ยักษ์ใหญ่ JD.com ยื่นขอจดสิทธิบัตรบล็อคเชนมากกว่า 200 ใบแล้ว

0
https://images.cointelegraph.com/images/740_aHR0cHM6Ly9zMy5jb2ludGVsZWdyYXBoLmNvbS9zdG9yYWdlL3VwbG9hZHMvdmlldy84OTZlYTRkOGVhMjBhNmRhOTAwNDVlZTQ4MDljNzQxMS5qcGc=.jpg

จากรายงานของ Securities Daily News เมื่อวันที่ 20 พ.ค.62 ที่ผ่านมา ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจากจีน JD.com ได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรด้านบล็อคเชนมากกว่า 200 ใบแล้ว

นอกจากนี้ ในรายงานยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่าทาง Alibaba ได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรบล็อคเชน 262 ใบ รวมไปถึง Tencent 80 ใบ และ Baidu อีก 50 ใบเช่นกัน โดยอิงตามข้อมูลจากทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาแห่งประเทศจีน (Intellectual Property Center of China Information and Communication) ได้บันทึกไว้ อีกทั้งจากข้อมูลที่ทางกรมได้ให้ออกมานั้นยังเข้าใจได้ว่า JD.com มีความแข็งแกร่งในเรื่องสิทธิบัตรเกี่ยวกับบล็อคเชนมากที่สุดในโลกแล้วตอนนี้ ส่วน Alibaba, Tencent และ Baidu นั้นตามมาเป็นที่ 2, 7 และ 15 ตามลำดับ

ในรายงานยังมีโน้ตไว้อีกว่า ประเทศจีนถือว่าเป็นผู้บุกเบิกในด้านแอปพลิเคชันบล็อคเชนของโลก โดยตั้งแต่เมื่อปี 2556 จนถึง 2561 นั้น จีนได้มีสิทธิบัตรด้านบล็อคเชนเกิดขึ้นมาจำนวนถึง 4,435 ใบ ถือเป็น 48% ของการยื่นจดสิทธิบัตรบล็อคเชนทั่วโลกเลยทีเดียว (จาก “Blockchain Patent Situation White Paper (Version 1.0)” ที่มีการเปิดเผยจากเว็บไซต์ทางการของ China Telecom) ส่วนรองอันดับหนึ่งในเรื่องจำนวนสิทธิบัตรนั้นเป็นของฝั่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้จดสิทธิบัตรบล็อคเชนจำนวน 1,833 ใบ ถือเป็น 21% ของสิทธิบัตรบล็อคเชนทั้งหมดในโลก

ทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาแห่งประเทศจีนยังกล่าวถึงเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่เกิดขึ้นในอดีตเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิบัตรบล็อคเชนอีกด้วย โดยได้แนะนำไว้ว่า

“เป็นสิ่งที่แนะนำอย่างยิ่งที่ทางรัฐบาลจะต้องกำกับดูแลในด้านอุตสาหกรรมและการปรับปรุงคุณภาพของสิทธิบัตร ซึ่งองค์กรต่างๆ ควรจะต้องตระหนักถึงความคุ้มครองป้องกันในทรัพย์สินทางปัญญาและเพื่อการป้องกันความเสี่ยง โดยหลีกเลี่ยงการลงทุนที่ไม่เปิดเผย (blind investment) ในเรื่องบล็อคเชน และการใช้สิทธิบัตรมูลค่าต่ำ เพราะมีการฟ้องร้องคดีละเมิดเป็นจำนวนมากในด้านบล็อคเชนนี้”

สำหรับ JD.com ได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม blockchain-as-a-service (BaaS) หรือ JD Blockchain Open Platform เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้องค์กรต่างๆ สามารถสร้างบล็อคเชนขึ้นมารัน smart contract ในการติดตามความเคลื่อนไหวของสินค้าได้ อีกทั้ง JD.com ก็ยังได้ช่วยเหลือสถาบันต่างๆ ในการทำวิจัยด้านบล็อคเชน เช่น สถาบันวิจัย Smart City Research Institute และห้องปฏิบัติการวิจัย blockchain research lab

Source : https://cointelegraph.com/news/report-chinese-e-commerce-giant-jdcom-has-applied-for-over-200-blockchain-patents