สำนักข่าว The Mainichi รายงานว่าประเทศญี่ปุ่นจะเริ่มใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ร่วมวินิจฉัยโรคภายในปีนี้ หลังจากที่การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ไปใช้ทางการแพทย์ในญี่ปุ่นนั้นล่าช้ามานาน
รายงานดังกล่าวได้กล่าวถึงระบบ 2 ตัว ได้แก่ ระบบวิเคราะห์ติ่งเนื้อในผนังลำไส้ใหญ่ผลงานของมหาวิทยาลัยโชวะ มหาวิทยาลัยนาโกย่า และบริษัทซอฟต์แวร์ Cybernet Systems Co. ซึ่งจะเข้ามาช่วยแพทย์วินิจฉัยในการตรวจช่องท้องด้วยความแม่นยำ
ส่วนระบบตัวที่ 2 คือระบบจาก LPixel Inc., ที่ใช้เทคนิควิเคราะห์ภาพถ่ายเพื่อตรวจหาอาการเสื่อมสภาพในสมองจากภาพสแกน MRI โดยได้ใช้ Deep Learning เข้ามาช่วย ซึ่งการเสื่อม (Degeneration) นี้ มีความเกี่ยวเนื่องกับโรคเช่น Dementia และโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งหากแพทย์ตรวจสอบได้เร็ว ก็ย่อมแนะนำให้ผู้ตรวจรับการตรวจอย่างละเอียดได้อย่างรวดเร็ว
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ทำการอนุมัติให้ซอฟต์แวร์ทั้ง 2 ชนิดนี้วางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ ซึ่งนั่นหมายถึงว่าจะมีการใช้งาน AI เข้ามาช่วยทางการแพทย์มากขึ้น โดยเป็นที่คาดการณ์ว่าจะช่วยลดภาระของแพทย์และลดความผิดพลาดได้
อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้ออกมาตรฐานมารองรับแนวโน้มการพึ่งพา AI ทางการแพทย์ด้วยว่าการวินิจฉัยโรคนั้นความรับผิดชอบสูงสุดจะต้องเป็นของแพทย์ แม้จะมีการใช้ซอฟต์แวร์เข้าช่วยก็ตาม