Tesla ทำกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีในไตรมาสที่ผ่านมา

0

Tesla รายงานถึงการทำกำไรเป็นครั้งแรกในไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2018 ซึ่งนับเป็นการทำกำไรครั้งแรกหลังผลประกอบการขาดทุน 7 ไตรมาสติดต่อกัน

Tesla เผยผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2018 ว่ามีกำไรกว่า 312 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (เทียบกับการขาดทุน 619 ล้านเหรียญในช่วงเดียวกันในปีก่อน) และมีกระแสเงินสดอิสระ (เงินที่เหลือเมื่อหักค่าใช้จ่ายจำเป็นทุกอย่างแล้ว) 881 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ไตรมาสนี้กลายเป็นไตรมาสแรกตั้งแต่ปี 2016 ที่ Tesla ทำกำไรได้สำเร็จ

ตัวเลขกำไรในครั้งนี้เป็นผลมาจากยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้า Model 3 ที่ Tesla มีการส่งมอบไปกว่า 56,065 คันในช่วงเวลาดังกล่าว และเมื่อนับรวมกับรุ่นอื่นๆแล้วทำให้ Tesla มีส่งมอบรถไปกว่า 83,500 คัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มมากกว่า 2 เท่าจากไตรมาสก่อน

Tesla กล่าวในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นว่าพวกเขาเชื่อว่าศักยภาพทางตลาดของ Model 3 นั้นมีมากกว่าการเป็น sedan premium ทั่วไป เพราะมีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่เปลี่ยนใจจากการใช้รถยนต์ที่ราคาถูกกว่ามาซื้อ Model 3 ด้วย ถึงแม้ในไตรมาสที่ผ่านมา Model 3 จะยังมีราคาสูงถึง 49,000 เหรียญก็ตาม

เดิม Tesla ตั้งเป้าราคาขายของ Model 3 ไว้ที่ 35,000 เหรียญ โดยทางบริษัทกล่าวว่ากำลัง”ทำงานอย่างหนัก”เพื่อดำเนินการลดต้นทุนเพื่อให้สามารถขายได้ที่ราคาดังกล่าวได้เร็วยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายได้ออกมาแสดงความกังวลว่าราคาที่ต่ำถึง 35,000 เหรียญนั้นจะทำให้ Tesla ไม่สามารถทำกำไรได้อย่างยั่งยืนและต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เพราะปัจจุบันบริษัทก็มีหนี้อยู่กว่า 10,000 ล้านเหรียญในขณะที่มีเงินในบัญชีที่สามารถจ่ายได้เพียง 3,500 ล้านเหรียญ

Model 3 นั้นนอกจากจะเปิดขายในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาแล้ว Tesla ยังมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังลูกค้าในยุโรปและจีนก่อนสิ้นปีนี้ด้วย

ก่อนหน้านี้ Tesla เคยมีผลประกอบการเป็นตัวเลขบวกอยู่เพียง 2 ไตรมาสเท่านั้นตั้งแต่การก่อตั้งบริษัท ในการแถลงถึงผลกำไรในครั้งนี้จึงส่งผลให้หุ้น Tesla ถีบตัวขึ้นสูงเกือบ 12% ไปแตะอยู่ที่ราคา $320 ต่อหุ้นเมื่อวานนี้ ก่อนจะค่อยๆขยับลงมาที่ $288.50 ต่อหุ้น ณ เวลาเขียน