ร้านอาหารหรือภัตตาคารทั่วไปในสหรัฐอเมริกานั้นอาจมีอาหารเหลือในแต่ละวันรวมแล้วเฉลี่ยถึง 45.36 ตันต่อปี และด้วยกฎหมายห้ามการนำอาหารเหลือเหล่านั้นมาจำหน่ายในวันต่อไป ทำให้ร้านอาหารจำเป็นต้องทิ้งพวกมันไปอย่างน่าเสียดาย DoorDash บริการส่งอาหาจึงรออกไอเดียดีๆ ใช้อัลกอริทึมเพื่อค้นหาหนทางนำอาหารเหล่านั้นไปยังที่ food bank ที่ใกล้เคียงเพื่อบริจาคให้ผู้ที่ต้องการต่อไป
โครงการที่มีชื่อว่า DASH (DoorDash Acts for Sustainability and Hunger) นี้เป็นการร่วมมือระหว่าง DoorDash และ Feeding America องค์กรเพื่อความหิวโหยของสหรัฐฯ นำอัลกอริทึมของ DoorDash มาใช้ในแอปพลิเคชัน MealConnect ที่เปิดพื้นที่ให้ร้านอาหารหรือภัตตาคารต่างๆถ่ายรูปอาหารที่เหลือในแต่ละวัน จากนั้นแพลตฟอร์ม MealConnect นี้จะค้นหา food bank ที่พักชั่วคราวของผู้คนไร้ที่อยู่ หรือองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอื่นๆ แล้วจึงใช้ algorithm ในการค้นหาวิธีการที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการขนส่งอาหารจากร้านไปยังจุดหมายปลายทาง
โครงการนี้ถูกออกแบบมาให้ร้านอาหารสามารถบริจาคอาหารไปยังผู้ที่ต้องการได้โดยง่าย เพียงแค่อัพโหลดรูปอาหารลงไปในแอปเท่านั้น ซึ่งกลไกดังกล่าวก็ได้เข้ามากำจัดความยุ่งยากจากเดิมในอดีตที่หากร้านอาหารต้องการบริจาคอาหาร อาจต้องมีการโทรศัพท์ติดต่อกับ food bank หลายครั้ง และมิหนำซ้ำ อาจต้องนำอาหารไปส่งเองถึงที่ หากพนักงานจาก food bank ไม่ว่าง ความง่ายดายของ DASH จึงอาจส่งเสริมให้มีการบริจาคอาหารมากขึ้นด้วยความสะดวกเช่นนี้
อัลกอริทึมของ DoorDash ที่ว่านี้เดิมนั้นถูกพัฒนาขึ้นเพื่อคำนวณวิธีการส่งอาหารให้กับลูกค้าทั่วไป โดยนำปัจจัยหลายร้อยชนิดมาคิดประกอบ นอกจากนี้แล้ว DoorDash ยังได้นำเทคโนโลยีจาก DoorDash Drive ที่เกิดขึ้นมาเพื่อการส่งอาหารจำนวนมากในลักษณะ catering มาใช้เพื่อส่งอาหารเหลือไปบริจาคด้วย
ในเดือนมกราคมนี้ DoorDash นั้นจะออกค่าใช้จ่ายในการจัดส่งให้กับโครงการ DASH ทั้งหมด และจะทำการบริจาคอาหาร 1 มื้อต่อทุกๆคำสั่งซื้อที่เกิดขึ้นในเว็บไซต์หรือแอป DoorDash ด้วย และในอนาคต ผู้ส่งอาหารนั้นจะสามารถเลือกได้ว่าจะบริจาคเวลาของตนเพื่อส่งอาหารไปยัง food bank หรือไม่
