ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่าน ทาง SpaceX ได้ปล่อยตัวดาวเทียมอินเตอร์เน็ต Starlink ชุดที่ 5 ขึ้นไปด้วยจรวด Falcon 9 ได้สำเร็จ แต่โชคร้ายที่บูสเตอร์ไม่สามารถจัดการที่จะจอดลงในที่ลงจอดตามแผนได้สำเร็จ
ตัวบูสเตอร์ (booster) นั้นควรที่จะลงจอดบน Drone Ship ที่มีชื่อว่า Of Course I Still Love You ภายในเวลาประมาณ 8 นาที 24 วินาทีหลังจากปล่อยตัว แต่กลายเป็นว่าบูสเตอร์ไป “soft landing” ในมหาสมุทรที่อยู่ข้างๆ เรือแทน
Falcon 9 B1056.4 has missed the drone ship. pic.twitter.com/259Yh545uy
— Chris Bergin – NSF (@NASASpaceflight) February 17, 2020
SpaceX นั้นสามารถทำได้ดีในการนำบูสเตอร์ลงจอดและนำกลับมาใช้ใหม่ แต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่ได้สูญเสียบูสเตอร์ลงไปในทะเล โดยในปี 2561 ตัวบูสเตอร์หลัก (core booster) ก็มีพุ่งดิ่งลงไปในมหาสมุทรเช่นกัน เมื่อเมษายนปีที่ผ่านมา ทางบริษัทสามารถจัดการจรวด Falcon Heavy ลงจอดได้ 3 ลำสำเร็จ แต่บูสเตอร์หลักที่จะต้องลงจอดบน Of Course I Still Love You นั้นก็หล่นไปจากเรือในระหว่างทางที่กลับเข้าฝั่ง จากนั้นในมิถุนายน 2562 จรวดอีก 2 ลำได้ลงจอดที่แหลมคะแนเวอรัล (Cape Canaveral) ได้สำเร็จ แต่ส่วนบูสเตอร์หลักตรงกลางก็หลุดไปจากเรือเพียงไม่กี่ฟุตเท่านั้น
อย่างไรก็ดี การปล่อยจรวดล่าสุดนี้ได้สร้างสถิติใหม่ให้กับ SpaceX ในการนำหมุนรอบได้เร็วที่สุด โดยการปฏิบัติการก่อนหน้าล่าสุดนี้ ตัวจรวดเพิ่งถูกปล่อยขึ้นไปเพียงแค่ 63 วันก่อนหน้านี้หรือวันที่ 16 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งสถิติก่อนหน้าของบริษัทในการนำบูสเตอร์กลับมาใช้นั้นอยู่ที่ 72 วันเพื่อใช้ปล่อยการปฏิบัติการ TESS และ CRS-15 ให้กับ NASA เมื่อปี 2561 ทั้งนี้ SpaceX คงจะพยายามลดเวลาในการนำบูสเตอร์กลับมาใช้ใหม่ได้เร็วขึ้นอีกต่อไปเพื่อที่จะติดตั้ง Starlink ได้เพิ่มและเร็วขึ้นต่อไป
Source : https://www.engadget.com/2020/02/17/spacex-falcon-booster-sea/