เพื่อช่วยให้ไปถึงเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ทาง Honda จึงมุ่งหวังที่จะเปลี่ยนยอดขายรถยนต์ทั่วโลกให้กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง (FCV) ภายในปี 2583 ซึ่งบริษัทคาดหวังว่า EV และ FCV จะกลายเป็นยอดขายยานพาหนะในตลาดหลักทั่วโลกราว 40% ภายในปี 2573 และ 80% ภายในปี 2578 ตามลำดับ
แน่นอนว่า Honda จะต้องเร่งสร้างรถยนต์ EV และ FCV ให้มากกว่านี้เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายดังกล่าวเหล่านั้น รวมทั้ง e:Architecture แพลตฟอร์มใหม่สำหรับรถยนต์ EV ที่ Honda กำลังเป็นผู้นำอยู่ในตอนนี้จะต้องมีบทบาทที่มากขึ้น ซึ่งบริษัทวางแผนที่จะปล่อยรถยนต์ EV ที่สร้างบน e:Architecture ภายในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษนี้ โดยคาดว่าจะเริ่มต้นเดบิวกันในแถบอเมริกาเหนือก่อนที่จะขยายวงไปสู่ในภูมิภาคอื่นๆ ต่อไป
ในขณะเดียวกัน Honda ยังเตรียมการใช้ประโยชน์จากระบบแบตเตอรี่ Ultium ของ GM ซึ่งทั้งสองบริษัทได้ร่วมกันพัฒนารถยนต์ SUV ออกมา 2 แบบที่จะใช้แบตเตอรี่ Ultium โดยเป้าหมายคือเพื่อนำรถยนต์ทั้งสองเข้าสู่ตลาดอเมริกาเหนือภายในรุ่นปี 2567 ให้ได้
Honda ยังมุ่งหวังที่จะทำให้ไม่มีผู้เสียชีวิตจากการชนกันของรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ Honda ภายในปี 2593 อีกด้วย ซึ่งทาง Honda วางแผนที่จะเพิ่มเติมระบบ Advanced Driver-Assistance System (ADAS) แบบรอบทิศทางเข้าไปในทุกๆ โมเดลรถยนต์ที่จะปล่อยออกมาในตลาดหลักภายในปี 2573 นี้ ซึ่ง Honda กล่าวว่าระบบ ADAS แบบรอบทิศทางนั้นเป็นระบบที่วางแผนอัพเกรดต่อจาก Honda Sensing ซึ่งจะใช้ข้อมูลเชิงลึกที่เรียนรู้จากการพัฒนาระบบขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติระดับ 3 เพื่อสร้างเทคโนโลยี ADAS แบบดังกล่าวขึ้นมา
Source : https://www.engadget.com/honda-ev-platform-2040-sales-183214457.html