อุปกรณ์และนาฬิกาวัดกิจวัตรประจำวันในปัจจุบันนี้มีคุณสมบัติวัดการนอนที่ออกแบบมาเพื่อติดตามคุณภาพการนอนโดยภาพรวม อุปกรณ์เหล่านี้มีประโยชน์ที่ทำให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมของพฤติกรรมการนอนของตน แต่นักวิจัยเตือนว่าการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวอาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกครอบงำที่ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพและมีความกังวลเพิ่มสูงขึ้นได้
อุปกรณ์วัดการนอนซึ่งมีทั้งอุปกรณ์ที่ออกแบบมาให้วางไว้บนเตียงหรือใกล้เตียง กับอุปกรณ์ที่วางตั้งไว้ข้างๆ เพื่อตรวจฟังเสียงนั้น มักทำงานร่วมกันเพื่อรายงานผลไปยังแอปที่ใช้งานคู่กัน ผลรายงานดังกล่าวประกอบไปด้วยกราฟและสถิติเผยถึงความถี่ที่ผู้ใช้ตื่นขึ้นมากลางดึก ระยะเวลาการนอนหลับลึก และคะแนนคุณภาพการนอนโดยรวม
งานวิจัยที่ผ่านมาพบว่าอุปกรณ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้มีผลแม่นยำนัก แม้ว่าจะเป็นข้อมูลที่ทำให้เห็นภาพรวมของการนอน แต่ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องทั้งหมด ซึ่งอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผู้ใช้ที่ใช้ข้อมูลดูรูปแบบและคุณภาพการนอนคร่าวๆ แต่อาจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้ที่เริ่มหมกมุ่นกับตัวเลข ทำตามเป้า และปรับพฤติกรรมของตนให้เป็นไปตามที่อุปกรณ์นั้นกำหนด
นักวิจัยที่ได้ให้สัมภาษณ์กับ New York Times เตือนว่า ผู้ใช้อุปกรณ์วัดการนอนบางรายอาจมีอาการนอนไม่หลับที่เกิดจากการพยายามจะนอนให้หลับ (orthosomnia) ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ พฤติกรรมเช่นนี้ที่เกิดจากความหมกมุ่นนั้นมีทั้งการอยู่บนเตียงนานเกินจำเป็นเพื่อทำสถิติ ซึ่งยิ่งทำให้อาการนอนไม่หลับแย่ลง
ผู้เชี่ยวชาญยังเตือนอีกว่า ข้อมูลวัดผลการนอนอาจนำไปสู่การทดสอบหรือการรักษาที่ไม่จำเป็น ทำให้เสียเวลาและอาจเข้ารับการรักษาเพื่อให้ได้คะแนนการนอนดีเยี่ยมทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น สำคัญคือผู้ใช้ต้องระลึกอยู่เสมอว่า ข้อมูลที่ได้เป็นเพียงค่าประมาณ และอาจแสดงค่าคะแนนที่ต่ำกว่าความเป็นจริงแม้ว่าผู้ใช้จะนอนหลับพักผ่อนเพียงพอก็ตาม