7-Eleven ระงับการใช้งานระบบชำระเงินบนมือถือในแอป 7Pay ที่พึ่งเปิดใช้งานได้เพียงไม่กี่วัน หลังจากที่มีแฮกเกอร์เข้าระบบผู้ใช้ 900 ราย และโจรกรรมเงินจากบัตรเดบิตและบัตรเครดิตไปถึง 55 ล้านเยน (ประมาณ 507,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 15.6 ล้านบาท)
บริษัทพึ่งเปิดใช้งานระบบดังกล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม โดยลูกค้าสามารถใช้แอปสแกนบาร์โค้ดและหักเงินจากบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่เชื่อมต่อกับระบบได้ แต่วันถัดมาบริษัทก็ได้รับคำร้องเรียนถึงการหักเงินทั้งๆ ที่ลูกค้าไม่ได้ซื้อสินค้า ซึ่งพบทีหลังว่าระบบในแอปมีปัญหา แฮกเกอร์เพียงต้องรู้วันเกิด อีเมล และเบอร์โทรศัพท์ของผู้ใช้ ก็สามารถส่งคำขอตั้งค่ารหัสผ่านใหม่ไปยังอีเมลอื่นได้แล้ว ซึ่งผู้ที่ไม่ได้ใส่ข้อมูลวันเกิดไว้ ระบบจะตั้งค่าอัตโนมัติเป็นวันที่ 1 มกราคม 2562 แทน ยิ่งทำให้ง่ายต่อการลักลอบเข้าระบบ
ด้วยเหตุนี้เอง แฮกเกอร์ดูเหมือนว่าจะใช้วิธีการโจมตีแบบอัตโนมัติ และมีผู้ตกเป็นเหยื่อราว 900 ราย และเสียหายเป็นจำนวนเงิน 55 ล้านเยน 7-Eleven ญี่ปุ่น ได้ออกมาเปิดเผยว่า บริษัทระงับฟีเจอร์ดังกล่าวโดยไม่ให้แอปหักเงินจากบัตรที่เชื่อมกับระบบ ประกาศแจ้งเตือนบนเว็บไซต์ และหยุดไม่ให้สมัครสมาชิกใหม่ บริษัทยังกล่าวว่าจะชดใช้ผู้เสียหายและจัดตั้งฝ่ายให้การสนับสนุน
เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นได้จับตัวผู้ต้องสงสัยชาวจีนได้สองรายที่พยายามใช้บัญชีที่ถูกขโมยมา และเชื่อว่าพวกเขาอาจเชื่อมโยงกับ (หรืออาจได้รับว่าจ้าง) โดยกลุ่มข้ามชาติที่เลื่องชื่อด้านการโจรกรรมข้อมูลออนไลน์ ในขณะที่เหตุนี้กำลังอยู่ในช่วงระหว่างการสอบสวนนั้น รัฐมนตรีเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมได้ระบุว่า บริษัท 7-Eleven ล้มเหลวที่จะปฏิบัติตามแนวทางป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต และกำชับให้บริษัทเคร่งครัดด้านมาตรการความปลอดภัยหากต้องการจะเปิดใช้งาน 7Pay อีกในอนาคต