Argo AI ได้ทำให้เกิดคลื่นความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมยานพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Vehicle) มาในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ด้วยการลงทุนของ Volkswagen และ Ford ที่ร่วมกันพัฒนารถยนต์โดยใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ซึ่งบริษัทกล่าวว่ามีความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญในการนำเอารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติลงสู่ท้องถนนจริงได้ ด้วยเซ็นเซอร์ LiDAR ตัวล่าสุดที่มีระยะถึง 400 เมตร
บริษัทเคลมว่า Argo Self-Driving System (SDS) สามารถตรวจจับวัตถุที่ยากที่จะมองเห็นได้ด้วยความแม่นยำที่ดีกว่าเดิมในระยะทางที่ไกลกว่าเดิม ซึ่งสามารถระบุวัตถุในระยะไกลที่มีการสะท้อนแสงได้น้อย (หรือแสงน้อยกว่า 1%) หรือแม้ว่าจะอยู่ในเวลากลางคืน อีกทั้งยังสามารถสแกนสภาพแวดล้อมด้วยได้ด้วยการถ่ายภาพเหมือนจริง (photorealistic imaging) ซึ่ง Argo ยังเคลมด้วยว่า SDS สามารถจัดการการเปลี่ยนแปลงของแสงอย่างรวดเร็วได้ อย่างเช่นเมื่อยานพาหนะเข้าหรือออกอุโมงค์ ก็จะยังคงสามารถตรวจจับวัตถุที่เล็กๆ หรือเคลื่อนที่อยู่อย่างเช่น สัตว์ต่างๆ ได้
นอกจากนี้ Argo ยังเคลมอีกว่าเนื่องด้วย SDS นั้นจะรับรู้สภาพแวดล้อมอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้สามารถขับเคลื่อนยานพาหนะได้อย่างปลอดภัยบนท้องถนนทั้งแถบชานเมืองหรือบนทางหลวง ซึ่ง CEO ของบริษัท คุณ Bryan Salesky กล่าวว่าระบบ”สามารถพาพวกเราไปสู่เทคโนโลยีการขับเคลื่อนอัตโนมัติในระดับใหม่ ปลดล็อคความสามารถของพวกเราเพื่อเสริมบริการต่างๆ ของพวกเราได้”
โดยภายในแก่นเซ็นเซอร์ LiDAR ของ Argo นั้นคือการรับรู้ในโหมด “Geiger” ที่กล่าวว่ามีความสามารถที่จะตรวจจับโฟตอนของแสงได้ โดยสามารถดักจับคลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นสูงกว่า 1,400 นาโนเมตร ซึ่งระบบจะอิงจากเซ็นเซอร์ตัวเดียวที่ออกแบบมาให้มีราคาที่เหมาะสมกับการผลิตในระดับใหญ่ได้
ตามข้อมูลจาก TechCrunch ทาง Argo กำลังทดสอบเซ็นเซอร์ดังกล่าวนี้ในรถยนต์ซีดานของ Ford Fusion Hybrid และ Ford Escape Hybrid SUV ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ ทาง Argo จะเริ่มนำเอายานพาหนะกว่า 150 คันที่มีเซ็นเซอร์แล้วออกมาทดสอบต่อไป
Source : https://www.engadget.com/argo-ai-lidar-sensor-long-range-low-light-194234233.html