NICE Real-Time Voice Authentication อนาคตของการพิสูจน์ตัวตน ใช้แค่เสียงพูด ไม่ต้องมีรหัสผ่าน

0

การพิสูจน์ตัวตนด้วยพาสเวิร์ดนั้นอาจไม่ใช่เรื่องยากอะไรหากคุณกำลังใช้งานผ่านสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ เท่าๆกับการยืนยันด้วยลายนิ้วมือหรือรูม่านตาหากระบบมีอุปกรณ์เก็บลายนิ้วมือหรือกล้องคุณภาพสูงที่เหมาะสม แต่สำหรับการสื่อสารด้วยเสียง ที่มีแนวโน้มก้าวเข้ามาเป็นรูปแบบปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และคอมพิวเตอร์ที่จะมีการใช้อย่างแพร่หลายในอนาคต วิธีข้างต้นที่กล่าวไปอาจก่อให้เกิดความยุ่งยากโดยไม่จำเป็น ทุกวันนี้จึงมีการพิสูจน์ตัวตนอีกรูปแบบหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ คือการพิสูจน์ตัวตนด้วยอัตลักษณ์ทางเสียง

หากลองคิดถึงสถานการณ์ในชีวิตประจำวันอย่างการติดต่อไปยังผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ แน่นอนว่าก่อนการให้บริการใดๆ พนักงานบริการปลายสายจำเป็นที่จะต้องสอบถามชื่อ และวันเกิดของผู้จดทะเบียนเบอร์โทรศัพท์นั้นๆในบางครั้ง เพื่อยืนยันว่าตนกำลังให้บริการแก่ผู้ที่มีสิทธิรู้และเปลี่ยนแปลงข้อมูลแต่แท้จริง แต่หากลองนึกไปถึงบริการที่ต้องการความปลอดภัยระดับสูงกว่านั้นเช่น call center ของธนาคาร การถามตอบเพียงข้อมูลเบื้องต้นอาจไม่เพียงพอและนำไปสู่ความเสียหายทางทรัพย์สิน

NICE จึงนำเสนอโซลูชัน NICE Real-Time Authentication ที่ล้ำไปอีกขั้น กับการพิสูจน์ตัวตนด้วยอัตลักษณ์ทางเสียงที่มีความเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้วในตัวบุคคล โดยเทคโนโลยีจะทำการวิเคราะห์เสียงพูดมาประมวลผลเป็น parameters มากกว่า 50 ชนิด เพื่อทำการเปรียบเทียบกับข้อมูลเสียงของเจ้าของบัญชีที่แท้จริงที่ได้มีการเก็บไว้ก่อนหน้า ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วไม่กี่วินาทีเท่านั้น และหากการยืนยันตัวตนไม่สำเร็จ ระบบก็สามารถส่งต่อไปยังการพิสูจน์ตัวตนแบบดั้งเดิม หรือแจ้งเตือนไปยังเจ้าหน้าที่เพื่อเฝ้าระวังการฉ้อโกงได้

การพิสูจน์ตัวตนนี้สามารถเกิดขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ยึดติดกับคีย์เวิร์ด รหัสลับ หรือภาษาใดๆ เนื่องจากเทคโนโลยีเบื้องหลังนั้นเป็นการประมวลผล voiceprint ลักษณะของเสียงที่มีพื้นฐานมาจากการเคลื่อนไหวทางกายภาพที่ก่อให้เกิดเสียงพูด ทำระบบสามารถยืนยันตัวตนได้ไม่ว่าจะพูดประโยคหรือภาษารูปแบบใด

ความเป็นธรรมชาติของการพิสูจน์ตัวตนเช่นนี้จะช่วยเพิ่มประสบการณ์ในการใช้งานให้กับผู้ใช้ ไปพร้อมๆกับการลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการให้บริการที่เดิมถูกใช้ในการถามตอบคำถามเพื่อยืนยันตน นอกจากนี้แล้ว การเลือกใช้อัตลักษณ์ของเสียงมาเป็นเครื่องพิสูจน์ยังเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบ เนื่องจากไม่สามารถลอกเลียน หรือปลอมแปลงได้ โดยเคยมีการพิสูจน์มาแล้วว่าสามารถแยกแยะได้ถึงเนื้อเสียงที่ไม่เหมือนกันของฝาแฝดเลยทีเดียว

ปัจจุบันระบบ Voice Authentication ของ NICE นี้ได้มีการใช้งานจริงแล้วในคอลเซ็นเตอร์ของธนาคาร บริษัทโทรคมนาคม และธุรกิจบริการอื่นๆทั่วโลก สำหรับในประเทศไทยเองก็มีผู้ใช้บริการอย่าง Citi Bank ที่นำระบบดังกล่าวไปใช้ตั้งแต่ปี 2016 ในบริการ CitiPhone Banking ระบบธนาคารผ่านโทรศัพท์ที่มีผู้ดำเนินการธุรกรรมกว่า 200,000 รายการต่อเดือน ซึ่งนอกจากนั้นแล้ว ธนาคารหลายรายภายในประเทศก็ได้มีแผนที่จะนำระบบพิสูจน์ตัวตนนี้มาใช้ในบริการ call center ของตนเช่นกัน

ระบบพิสูจน์ตัวตนผ่านเสียง NICE Real-Time Authentication นี้สามารถถูกติดตั้งขึ้นใช้งานได้ภายใน 6 เดือน อีกทั้งยังสามารถต่อขยายไปเชื่อมกับระบบอื่นๆของ NICE เช่น ระบบประมวลผลบทสนทนา หรือการดำเนินการกระบวนการแบบอัตโนมัติ (automation) โดย NICE นั้นมีโซลูชันและเทคโนโลยีให้เลือกใช้หลากหลาย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าและข้อกฎหมายในการให้บริการว่าจะออกแบบระบบออกมาในรูปแบบใด

NICE เป็นบริษัทมหาชนจดทะเบียนในตลาดหุ้น NASDAQ ที่เข้ามาให้บริการในตลาดประเทศไทยมาแล้วมากกว่า 10 ปี มีลูกค้ารอบโลกกว่า 25,000 องค์กร โดยมีกลยุทธการดำเนินการ 2 หัวใจหลัก ได้แก่ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และเทคโนโลยี cloud

ปัจจุบัน NICE เน้นการให้บริการโซลูชันด้านข้อมูลที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด และบริการด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ เช่น ระบบพิสูจน์ตัวตนผ่านเสียง หากท่านใดสนใจหรือมีข้อสงสัย สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nice.com