ในอีกไม่นานนี้ Delta จะนำระบบรู้จำใบหน้ามาใช้งานสำหรับในเที่ยวบินระหว่างประเทศ (international flight) ที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮาร์ทสฟิลด์–แจ็คสัน แอตแลนตา (Hartsfield-Jackson Atlanta International Airport) ในปลายปีนี้ โดยการตรวจจับสแกนใบหน้านั้นจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกเท่านั้น ซึ่งนั่นก็คือเป็นอีกทางเลือกที่จะทำให้นักท่องเที่ยวประหยัดเวลาในการเช็คอินได้
หากใครที่ไม่ต้องการให้ใบหน้าของพวกเขานั้นถูกสแกนก็สามารถทำได้ หากแต่ตัวเลือกนี้จะให้ใช้งานสำหรับคนที่มีสัญชาติอเมริกาเท่านั้น โดยนักท่องเที่ยวจะต้องมีการสแกนตามมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยข้อมูลจะถูกนำมาเก็บรวบรวมไว้และเก็บไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ หากแต่ว่าประวัติการออกนอกประเทศจะยังเก็บไว้อยู่นานกว่า 10 ปีสำหรับพลเมืองและผู้ถือบัตรเขียว และมากกว่า 7 ทศวรรษสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป
ในการเพิ่มประสิทธิภาพของ Delta ครั้งนี้นั้นเป็นเพียงแค่ส่วนล่าสุดที่ได้นำเอาระบบรู้จำใบหน้า (facial recognition) มาใช้กับระบบรักษาความปลอดภัยในสนามบินของ US โดยในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เทคโนโลยีนี้ได้ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้เป็นครั้งแรกที่สนามบินหนึ่งใกล้ๆ เมืองวอชิงตัน ดีซี ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ได้มีจำนวนสนามบินถึง 14 แห่งที่ได้เริ่มใช้เทคโนโลยีรู้จำใบหน้าเพื่อสกรีนคัดกรองคนที่เข้ามาในสหรัฐอเมริกาด้วยเอกสารที่สำแดงไม่ตรงกัน อย่างเช่นสนามบินนานาชาติดัลเลส (Dulles Airport) ก็ได้มีการทดสอบระบบรู้จำใบหน้านี้ตั้งแต่ปี 2558 หรือว่าอย่างสนามบินเจเอฟเค (JFK Airport) ก็ได้เริ่มทดสอบระบบนี้ตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งทั้งสองสนามบินนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการนำร่องขยายระบบ Biometric Exit ที่จะใช้ระบบรู้จำใบหน้าเพื่อตรวจสอบผู้ถือวีซ่าว่าพวกเขาสามารถออกจากประเทศได้
ส่วนของกรมศุลกากรและการป้องกันชายแดนนั้นยังคงอยู่ในระหว่างการพิจารณานำระบบนี้มาใช้เพื่อตรวจสอบ identity ของคนๆ จริงๆแทนการยื่นเอกสาร boarding pass หรือเอกสารประจำตัวประชาชน