะพื้นฐานที่แรงงานทั่วโลกไม่อาจหลีกเลี่ยงกันได้อีก
หากนับภาพของตลาดแรงงานในสหรัฐอเมริกา ปริมาณงานด้านการวิเคราะห์ข้อมูลนั้นมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอีกถึง 30% ในเวลา 7 ปีข้างหน้า และหากยิ่งมีทักษะด้านการเขียนโปรแกรมประกอบ จนสามารถวิเคราห์ข้อมูล Big Data เพื่อค้นหาองค์ความรู้หรือแนวโน้มที่สำคัญๆ ได้ ก็จะยิ่งทำให้มีคุณค่าสูงยิ่งขึ้นไปอีกในตลาดแรงงาน
เช่นเดียวกับการเขียนโปรแกรม การวิเคราะห์ข้อมูลนี้จะกลายเป็นทักษะพื้นฐานที่ทุกๆ อาชีพต้องมีในอนาคต และท่ามกลางโลกที่ข้อมูลใหม่ๆ ถูกสร้างขึ้นมาตลอดเวลานี้ ผู้ที่หาประโยชน์ได้จากข้อมูลเหล่านั้นอย่างสูงสุด ย่อมได้เปรียบผู้อื่นที่ไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน
3. มีพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ที่ดี
อย่างไรก็ดี ทั้งการเขียนโปรแกรมและการวิเคราะห์ข้อมูลนั้น พื้นฐานที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์ ที่จะกลายเป็นฐานสำหรับการต่อยอดที่หลากหลาย ทั้งการมองปัญหา, การลำดับแก้ไขปัญหา, การวิเคราะห์ข้อมูล, การนำเครื่องมือทางคณิตศาสตร์เข้ามาช่วยคิดคำนวน อีกทั้งยังเป็นพื้นฐานที่จะนำไปสู่วิชาชีพที่หลากหลายทั้งด้านการเงิน, การวิเคราะห์ และงานทางด้านบัญชี
การเรียนคณิตศาสตร์ที่ดีนั้นไม่ใช่การเรียนเพื่อท่องจำสูตรหรือบวกลบคูณหารได้เร็ว แต่หัวใจของการเรียนคณิตศาสตร์หรือการสร้างตรรกะในการแก้ไขปัญหาที่ดีให้กับเด็กๆ ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ประสบความสำเร็จในอาชีพการงานและการเริ่มต้นธุรกิจของตนเองในอนาคต
4. เรียนมนุษยศาสตร์และศิลปศาสตร์
ในอนาคตนั้น AI และหุ่นยนต์จะเข้ามาทดแทนตำแหน่งงานหลายร้อยตำแหน่งในแต่ละปี หากลูกของคุณไม่ม่ีความรู้หรือทักษะที่เทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาทดแทนได้ยากเลย ก็อาจะเป็นปัญหาได้
ปัจจุบัน AI และหุ่นยนต์นั้นมีความเก่งกาจเรื่องการทำงานซ้ำๆ และการนำข้อมูลปริมาณมหาศาลมาทำการเรียนรู้และลงมือทำในสิ่งที่กำหนดเอาไว้ ดังนั้นงานที่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์อย่างสูง, การจัดการกับผู้คน และการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบในภาพใหญ่ได้นั้นก็จะเป็นงานที่ยังคงไม่ถูกเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาทดแทนได้ง่ายนัก การเรียนรู้ด้านมนุษยศาสตร์และศิลปศาสตร์เองก็จะเป็นการเสริมมุมมองที่ดีแก่เด็กๆ และจะกลายเป็นการสร้างทักษะที่ไม่อาจถูกทดแทนเหล่านี้ขึ้นมาได้นั่นเอง
5. เรียนวิทยาศาสตร์ให้สามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้
วิชาวิทยาศาสตร์นั้นถือว่าเป็นประตูบานแรกๆ ที่จะช่วยเปิดให้เด็กๆ ก้าวเข้าสู่โลกของการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดด้วยตัวเอง ซึ่งในโลกที่ความรู้และเทคโนโลยีเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วนี้ ความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่องนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ในอนาคต ลูกของคุณจะไม่ได้เลือกเดินเส้นทางสายวิทยาศาสตร์ แต่ความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ด้วยตัวเอง และความกล้าในการลองผิดลองถูกนี้ก็จะมีประโยชน์ไม่น้อย อย่าลืมสังเกตลูกของคุณว่าสามารถทำสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเองได้หรือไม่ เพราะบางทีการเรียนตามหลักสูตรที่วัดผลจากความรู้ที่เกิดจากการท่องจำนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรในสิ่งเหล่านี้เลย
6. เรียนรู้เรื่องราวด้านการเงิน
ในเวลานี้ วงการหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมากนั้นก็คือวงการการเงิน ที่นอกจากจะมีเทคโนโลยีหรือแนวคิดใหม่ๆ เกิดขึ้นมาตลอดแล้ว การเงินเองก็ยังถือเป็นศาสตร์ที่คนที่ได้เรียนรู้ก่อนยิ่งได้เปรียบทั้งในแง่ของแนวคิดและเครื่องมือต่างๆ เพราะจะทำให้สามารถวางแผนทางด้านการเงินของตนเองได้ดีขึ้น อีกทั้งหากวันหนึ่งลูกของคุณจะต้องก้าวไปสู่การเป็นผู้บริหารระดับสูง ความรู้เรื่องการเงินนี้ก็ถือเป็นหัวใจสำคัญเลยทีเดียว
ถึงโลกในอนาคตนั้นจะมีเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วย แต่การเงินที่เป็นเรื่องซึ่งแต่ละคนต้องวางแผนให้เหมาะสมกับชีวิตของตนเองและเลือกด้วยตัวเองนั้นก็ยังเป็นเรื่องหนึ่งที่มนุษย์ยังคงต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง เพราะเทคโนโลยีเหล่านั้นทำได้อย่างมากก็แค่แนะนำทางเลือกต่างๆ เท่านั้น
7. เรียนรู้ทักษะด้านการสื่อสาร
การมีความรู้และทักษะต่างๆ จนสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ หรือค้นหาแนวทางใหม่ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้นั้นย่อมสำคัญ แต่การสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจและเห็นด้วยได้นั้นก็ถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยี AI นั้นยังห่างไกลกับการสื่อสารแบบเป็นธรรมชาติกับมนุษย์อยู่มาก และถึงแม้เทคโนโลยีเหล่านั้นจะพัฒนาขึ้นมาจนดีมากแล้ว มนุษย์เราก็ต้องมีวิธีการแสดงออกที่มีประสิทธิภาพอยู่ดี
อย่างไรก็ดี การสื่อสารนี้เป็นสิ่งที่อาจไม่ได้มีสอนเป็นรายวิชา แต่เป็นสิ่งที่ค่อยๆ สร้างขึ้นมาได้จากประสบการณ์ต่างๆ ดังนั้นก็อย่าลืมดูแลให้ลูกหลานของคุณมีโอกาสได้ฝึกทักษะตรงนี้ให้ดีด้วย
8. เรียนภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้ดี
ข้อนี้เป็นข้อที่ทีมงาน ADPT ขอเพิ่มเข้ามาเอง เพราะทักษะการใช้ภาษาที่ดีนั้นจะนำไปสู่การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ด้วยตัวเอง และการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพไปพร้อมๆ กัน โดยถึงแม้ภาษาไทยจะไม่ใช่ภาษาที่แพร่หลายในระดับโลก แต่การสื่อสารทางธุรกิจได้ในไทยก็ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็น ส่วนการเรียนรู้ภาษาอังกฤษนั้นก็จะเป็นประตูที่เปิดไปสู่โอกาสใหม่ๆ อีกมากมาย ในขณะที่ภาษาจีนเองนั้นก็ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยและกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในยามนี้