เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 บริษัท จีเอเบิล จำกัด (G-Able) ผู้นำในการให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลโซลูชันครบวงจร ได้จัดงานแถลงข่าว “G -Able Business Direction and Strategy 2021 ทิศทางและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจปี 2564 พร้อมโชว์วิสัยทัศน์ก้าวข้ามทุกข้อจำกัดสู่อนาคตที่เติบโตและยั่งยืน” โดยคุณนาถ ลิ่วเจริญ ประธานกรรมการบริหาร และ ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทจีเอเบิล
นับเป็นครั้งแรกของบริษัทจีเอเบิลที่จัดงานในรูปแบบ Virtual ผ่าน Facebook Live เนื่องด้วยข้อจำกัดในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการก้าวต่อไปข้างหน้าของบริษัท ซึ่งในงานแถลงข่าวครั้งนี้ได้มีการนำเสนอวิสัยทัศน์ทิศทางและกลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจในปี 2021 เพื่อก้าวข้ามทุกข้อจำกัด สู่อนาคตที่เติบโตและยั่งยืน ชูจุดเด่นด้วยการตั้งเป้าเป็น System Integrator Plus Plus หรือ SI++ พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Flagship ตัวใหม่รองรับการ Transform องค์กรธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบ ทีมงาน ADPT จึงขอสรุปประเด็นที่น่าสนใจจากงานดังกล่าว ดังนี้
เริ่มต้นที่คุณนาถ ลิ่วเจริญ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทจีเอเบิล ได้เกริ่นถึงปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ต้องหันมาปรับตัวอย่างกะทันหันและรวดเร็ว นั่นคือ การแพร่ระบาดวงกว้างของไวรัส COVID-19 ซึ่งสิ่งที่ธุรกิจต่างให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ในช่วงปี 2021 – 2022 ได้แก่
- Growth: การเติบโตของธุรกิจด้วยการปรับแผนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
- Technology-related: การนำเทคโนโลยีมาใช้ ไม่ว่าจะเป็น AI, Digitalization, Omnichannel (หลากหลายช่องทางการทำธุรกิจ), General IT-Related และ Cloud Computing
- Corporate Transformation: การปรับเปลี่ยนภายในองค์กรในด้านบุคคล โครงสร้าง โมเดลธุรกิจ ทิศทางกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืน
ด้วยเหตุนี้ บริษัทจีเอเบิลจึงมีเป้าหมายหลักเพื่อช่วยธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในประเทศไทยให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินการ ก้าวข้ามขีดจำกัดเพื่อให้แข่งขันและเติบโตได้ในตลาดโลก
ด้าน ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทจีเอเบิล ได้เสริมถึงสิ่งที่บริษัทจีเอเบิลทำด้วยประสบการณ์กว่า 32 ปีกับการอยู่คู่กับสังคมไทย มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศในการทำ System Integration (SI) ที่ทำให้เทคโนโลยีต่าง ๆ กลายมาเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานกันอยู่ในทุกวันนี้
ดร.ชัยยุทธ เปรียบบทบาทของ System Integration เสมือนเป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานของการสร้างเมือง เช่นเดียวกับการจัดวางและออกแบบโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่แข็งแรงให้กับธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตต่อไปในอนาคต โดยบริษัทจีเอเบิลมีส่วนร่วมให้การสนับสนุนในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งธนาคาร มหาวิทยาลัย อสังหาริมทรัพย์ ผู้ให้บริการเครือข่าย รวมไปถึงบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของประเทศ อีกทั้งยังมีพาร์ทเนอร์ร่วมกับบริษัทชั้นนำในระดับโลกด้วย
ทั้งนี้ ดร.ชัยยุทธ มีความเชื่อว่า ธุรกิจต่าง ๆ สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดต่าง ๆ ได้ด้วยปัจจัย 3 สิ่งนี้ คือ
- Vision to See: วิสัยทัศน์ของผู้บริหารในการมองไปข้างหน้า
- Faith to Believe: ความเชื่อ
- Courage to Do: ความกล้าที่จะทำในสิ่งที่แตกต่าง
ส่วนเนื้อหาสำคัญของงานนี้ คือ กลยุทธ์หลัก 3 ประการ ในการดำเนินธุรกิจที่บริษัทจีเอเบิลมุ่งจะก้าวไปสู่อนาคต ในรูปแบบ G-Able Tree ซึ่ง ดร.ชัยยุทธ ได้เปรียบการเติบโตของบริษัทเสมือนกับการเจริญเติบโตของต้นไม้ตั้งแต่ราก ลำต้น ไปจนถึงยอด ตามรูปด้านล่าง
กลยุทธ์ที่ 1: System Integration++
บริษัทจีเอเบิลต้องการวางรากฐาน ซึ่งถือเป็นรากแก้วของบริษัทให้มั่นคงและแผ่กว้าง รองรับการเติบโตในอนาคตอย่างก้าวกระโดด บริษัทจึงเลือกทำในสิ่งที่เหนือกว่า System Integration ทั่วไป นั่นคือ System Integration++ (S.I.++) ด้วย 4 โซลูชันตามแนวโน้มทางดิจิทัล ได้แก่
- G-Cloud: เปลี่ยนจากการทำงานแบบ On-premises ติดอยู่กับที่ สู่การวางระบบ On-cloud ทำงานได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดของโลก ตอบโจทย์ครอบคลุมธุรกิจทุกขนาดในทุกอุตสาหกรรม
- G-Security: ป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ (Cyber Attack) ป้องกันข้อมูลรั่วไหล ตรวจสอบจุดบกพร่องพร้อมปกป้องทุกระบบครบวงจร
- G-Big Data: Big Data ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ พัฒนาปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้า วางกลยุทธ์ของบริษัท และวัดผลประสิทธิภาพการทำงานและ ROI (Return on Investment)
- G-RPA: นำ Robotic Process Automation มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานโดยมุ่งเน้นการลดต้นทุนและลดความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
กลยุทธ์ที่ 2: Transformation as a Service (TAAS)
Digital Disruption ในทุก ๆ วงการ ถือว่าเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโตต่อยอดต่อไปได้ด้วยโมเดลธุรกิจใหม่ที่ชื่อว่า “Transformation as a Service” ซึ่งบริษัทจีเอเบิลนำเสนอบริการแบบ One-stop Service ในการช่วยธุรกิจปรับเปลี่ยนด้วยการทำให้เกิดความสอดคล้องกันในส่วนต่าง ๆ (Synchronization) การวัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และการมุ่งเน้นธุรกิจมากกว่าดิจิทัล
บริษัทจีเอเบิลได้ร่วมงานกับบริษัท ไฟร์วันวัน จำกัด โดยผนวกความสามารถทางดิจิทัลร่วมกับความคิดสร้างสรรค์ทางธุรกิจเข้าด้วยกัน เพื่อทำให้การเสนอโซลูชันต่อลูกค้าสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
คุณชาคริต จันทร์รุ่งสกุล ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารบริษัท ไฟร์วันวัน จำกัด ได้เล่าถึงการทำงานร่วมกับองค์กรขนาดใหญ่ในการให้คำปรึกษาเพื่อให้ธุรกิจปรับตัวเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล เริ่มตั้งแต่ศึกษาทำความเข้าใจและวางแผนการดำเนินธุรกิจตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานตามความเหมาะสมของแต่ละธุรกิจ รองรับการเติบโตในอนาคต และนำเสนอโซลูชันจากบริษัทจีเอเบิลที่ช่วยตอบโจทย์การปรับตัวของแต่ละองค์กร
กลยุทธ์ที่ 3: Own IP Platform
กลยุทธ์นี้ทำให้บริษัทจีเอเบิลแตกต่าง โดดเด่นจากคู่แข่ง และยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองในอนาคตด้วยการสร้างและครอบครอง IP Address และ IP Platform ของบริษัทเอง
ปัญหาหนึ่งในการทำธุรกิจ ก็คือ ผู้บริหารต้องการข้อมูลเพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจ บริษัทจีเอเบิลจึงได้คิดค้นแพลตฟอร์มข้อมูลคลาวด์ (Cloud Data Platform) ตัวแรกในเมืองไทยที่มีชื่อว่า Blendata ที่ธุรกิจทุกขนาดสามารถเข้าถึงได้ โดยเชื่อมต่อกับระบบในองค์กรเพื่อดึงข้อมูลมาวิเคราะห์ แล้วส่งข้อมูลที่นำไปใช้วางกลยุทธ์ดำเนินการต่อ (Actionable Data) ให้ผู้บริหารนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจในการวางแผนทางธุรกิจต่อไปได้
อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้บริหารต้องการคือ ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า (Customer Insight) เพื่อเข้าใจลูกค้าให้มากขึ้น ต่อยอดการขยายตลาด บริษัทจีเอเบิลจึงพัฒนาอีกแพลตฟอร์มหนึ่งชื่อว่า InsightEra ที่ใช้เทคโนโลยี Social Listening ผสมผสานกับ Natural Language Processing (NLP) นำมาใช้วิเคราะห์ข้อมูลความต้องการของลูกค้า เพื่อให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ
และทั้งหมดนี้ก็เป็นสาระสำคัญของงาน G-Able Business Direction and Strategy 2021 ซึ่งเรียกได้ว่า บริษัทจีเอเบิลได้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในการก้าวข้ามขีดจำกัดด้วยกลยุทธ์ทั้งสามตามคอนเซปต์ “Beyond Limits” อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ หากท่านสนใจรายละเอียด ตัวเลขสถิติ และกรณีศึกษาที่น่าสนใจเพิ่มเติม ท่านสามารถรับชมงานแถลงข่าวย้อนหลังได้ทาง Facebook ของ G-Able