3 ตำแหน่งงาน HR ใหม่ในอนาคต

0

สายงานไหนๆก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อถึงยุคดิจิทัล ไม่เว้นแม่แต่สายงานจัดการทรัพยากรบุคคล (HR) ซึ่งทำงานเกี่ยวข้องกับมนุษย์เป็นหลัก เทคโนโลยีอย่าง AI และ Big Data เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆในการช่วยให้งาน HR มีประสิทธิภาพมากขึ้น และก่อให้เกิดสายงานใหม่ๆที่เข้ามาช่วยเชื่อมให้มนุษย์และเทคโนโลยีทำงานร่วมกันได้อย่างดี เว็บไซต์ HR Technologist พาเราไปรู้จักกับ 3 งานใหม่ที่อาจเกิดขึ้นตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญในวงการ HR ในงาน SHRM HR Tech APAC 2019

  1. Human Experience Strategist

หนึ่งเทรนด์ที่กำลังมาแรงมากสำหรับ HR ในปัจจุบัน คือการสร้างประสบการณ์ทำงานที่ดีให้กับสมาชิกภายในองค์กร โดย Anand Shankar พาร์ทเนอร์ฝ่าย Human Capital แห่ง Deloitte India กล่าวว่าสิ่งที่จะถูกโฟกัสมากขึ้นคือ Human Experience ที่จะช่วยเติมเต็มความรู้สึกและเน้นถึงคุณค่าความสำคัญของพนักงานในองค์กร

พนักงานในปัจจุบันนั้นคาดหวังว่าในการทำงาน พวกเขาจะได้รับประสบการณ์เฉกเช่นที่พวกเขาได้รับในการใช้สินค้าและบริการอื่นๆทั่วไปในชีวิตประจำวัน และพวกเขาคาดหวังถึงสิ่งตอบแทนซึ่งมากว่าค่าตอบแทนที่ได้รับทั่วไป องค์กรต้องพยายามตอบโจทย์ตรงนี้ให้ได้

ทีม Human Experience อาจประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญหลายด้าน เช่น วัฒนธรรมองค์กร ความหลากหลาย (Diversity) หรือแม้แต่ด้านการตลาด ซึ่งตามข้อคิดเห็นของคุณ Anand Shankar ทีมจะต้องตอบคำถามหลักให้ได้ 3 ข้อคือ 1. แต่ละตำแหน่งงานจะสร้างคุณค่าอะไรให้กับองค์กร 2. จะช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับตำแหน่งงานได้อย่างไรบ้างด้วยเทคโนโลยี และ 3. จะช่วยเติมเต็มเป้าหมายในการเข้าทำงานของพนักงานได้อย่างไร

  1. AI Auditor

ทุกวันนี้การเลือกระหว่างเทคโนโลยีหรือมนุษย์นั้นไม่ใช่หนทางพึงปฏิบัติอีกต่อไป องค์กรจำเป็นจะต้องปรับปรุงตัวเองให้ทั้งเทคโนโลยี เช่น AI และมนุษย์สามารถร่วมงานกันได้อย่างดีที่สุด โดย Dr. Shawn G Dubravac ผู้ก่อตั้งและประธาน Avrio Institute ได้ทำนายว่าสายงานที่เกิดขึ้นด้วยเหตุนี้ก็คือ AI Auditor

AI Auditor คือสายงานที่จะใช้ความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลเข้ามาทำความเข้าใจกับกระบวนการทำงานของ AI ตั้งแต่ข้อมูลที่ใช้ในการพัฒนาอัลกอริทึม AI ไปจนถึงการแปลความหมายของผลลัพธ์ที่อัลกอริทึมคิดวิเคราะห์ออกมา รวมไปถึงเป็นผู้ร่วมพิจารณาว่าควรใช้อัลกอริทึมไหนในการทำงานใด ผลลัพธ์จาก AI ควรมีบทบาทในการตัดสินใจภายในองค์กรมากน้อยแค่ไหน และควรมี Action อย่างไรต่อไปหลังได้ทราบผลลัพธ์จาก AI แล้ว

อย่าลืมว่า AI นั้นเป็นเพียงเทคโนโลยีที่ยังไม่มีทักษะในการคิดเชิงวิพากษ์ การตัดสินตามบริบท และความเป็นมนุษย์มากเพียงพอที่จะกำหนดนโยบายในองค์กรได้ ยกตัวอย่างเช่นหากระบบ Facial Recognition ตรวจพบว่ามีพนักงานสลึมสลือในเวลางาน ก็ควรจะเป็นหน้าที่ของมนุษย์ต่อไปว่าจะมีนโยบายนอนกลางวันเพิ่ม หรือเชิญพนักงานรายนั้นออกจากงาน

  1. AI Bias Expert

เมื่อไม่นานมานี้ AI ถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงข้อจำกัดของมันซึ่งผูกติดอยู่กับข้อมูลที่มันรับเข้าไป ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อความแม่นยำแล้ว ยังก่อให้เกิดอคติในระบบโดยที่ผู้ใข้อาจไม่รู้ตัว ดังนั้นในการใช้ AI ในงานที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับมนุษย์อย่าง HR สายงานที่น่าจะเกิดขึ้นคือ AI Bias Expert

AI Bias Expert จะรับหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลที่องค์กรนำไปพัฒนาอัลกอริทึมในงาน HR เช่น การจ้างพนักงานใหม่ และสร้างความมั่นใจว่าในอัลกอริทึมนั้นจะไม่มีอคติต่อเพศ เชื้อชาติ และชาติพันธุ์อยู่ ซึ่งผู้ทำงานด้านนี้นอกจากจะต้องมีทักษะในการตัดสินใจและความรู้ทั่วไปดีเยี่ยมแล้ว ยังต้องมีความรับผิดชอบทางจริยธรรมและมีความเข้าใจในเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆด้วย

สังคมคาดหวังให้องค์กรสมัยใหม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม และดำเนินการอย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยจริยธรรมมากขึ้น และเมื่อองค์กรจะใช้ข้อมูลเข้ามาประกอบการตัดสินใจ พวกเขาจึงมีภาระความรับผิดชอบมากขึ้นในการตรวจตาความยุติธรรมของระบบที่ใช้งาน