NR Instant Produce กับการเลือกใช้บริการ Veeam Backup จาก SiS Cloud ตอบโจทย์การ IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์

0

สำหรับธุรกิจที่มีแผนจะยื่น IPO เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์นั้น การเตรียมระบบ IT ให้มีความพร้อม มั่นคงทนทาน มั่นคงปลอดภัย และตรวจสอบได้นั้นถือเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่มีความสำคัญ และในครั้งนี้ทีมงาน TechTalkThai ก็มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณณัฐพล อุดมทัศนีย์ผู้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปฝ่ายสารสนเทศ แห่งบริษัท NR Instant Produce ที่ได้เพิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์สำเร็จไปในปี 2020 ที่ผ่านมานี้ พร้อมเล่าประสบการณ์การปรับระบบ IT ของ NR Instant ให้ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจที่จะเข้า IPO ในครั้งนี้

รู้จักกับ NR Instant Produce ผู้ผลิตและส่งออกอาหารไทยสู่ครัวทั่วโลก

ก่อนจะพาทุกท่านไปสู่เนื้อหาพูดคุยกันในครั้งนี้ เราขอพาทุกท่านมารู้จักกับธุรกิจของ NR Instant Produce ธุรกิจผลิตอาหารส่งออกสัญชาติไทยที่มียอดขายต่อปีเกินกว่าหนึ่งพันล้านบาท และมีวิสัยทัศน์มุ่งหน้าไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ในวงการอาหารอย่างต่อเนื่องกันครับ

NR Instant Produce หรือ NRF คือธุรกิจผู้ผลิต จัดหา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปรุงรสอาหาร อาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงสำหรับประกอบอาหาร อาหารมังสวิรัติที่ไม่มีส่วนผสมของไข่และนม อาหารโปรตีนจากพืช อาหารสำเร็จรูปพร้อมปรุงและพร้อมรับประทาน และเครื่องดื่มสำเร็จรูปชนิดผงและน้ำ รวมถึงผลิตภัณฑ์สินค้าอุปโภคที่ไม่ใช่อาหารในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม (V-shape) ทั้งในรูปแบบของแบรนด์ตนเองอย่างเช่นพ่อขวัญ และการรับจ้างผลิตให้กับแบรนด์อื่นๆ

ทาง NRF ยังมุ่งเน้นในการพัฒนา Plant-based Food หรือเนื้อที่ผลิตจากพืชอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดและเป็น Megatrend ของวงการอาหาร เพื่อให้ธุรกิจยั่งยืนและเป็นมิตรกับผู้บริโภค เพื่อเป็นอีกทางเลือกของการบริโภคโปรตีน และการเปิดตลาดนวัตกรรมด้านอาหารในระดับโลกปัจจุบันมีฐานการผลิตในประเทศอังกฤษ และ จะมีการขยายฐานผลิตมายังประเทศไทยต่อไปในอนาคตอันใกล้

ธุรกิจของ NRF นี้ดำเนินมาเป็นเวลากว่า 30 ปี มีลูกค้ากระจายอยู่กว่า 25 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงานรวมกันมากกว่า 800 คนที่เป็นเบื้องหลังการผลิตและส่งรสชาติอาหารแบบไทยๆ ไปสู่ครัวทั่วโลก

ถึงแม้ชื่อของ NRF และแบรนด์ต่างๆ ของ NRF จะไม่เป็นที่คุ้นหูคนไทยเท่าไหร่ แต่ NRF ก็ถือเป็นรายใหญ่ทางด้านการส่งออกและสร้างแบรนด์อาหารไทยในต่างประเทศ และมีทีม R&D ของตนเองเพื่อสร้างสูตรอาหารใหม่ๆ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจของ NRF มียอดขายที่เติบโตมาโดยตลอด และในปี 2020 นี้เองที่ทางบริษัทก็ประสบความสำเร็จในการนำธุรกิจเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าทั่วโลกและเตรียมขยายฐานธุรกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็ว

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ NRF สามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ https://www.nrinstant.com/ ครับ

เตรียม IPO สู่ตลาดหลักทรัพย์ การทำ Risk Management คือก้าวแรกที่สำคัญ

คุณณัฐพลเล่าว่า ด้วยเป้าหมายของผู้บริหาร NRF ที่ต้องการนำบริษัทเข้าสู่ตลอดหลักทรัพย์ ทิศทางของบริษัทจึงมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนและทำให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น การทำ Risk Management จึงกลายเป็นก้าวแรกที่ต้องเริ่มเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งมั่นคงให้กับธุรกิจ และทางฝ่าย IT เองก็ได้มีการทำ Risk Assessment พร้อมทั้งนำเสนอประเด็นที่กำลังเป็นเทรนด์สำคัญของเทคโนโลยีอย่าง Cloud และ Cybersecurity ให้ผู้บริหารได้พิจารณา

ปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยความที่ IT นั้นได้ถูกยกระดับความสำคัญจนกลายเป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจของ NRF ไปแล้ว ประกอบกับวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่มีความชัดเจน การลงทุนในระบบ IT Infrastructure เพื่อให้มีความมั่นคงสูงขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสู่การ IPO ในครั้งนี้จึงได้รับความสำคัญเป็นอย่างมากในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมา

ไม่ว่าจะเกิดสถานการณ์ใด ธุรกิจต้องดำเนินต่อไปได้ Cloud และ DR คือสองเทคโนโลยีที่มาตอบโจทย์นี้

ทางด้าน IT เมื่อได้รับโจทย์ที่ชัดเจนนี้มาแล้ว ก็ได้เริ่มทำการศึกษาและพัฒนาโซลูชันเพื่อตอบโจทย์นี้ทันที โดยถึงแม้ในหลักการเข้า IPO นั้นจะไม่ได้มีการระบุชัดเจนนักว่าจะต้องทำอะไร มีแต่เพียงระบุว่าจะต้องสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนว่าธรกิจจะต้องสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ทางคุณณัฐพลและทีมงานจึงนำเรื่องของการวางระบบ Disaster Recovery (DR) และการสร้าง DR Site เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำ Business Continuity Planning หรือ BCP ด้วยเลย

ในขณะเดียวกัน อีกส่วนหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญนั้นก็คือเรื่องของ Cybersecurity ที่ข่าวคราวของ Ransomware และ Malware ซึ่งสร้างความเสียหายต่อธุรกิจนั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทาง NRF เองก็ต้องการลดความเสี่ยงเหล่านี้ลงด้วย ดังนั้นในโครงการนี้ทางฝ่าย IT จึงถือโอกาสในการเสริมความมั่นคงปลอดภัยให้กับระบบไปด้วยเลยในเวลาเดียวกัน

เลือกใช้ SiS Cloud ที่นำเสนอเทคโนโลยีของ Veeam มั่นใจทั้งในเทคโนโลยีและบริการ

นับตั้งแต่วันที่ได้โจทย์มาจากผู้บริหาร ทีมงาน NRF ก็ใช้เวลารวมกันทั้งสิ้น 6 เดือนในการทำให้ระบบ DR และแผน BCP เป็นจริงขึ้นมาได้และ IPO เข้าสู่ตลาดได้อย่างมั่นใจ โดยภายในช่วงระยะเวลา 6 เดือนนี้ ฝ่าย IT ของคุณณัฐพลก็ได้ใช้เวลาในการคัดเลือกเทคโนโลยี โซลูชัน และผู้ให้บริการเป็นเวลากว่า 3-4 เดือนเพื่อให้มั่นใจว่าการลงทุนครั้งนี้จะคุ้มค่า ตอบโจทย์ และใช้งานได้จริง ในขณะที่การขึ้นระบบจนถึงการซักซ้อมนั้นใช้เวลาเพียงแค่ 1-2 เดือนเท่านั้น

สำหรับระบบที่ถูกนำมาเสริมความมั่นคงในครั้งนี้ ก็มีทั้ง SAP S/4HANA ซึ่งเป็นระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) หลักของ NRF, ระบบ Human Resource Management (HRM) ซึ่งก็ถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจโรงงานและการผลิต, ระบบ File Sharing & Management ที่พนักงานจำเป็นต้องใช้ในการทำงาน และระบบ Microsoft Active Directory (AD) สำหรับควบคุมสิทธิ์และการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ภายในโรงงาน

เป้าหมายปลายทางที่ NRF อยากได้นั้นก็คือการทำ BCP ในแบบ Total Site โดยทำ DR ได้แบบ 100% สำหรับทุกระบบ โดยแต่ละระบบอาจจะมีการ Synchronize ข้อมูลในระดับที่แตกต่างกันตามความสำคัญ อย่างเช่น SAP S/4HANA นั้นต้องมี RPO ในระดับ Near Real-Time เพื่อลดความสูญเสียของข้อมูลให้เหลือน้อยที่สุด ในขณะที่ระบบอื่นๆ นั้นก็อาจมีการสำรองข้อมูลในระดับหลายนาทีหรือระดับชั่วโมงได้

เป้าหมายปลายทางที่ NRF อยากได้นั้นก็คือการทำ BCP ในแบบ Total Site โดยทำ DR ได้แบบ 100% สำหรับทุกระบบ โดยแต่ละระบบอาจจะมีการ Synchronize ข้อมูลในระดับที่แตกต่างกันตามความสำคัญ อย่างเช่น SAP S/4HANA นั้นต้องมี RPO ในระดับ Near Real-Time เพื่อลดความสูญเสียของข้อมูลให้เหลือน้อยที่สุด ในขณะที่ระบบอื่นๆ นั้นก็อาจมีการสำรองข้อมูลในระดับหลายนาทีหรือระดับชั่วโมงได้

ด้วยโจทย์ที่ค่อนข้างใหญ่และมีข้อจำกัดด้านเวลา ทาง NRF จึงใช้เวลาในการคัดเลือกผู้ให้บริการค่อนข้างมาก และในที่สุดก็ตัดสินใจร่วมงานกับ SiS Cloud ซึ่งมีบริการ Cloud เป็นของตนเอง และนำเสนอโซลูชันจาก Veeam ในโครงการครั้งนี้

คุณณัฐพลเล่าว่าในแง่ของเทคโนโลยี ทาง NRF เองมีความคุ้นเคยกับการใช้งาน Veeam เพื่อสำรองและกู้คืนข้อมูลของระบบต่างๆ อยู่แล้วจึงมั่นใจในโซลูชัน ในขณะที่การร่วมงานกับ SiS Cloud นั้นก็เป็นไปอย่างประทับใจด้วยบริการระดับมืออาชีพที่มีความยืดหยุ่น สามารถตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจที่มีความเร่งรีบได้เป็นอย่างดี และยังตั้งใจเข้ามาสนับสนุนโครงการอย่างเต็มที่ ร่วมงานกับทีมงาน Consult สำหรับระบบ SAP และทำการทดสอบจน NRF มั่นใจว่าระบบจะสามารถใช้งานได้จริงๆ หากเกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้นมา

Veeam เป็นโซลูชั่นสำรองข้อมูลและกู้คืนระบบจากภัยพิบัติที่ออกแบบมาเพื่อรองรับระบบ IT ยุคใหม่ สามารถใช้งานร่วมกับ Platform ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น Virtualization, Public Cloud, Physical Server หรือ Enterprise Application อย่างเช่น SAP หรือ Oracle โดยจุดเด่นของ Veeam นั้นอยู่ที่ความง่ายดายในการใช้งาน สามารถไว้วางใจได้ และมีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งในกรณีของ NR Instant เองทาง SiS Cloud ได้นำ Veeam เข้ามาเป็น Solution ในการกู้คืนระบบจากภัยพิบัติแบบครบวงจร รวมถึงระบบงาน SAP S/4 HANA ด้วยเช่นกัน

อีกจุดหนึ่งที่ทำให้ NRF ตัดสินใจทำงานร่วมกับ SiS Cloud และ Veeam ในครั้งนี้ ก็คือการรับฟังความต้องการของลูกค้าในฝ่าย IT ของทีมงาน SiS Cloud เพราะ NR Instant ไม่ได้เลือกที่จะทำงานระยะสั้นกับ Partner แต่คงทำงานร่วมกันหลายๆ ปี ดังนั้นความเข้าใจกันจึงเป็นส่วนที่สำคัญมาก ซึ่ง NR Instant ก็มีความต้องการเฉพาะทั้งความเร่งในการทำงาน และโจทย์ที่ตนเองต้องการ ซึ่ง SiS ก็ตอบสนองมาได้ดี แม้งานจะเป็นช่วงปีใหม่ที่เป็นหยุดยาว ในขณะที่โซลูชันที่นำเสนอนี้ก็ถือว่ามีความคุ้มค่าต่อธุรกิจ ในงบประมาณที่เหมาะสม

การซ้อมกู้คืนระบบเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้

บทเรียนสำคัญอันหนึ่งที่คุณณัฐพลได้เล่าถึงในระหว่างการพูดคุยครั้งนี้ ก็คือการซ้อมกู้ระบบและดำเนินแผน BCP ที่จะทำให้ธุรกิจนั้นได้เห็นปัญหาหลายอย่างในหน้างานจริง และสามารถทำการแก้ไขปรับปรุงจนขั้นตอนทั้งหมดในแผน BCP และการตั้งค่าเชิงเทคนิคของระบบทั้งหมดนั้นเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

คุณณัฐพลระบุว่าในขั้นตอนการทดสอบกู้ระบบจริง ก็พบปัญหาประปราย เช่น ในวันที่นัดซ้อมนั้นก็เป็นวันช่วงก่อนหยุดยาว ทำให้มีปริมาณ Traffic เชื่อมต่อใช้งานระบบ Application สำคัญมากผิดปกติ ทำให้ต้องปรับแผนการทดสอบ รวมถึงเมื่อต้องมีการทดสอบจริงก็พบว่าผู้ใช้งานนั้นไม่พร้อมที่จะย้ายไปใช้ระบบสำรองด้วยปัจจัยหลายประการ ทำให้ทั้งฝ่าย IT และผู้ใช้งานนั้นต้องมาร่วมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไปด้วยกันในระหว่างการซ้อมนี้เอง ซึ่งคุณณัฐพลบอกว่าถ้าหากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงโดยไม่มีการซักซ้อมมาก่อน ธุรกิจก็คงไม่สามารถกลับมาดำเนินต่ออย่างราบรื่นได้แน่ๆ ดังนั้นการซักซ้อมทั้งของฝ่าย IT และผู้ใช้งานจึงสำคัญมาก

ระหว่างการซักซ้อมนี้ อีกบทบาทหนึ่งของฝ่าย IT ที่สำคัญคือการให้ความรู้และช่วยเหลือผู้ใช้งานระบบต่างๆ ซึ่งในสภาวะที่ฉุกเฉินของการกู้คืนระบบนั้น ผู้ใช้งานจะตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าหากฝ่าย IT เข้าใจในประเด็นนี้ และเคยมีการซักซ้อมกับผู้ใช้งานล่วงหน้า เมื่อเกิดเหตุการณ์จริงปัญหาจะคลี่คลายได้เร็วขึ้น ลด Downtime ที่อาจเกิดจากปัจจัยซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีลงไปได้มาก

จากประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้ NRF ได้เห็นว่าการวางระบบ DR และ BCP ที่ดี กระบวนการการซักซ้อมให้เกิดความพร้อมนี้สำคัญมาก และแผน DR หรือ BCP เองก็ควรนำบทเรียนจากการซักซ้อมแต่ละครั้งเข้าไปปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความพร้อมทั้งในเชิงเทคโนโลยี, แผนการทำงาน, นโยบาย และบุคลากรทั้งหมดไปพร้อมกัน

คุณณัฐพลได้เสริมในประเด็นนี้ว่าในช่วงแรกที่ระบบเพิ่งขึ้นใหม่ๆ นั้นอาจต้องมีการซ้อมกันหลายครั้งก็ถือเป็นปกติ แต่เมื่อทุกอย่างเริ่มลงตัวแล้ว ก็อาจมีการซักซ้อมปีละครั้งเพื่อให้พนักงานแต่ละคนได้ทบทวนขั้นตอน รวมถึงทำให้พนักงานที่เพิ่งเข้าใหม่ได้มาเรียนรู้กระบวนการนี้ไปด้วยกัน

อนาคตเตรียมปรับระบบรับมือกับข้อบังคับทางกฎหมาย ปรับนำเทคโนโลยี Automation มาเสริมศักยภาพการทำงาน

คุณณัฐพลเผยว่าหลังจากนี้ NRF เองก็จะมีการนำเทคโนโลยีอย่างเช่น Robotic Process Automation หรือ RPA เข้ามาปรับให้กระบวนการทำงานต่างๆ ภายในองค์กรเป็นมีความเป็นอัตโนมัติมากขึ้น ลดเวลาที่ต้องใช้ทำงานของพนักงานลง และช่วยให้การทำงานกับข้อมูลหรือระบบต่างๆ มีความแม่นยำ ในขณะที่ประเด็นด้านการตอบโจทย์ต่อพรบ. ด้านความมั่นคงปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลนั้นก็ถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน และกำลังศึกษาพิจารณาถึงระบบ Data Leakage Prevention (DLP), การวางนโยบายและการทำงานให้สอดคล้องกับข้อกฎหมาย รวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ ด้วย

แนะนำใช้ Cloud เสริมความมั่นคง สื่อสารกับผู้บริหารให้ดีเพื่อยกระดับความสำคัญของระบบ IT ต่อธุรกิจ

คุณณัฐพลได้สรุปส่งท้ายการพูดคุยครั้งนี้ด้วยคำแนะนำถึงธุรกิจอื่นๆ ว่า อยากแนะนำให้ใช้ Cloud เพื่อให้ทั้งธุรกิจแลระบบ IT มีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น ด้วยภัยคุกคามที่ทวีความรุนแรงและความซับซ้อนอย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน งานด้านการดูแลรักษาระบบ IT จึงกลายเป็นเรื่องยากและต้องมีการลงทุนค่อนข้างมาก ดังนั้นการเลือกใช้บริการ Cloud จากผู้ให้บริการที่มั่นใจได้และมีการออกแบบระบบให้มีความมั่นคงทนทานและมั่นคงปลอดภัยจึงถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า ยืดหยุ่น ทำให้ฝ่าย IT สามารถมีเวลาไปทำงานในเชิงรุกได้มากขึ้น

นอกจากนี้ การทำ Risk Assessment ก็ถือเป็นสิ่งที่ฝ่าย IT ต้องให้ความสำคัญ และนำผลลัพธ์ของการทำนี้ไปพูดคุยกับผู้บริหาร เพื่อให้ทุกคนตระหนักว่าการรับมือกับความเสี่ยงในโลกของ IT และ Cybersecurity นี้เป็นหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับทุกคน และทำให้เกิดการพูดคุยเพื่อรับมือกับความเสี่ยงเหล่านี้ มีโซลูชันร่วมกันเพื่อตอบโจทย์และทำให้ทุกคนทำงานต่อไปได้าอย่างมั่นใจ

อย่าแบกความเสี่ยงและปัญหาเอาไว้กับตัวเองเพียงอย่างเดียว” คุณณัฐพลแนะนำทิ้งท้ายแก่เพื่อนร่วมงานสาย IT ทั่วประเทศไทย

สนใจบริการ Cloud หรือ Backup ติดต่อทีมงาน SiS Cloud ได้ทันที

สำหรับผู้ที่สนใจบริการ Cloud หรือโซลูชันใดๆ ของ Veeam สามารถติดต่อทีมงาน SiS Cloud ได้ทันทีที่