กองทัพสหรัฐประกาศถึงการลงทุนมูลค่า 72 ล้านเหรียญ (ประมาณ 2,288 ล้านบาทไทย) ในโครงการวิจัยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ระยะเวลา 5 ปี เพื่อเพิ่มความพร้อมให้กับทหารในช่วงศึกสงคราม
เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น Combat Capabilities Development Command Army Research Laboratory (ARL) ซึ่งเป็นห้องแล็ปของกองทัพสหรัฐฯได้ประกาศถึงโครงการความร่วมมือระหว่างหลายสถาบันการศึกษา นำโดย Carnegie Mellon University และแล็ปของกองทัพในการเร่งวิจัยและพัฒนาอัลกอริทึมขั้นสูง เทคโนโลยีอัตโนมัติ และปัญญาประดิษฐ์ เพื่อเพิ่มความมั่นคงและขีดความสามารถในการป้องกันตัวเองของสหรัฐฯ
เป็นที่เชื่อกันว่าขีดความสามารถด้าน AI ของกองทัพนั้นจะเป็นปัจจัยที่สามารถชี้ถึงความได้เปรียบเสียเปรียบในการศึกสงครามในอนาคต Andrew Ladas หัวหน้า Army Artificial Intelligence Innovation Institute (A2I2) ของ ARL เชื่อว่าสงครามในอนาคตนั้นจะซับซ้อนและมีกลยุทธ์ในรูปแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อาจประกอบไปด้วยสิ่งรบกวน (Noise) และกลวิธีต่างๆเพื่อปั่นป่วนและหลอกล่อการทำงานของ AI
“ความสำเร็จในสนามประลอง Battlefield Intelligence นี้จะเกิดขึ้นผ่านการมีขีดความสามารถด้าน AI ที่มากขึ้น รวมไปถึงการคิดค้นวิธีการที่แตกต่างและทรงประสิทธิภาพในการนำ AI ไปใช้ร่วมกับความรู้และความฉลาดของทหาร”
แม้การนำ AI มาใช้ในกิจกรรมทางทหารนั้นได้รับการต่อต้านและวิจารณ์อย่างมากเช่นกรณีการเรียกร้องให้บอยคอตสถาบัน KAIST ของเกาหลีใต้ที่ต้องสงสัยว่ามีการร่วมพัฒนา AI กับบริษัททางการทหารท้องถิ่นในปีที่ผ่านมา หรือกรณี Project Maven ของ Google ทว่ากองทัพในหลายประเทศทั่วโลก เช่น อินเดีย จีน และรัสเซีย ก็ยังคงมีการวิจัยและพัฒนา AI อย่างต่อเนื่อง โดยรายงานที่ Office of the Director of National Intelligence ได้ว่าจ้างให้องค์กรภายนอกศึกษา ที่สรุปไว้ว่านานาประเทศจะสร้างระบบอาวุธอัตโนมัติขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้ก็เพราะ AI นั้นมีศักยภาพในการเพิ่มพลังของกองทัพอย่างมหาศาล