Gartner เผยถึง 3 Priorities ยอดนิยมที่ผู้นำ HR ตั้งใจจะทำในปี 2019 พร้อมทั้งแนะนำวิธีการดำเนินการไปสู่เป้าหมายดังกล่าวให้เหล่า HR ได้นำไปปรับใช้กันในองค์กร
Gartner ได้ทำการสำรวจผู้นำ HR หลายระดับ 843 รายทั่วโลกถึงความเป็นไปและแผนการในปี 2019 พวกเขาพบว่าจุดที่ผู้นำ HR ต้องการพัฒนามากที่สุดในปีข้างหน้า คือ
- การสร้างทักษะและความสามารถภายในองค์กร
- การเสริมความเข้มแข็งทั้งในกลุ่มผู้นำปัจจุบันและผู้นำในอนาคต และ
- การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ร่วมงาน
ซึ่งการพัฒนา 3 ข้อนี้ Gartner เชื่อว่ามีที่มาจาก 4 เทรนด์แรงงานที่เกิดขึ้นอยู่ทั่วโลกในปัจจุบัน 4 เทรนด์แรงงานทั่วโลกที่ว่านี้ก็มีได้แก่
1. ตลาดแรงงานที่ต้องการคนทำงานมากขึ้น
อัตราการว่างงานในปัจจุบันนั้นลดต่ำลงเรื่อยๆ และความต้องการแรงงานสำคัญๆ โดยเฉพาะแรงงานด้านดิจิทัลนั้นพุ่งขึ้นสูงอย่างมาก จากการสำรวจ Gartner TalentNeuronTM พบว่า เกือบครึ่ง (47%) ของการประกาศรับสมัครงานของกลุ่มบริษัท S&P 100 นั้นเป็นการประกาศรับสมัครงานในตำแหน่งซ้ำๆ 37 ตำแหน่ง ซึ่ง 90% ของบริษัท S&P 100 มีการว่าจ้างตำแหน่งเดียวกันนี้
นอกจากนี้ องค์กรทั่วโลกยังได้ประสบกับความต้องการทักษะที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ มีการเกิดทักษะใหม่ๆขึ้น การพัฒนาต่อยอดของทักษะเดิม และการลดหลั่นความสำคัญของบางทักษะลง
2. Digital Disruption
Digital Disruption นั้นบีบให้ทุกองค์กรต้องปรับตัว และจากการสำรวจ Gartner Digital Enterprise 2020 Survey พบว่า ร้อยละ 67 ของผู้บริหารเห็นว่าหากองค์กรของพวกเขาไม่มีกลางเปลี่ยนแปลงดิจิทัลอย่างใหญ่หลวงภายในปี 2020 ก็อาจไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้แล้ว ความกดดันจึงตกมาที่ HR ในการเตรียมแรงงานที่เหมาะสม ทั้งการว่าจ้าง และพัฒนาทักษะพนักงานเดิม เพื่อสนับสนุน Digital Transformation ขององค์กร
3. ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมือง
โครงสร้างทางสังคมและแนวคิดทางการเมืองนั่นเริ่มเข้ามามีบทบาทมากต่อพนักงานในองค์กร ประเด็นอย่างค่าแรงที่ไม่เท่าเทียมและการเคลื่อนไหว #MeToo นั้นส่งผลกระทบอย่างมากต่อการรักษาคนให้อยู่กับองค์กรต่อไปและสปิริตในการทำงาน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อประสิทธิผลในการทำงานด้วย
4. ความทุ่มเทในการทำงาน (Discretionary Effort) ที่ลดลง
องค์กรทั่วโลกประสบกับปัญหาไม่สามารถปฏิสัมพันธ์กับพนักงานได้เพียงพอ และพบว่าพนักงานในองค์กรมีความทุ่มเทในการทำงานและความตั้งใจที่จะอยู่ในองค์กรต่อไปในระดับที่ไม่สูง
4 แนวโน้มนี้เป็นปัญหาที่องค์กรทั่วโลกพบเจอในปัจจุบัน และก็จะทวีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆในอนาคตข้างหน้า เพื่อสนับสนุนให้องค์กรสามารถปฏิบัติตามเป้าประสงค์ที่ตั้งใจไว้ได้สำเร็จ Gartner แนะนำให้ผู้นำ HR มุ่งเน้นไปที่ประเด็นต่างๆ ดังนี้
พัฒนาคุณภาพ Manager และสร้าง Connector Manager
หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่พบบ่อยในองค์กร คือปัญหาของเมเนเจอร์ที่แม้จะสามารถทำงานได้ในเนื้อหางานที่ซับซ้อน กลับไม่สามารถช่วยในการพัฒนาความสามารถของสมาชิกภายในทีมได้ Gartner แนะนำให้ผู้นำ HR มีโครงการพัฒนาทักษะของการเป็นเมเนเจอร์ และลองสร้างตำแหน่งงานที่เรียกว่า Connector Manager ซึ่งเป็นผู้จัดการที่คอยช่วยแนะนำสมาชิกทีมไปสู่แหล่งความรู้หรือผู้คนที่จะช่วยให้สมาชิกทีมพัฒนาตัวเองขึ้นได้ จากการวิจัยพบว่า Connector Manager นี้สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสมาชิกทีมได้ถึง 26%
จัดการการเลื่อนตำแหน่งแบบ Demand-driven
จากการสำรวจผู้นำ HR ในครั้งนี้ พบว่ากว่าร้อยละ 47 คิดว่าองค์กรของพวกเขาประสบปัญหาในการพัฒนาผู้นำอย่างมีประสิทธิภาพ และ 45% กล่าวว่าขั้นตอนการเลื่อนตำแหน่งที่พวกเขาใช้อยู่ในปัจจุบันนั้นไม่ได้สร้างผู้นำที่เหมาะสมขึ้นมาเท่าไหร่นัก Gartner จึงแนะนำให้ HR ลองเปลี่ยนแนวคิดในการสร้างผู้นำใหม่เป็นแบบ Demand-driven กล่าวคือแทนที่จะพัฒนาและโปรโมตคนที่ใช้ได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำที่ว่างอยู่ ให้ลองคิดกลับกันว่าปัจจุบันองค์กรนั้นต้องการผู้นำในด้านใดอยู่จริงๆ และมีใครที่เหมาะสม
การทำเช่นนี้นั้นจะทำให้องค์กรได้ผู้นำที่เหมาะกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ในตอนนั้นๆจริงๆ ไม่ยึดติดกับตำแหน่งเดิมๆ ซึ่งเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงาน
ประสบการณ์ที่ดีสำหรับพนักงานนั้นประกอบไปด้วยปัจจัยที่หลากหลาย และเพียง 29% ของพนักงานในองค์กรเท่านั้นที่คิดว่า HR เข้าใจสิ่งที่พวกเขาต้องการและอยากได้จริงๆ ดังนั้น Gartner จึงแนะนำให้ HR รับฟังความคิดเห็นของพนักงานให้มากขึ้นและค้นหาให้ได้ว่าสิ่งใดที่พวกเขาให้คุณค่า เพราะคุณค่า (Value) ที่พนักงานยึดถือนี้จะกลายมาเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยเพิ่ม Performance ในการทำงานของพนักงานได้ถึง 20%
HR เองก็ต้องมีทีมเวิร์กที่ดีด้วย
จากการสำรวจถึงสิ่งที่ผู้นำ HR อยากพัฒนาในปี 2019 ที่ได้กล่าวถึงไปข้างต้น จะเห็นได้ว่าการพัฒนาแง่มุมเหล่านั้นจะต้องอาศัยความร่วมมือจาก HR หลายๆฝ่าย ดังนั้นผู้นำ HR ควรวางแผนในการร่วมมือกันใช้ทักษะความเชี่ยวชาญของแต่ละฝ่ายร่วมพัฒนาตามเป้าหมายที่มุ่งหวัง ซึ่งนอกจากจะเป็นการใช้ทรัพยากรบุคคลที่มีอย่างเหมาะสมแล้ว ยังเป็นการป้องกันการทำงานซำซ้อนต่างคนต่างทำอีกด้วย