[รีวิว] Huawei MateView 28.2 นิ้ว จอ 4K+ ดีไซน์มินิมอลทรงบาง เสียงดีสีตรง ตัดต่อเต็มตา

0

หน้าจออัตราส่วน 3:2 ขนาด 28.2 นิ้ว ขอบบาง รองรับแสดงผลแนวตั้ง อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 94%

TL;DR

  • หน้าจออัตราส่วน 3:2 ขนาด 28.2 นิ้ว ขอบบาง รองรับแสดงผลแนวตั้ง อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 94%
  • หน้าจอแสดงผลสีตรงสมจริงด้วยค่าความแม่นยำของสีมาตรฐาน ∆E<2 
  • เฟรมและขาตั้งวัสดุอัลลอยด์เกรดพรีเมียม ดีไซน์มินิมอล สวยหรู ทรงบาง เลื่อนขึ้นลงแหงนก้มได้
  • พอร์ตครบ จัดวางไว้สวยงาม เชื่อมต่อใช้งานได้ง่าย
  • มีลำโพงไมค์มาให้พร้อมใช้งาน ใช้ทำงาน ประชุมออนไลน์ ตัดต่อวีดีโอ ดูหนังฟังเพลง ทำได้สบาย

อารัมภบท

ด้วยสถานการณ์บ้านเมืองที่อยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่หนักหน่วงขึ้นมาเรื่อย ๆ นั้น การทำงานในยุค New Normal ไม่ว่าจะเป็นแบบ Work From Home หรือแบบ Hybrid นั้นถือว่าเป็นวิธีการที่จำเป็นต้องปรับตัว เพื่อป้องกันตัวเราไม่ต้องออกไปรับความเสี่ยงในช่วงนี้ ทางผู้เขียนขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนในสถานการณ์ช่วงนี้จริง ๆ ครับ

และถ้าหากเครื่องโน้ตบุ๊กที่ใช้งานอยู่นั้นมีหน้าจอขนาดเล็กแล้วยังไม่ได้มีหน้าจอเสริมเป็นจอที่ 2 เพื่อใช้ทำงาน แล้วรู้สึกอึดอัดหงุดหงิดเวลาดูข้อมูล ท่องเว็บไซต์ ตัดต่อวีดีโอ หรือดูหนังฟังแล้วยังไม่สะใจ อยากได้หน้าจอใหญ่ ๆ หน่อยมาช่วยทำให้สบายตามากขึ้น แนะนำเลยครับกับหน้าจอ Huawei MateView 28.2 นิ้วที่จะมารีวิวกันในครั้งนี้ น่าจะตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลายแน่นอนครับ

Fact Sheet

Credit : Huawei

สำหรับหน้าจอ Huawei MateView 28.2 นิ้วนี้ เชื่อว่าทาง Huawei ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการใช้ทำงานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานด้านข้อมูลหรือว่างานด้านออกแบบต่าง ๆ ซึ่งหน้าจอนี้ได้รับการรับรองจาก VESA Display HDR400 มาแล้วเป็นที่เรียบร้อย ถ้าจะใช้ดูหนังฟังเพลง ประชุมออนไลน์ ก็สามารถใช้งานหน้าจอนี้ได้เลยเพราะหน้าจอ MateView มาพร้อมกับลำโพงและไมโครโฟนด้วยเลย นอกจากนี้ หน้าจอยังมีเทคโนโลยีลดแสงสีฟ้า (Low Blue Light Technology) และเทคโนโลยีปราศจากการสั่นไหว (Flicker Free) ที่ได้รับการรับรองจากสถาบัน TÜV Rheinland มาแล้วอีกด้วย ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ของ Huawei MateView นั้นตามตารางด้านล่างนี้เลยครับ

ขนาด (สูง, กว้าง, หนา)608.36 มม. x 591.12 มม. x 182 มม
น้ำหนัก~ 6.2 กิโลกรัม
สีMystic Silver
หน้าจอแสดงผลขนาด : 28.2 นิ้ว
อัตราส่วนภาพ : 3:2
ประเภทหน้าจอ : IPS
ความละเอียด : 3840 x 2560 พิกเซล
อัตราการรีเฟรช : 60 Hz
ช่วงสี : 98% สำหรับโหมด DCI-P3 (ค่าปกติ) ครอบคลุม 100% สำหรับโหมด sRGB
จำนวนสี : 1.07 พันล้านสี
ความแม่นยำของสี : ΔE<2 ค่า ΔE<2 ระบุค่ามาตรฐานสีเฉลี่ยในขอบเขตสี DCI-P3 ค่า ΔE<1 ระบุค่ามาตรฐานสีเฉลี่ยในขอบเขตสี sRGB
HDR : HDR400
ความสว่าง : 500 nits (ค่าปกติ)
โหมดสบายตา : การรับรอง TÜV Rheinland Low Blue Light และ Flicker Free
อัตราส่วนความคมชัด : 1200:1 (ค่าปกติ)
อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง : 94%
ฟีเจอร์แถบบาร์ Smart Bar กดเพียงครั้งเดียวเพื่อยืนยันกดสองครั้งเพื่อย้อนกลับเลื่อนด้วยนิ้วเดียวเพื่อปรับระดับเสียงเลื่อนด้วยสองนิ้วเพื่อสลับอินพุตหน้าจอ รองรับการควบคุมคีย์บอร์ดและเมาส์สามารถใช้สำหรับการสลับระหว่างอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เฟซ USB-C และอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อผ่านแหล่งสัญญาณเข้าแบบไร้สาย รองรับเฉพาะบางอุปกรณ์เท่านั้น
ขาตั้งการปรับความสูง: 110 มม.การปรับมุมหน้าจอ: -5° ถึง 18° ไปข้างหน้าและข้างหลัง
การเชื่อมต่อรองรับการฉายภาพแบบไร้สาย (เฉพาะในรุ่นไร้สาย HSN-CBA)  
WLAN : IEEE 802.11a/b/g/n/ac (เฉพาะในรุ่นไร้สาย HSN-CBA) 
แบนด์ WLAN : 2.4 GHz และ 5 GHz (เฉพาะในรุ่นไร้สาย HSN-CBA) 
Bluetooth: Bluetooth 5.1 (เฉพาะในรุ่นไร้สาย HSN-CBA) รองรับการฉายแบบมีสาย
เสียง ไมโครโฟน : DMIC จำนวน 2 ช่อง (รองรับการรับเสียงระยะไกล 4 เมตร)
ลำโพง: 2 ช่อง (กำลังลำโพง 5 W)
พอร์ตและอินเตอร์เฟซUSB Type-C จำนวน 1 ช่องสำหรับแหล่งจ่ายไฟ 135 W เท่านั้น
USB Type-C จำนวน 1 ช่องรองรับการแสดงผล การถ่ายโอนข้อมูล และกำลังชาร์จสูงสุด 65W
USB Type-A 3.0 จำนวน 2 ช่อง
HDMI 2.0 จำนวน 1 ช่องความละเอียดสูงสุดและอัตราการรีเฟรชที่รองรับโดยพอร์ต HDMI 2.0 คือ 3840 x 2560@50 Hz
MiniDP จำนวน 1 ช่อง (DP1.2)
ช่องเสียบชุดหูฟังและไมโครโฟน 3.5 มม. แจ็คแบบ 2-in-1 จำนวน 1 ช่อง

แกะกล่องลองใช้

ยอมรับเลยว่าตอนที่รับอุปกรณ์มานั้นค่อนข้างตกใจ เพราะว่ากล่องใหญ่มาก ๆ แต่ตอนแกะกล่องมาลองใช้ ยิ่งตกใจมากกว่า เพราะว่าตัวจอ Huawei MateView ที่ขนาดใหญ่ถึง 28.2 นิ้วแต่มองดูจากมุมบนแล้วถือว่าค่อนข้างบาง และขนาดเท่า ๆ กันทั้งหน้าจออีกด้วย ทำให้หยิบออกมาไม่ยากมากนัก โดยภายในกล่องมีอุปกรณ์ดังนี้ครับ

  • จอมอนิเตอร์
  • อะแดปเตอร์แปลงไฟ USB Type-C 135 วัตต์ จำนวน 1 สาย
  • สาย Mini DP จำนวน 1 สาย
  • สาย USB-C เป็น USB-C จำนวน 1 สาย
  • คู่มือฉบับย่อ
  • ใบรับประกัน

พอหยิบออกมาวางบนโต๊ะแล้ว บอกได้เลยว่าจอ “ใหญ่มากและบางจริง ๆ” แถมยังรู้สึกได้ถึงงานประกอบที่แน่นดี นอกจากนี้ จะเห็นว่าอัตราส่วนจอแปลกตาดีเพราะอัตราส่วนจอนั้นไม่ใช่ 16:9 แบบที่ใช้ ๆ กันทั่วไป แต่ MateView นี้จะมีอัตราส่วนเป็น 3:2 ที่ทำออกมาให้เน้นการแสดงผลในแนวตั้งนั่นเอง (แสดงเนื้อหาในแนวตั้งได้มากขึ้นถึง 18.5%) และที่สำคัญจะเห็นว่าขอบจอข้างบนและด้านข้างนั้นมีระยะแค่เพียง 6 มิลลิเมตรเท่านั้นเอง ทำให้อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องนั้นสูงถึง 94% เลยทีเดียว 

ถ้ามองด้านหลังเครื่องนั้น จะเห็นวัสดุอัลลอยด์เกรดพรีเมี่ยมแบบเดียวกันทั้งตัวเฟรมหน้าจอและขาตั้ง  ซึ่งสวยงาม เรียบหรู ดูมีราคาสูง ส่วนข้อต่อระหว่างขาตั้งกับหน้าจอนั้นจะยึดติดไว้ไม่สามารถถอดจอออกจากขาตั้งได้นะครับ ดังนั้นใครจะเอาไปติดผนังนั้นก็คงทำไม่ได้

สายที่ได้มากับกล่อง มี 3 เส้น เรียงจากซ้ายไปขวาจะเป็นตามนี้

  • สาย Mini DP ไป Display Port 
  • สาย USB Type-C ไป USB Type-C 
  • สายชาร์จไฟหัว USB Type-C ที่ใช้จ่ายไฟเข้าหน้าจอ 

จะเห็นได้ว่าไม่มีสาย HDMI มาให้นะครับ แต่สามารถใช้สาย USB Type-C สองฝั่งนั้นต่อจากเครื่องมาออกจอได้เลยนั่นเอง ทั้งนี้ หัวสายชาร์จนั้นถือว่าใหญ่ระดับหนึ่งนะครับ 

ส่วนด้านข้างจอถือได้ว่าการจัดวางพอร์ตให้ใช้งานได้อย่างลงตัวมาก สามารถนำสายมาต่อใช้งานได้สะดวกแน่นอน โดยจัดวางไว้ที่ฝั่งเดียวเลย มีพอร์ตต่าง ๆ ตามนี้ครับ

  • USB Type-A 2 ช่อง 
  • USB Type-C 1 ช่อง 
  • ช่องแจ็คเสียงหูฟัง ไมโครโฟนแบบ 2-in-1  3.5 mm
  • ปุ่มเปิดปิดหน้าจอ

ตรง USB Type-C ที่ให้มาตรงนี้สามารถใช้ต่อสาย USB Type-C จากโน้ตบุ๊คเพื่อมาแสดงผลบนหน้าจอได้นั่นเอง แถมยังสามารถ Reverse Charging กลับไปชาร์จไฟเข้าโน้ตบุ๊กได้อีกด้วย ส่วนที่ฐานตั้งจะเห็นสัญลักษณ์เหมือน WiFi ตรงนั้นเป็นฟีเจอร์ที่สามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์กับหน้าจอด้วย Huawei Share ได้เลย แต่จะต้องใช้สมาร์ทโฟน Huawei ที่มี NFC ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ EMUI 10.1 เท่านั้นถึงจะเชื่อมต่อได้ (ผู้รีวิวใช้ยี่ห้ออื่นเลยไม่สามารถใช้ตรงนั้นได้)

ส่วนด้านหลังขาตั้ง จะมีพอร์ตต่าง ๆ มาให้ตามนี้ 

  • USB Type-C 1 ช่อง สำหรับใช้เสียงสายจ่ายไฟเข้าหน้าจอ
  • Mini DP 1 ช่อง
  • HDMI 1 ช่อง

ส่วนด้านหน้าขาตั้งที่เป็นจุดดำ ๆ ตรงนั้นคือลำโพง เห็นขนาดเท่านั้นแต่เสียงทรงพลังดังเพราะมาก ๆ ใช้เปิดเพลงฟังระหว่างทำงานไปได้สบาย ส่วนด้านข้างของฐานตั้งจะเห็นรูเล็ก ๆ อยู่สองฝั่งเลย ตรงนั้นคือไมโครโฟนครับ

การยืดหดหน้าจอนั้นสามารถเลื่อนขึ้นลงได้ระดับหนึ่ง และสามารถปรับมุมแหงนได้มากหน่อย (18°) ถือว่าค่อนข้างสะดวก และด้วยหน้าจอที่เน้นระยะแนวตั้งจึงทำให้ผู้รีวิวสามารถปรับหน้าจอเลื่อนขึ้นแล้วยืนทำงานได้เลย ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าขาตั้งหน้าจอ MateView นี้จะไม่สามารถหมุนหันซ้ายหันขวาได้นะครับ ต้องหมุนไปทั้งฐานเลย

ส่วนที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือจะไม่เห็นปุ่มเพื่อปรับการตั้งค่าบนตัวจอใด ๆ ทั้งสิ้น แต่จะเป็นแถบดำ ๆ ด้านล่างที่ทาง Huawei เรียกว่า Smart Bar ซึ่งใช้งานได้ง่ายมาก เพราะเป็นการปรับตั้งค่าด้วยระบบสัมผัส โดยกด 1 ครั้งคือยืนยัน (Confirm) และกด 2 ครั้งคือย้อนกลับ (Back) และถ้าหากต้องการปรับเสียงลำโพงก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการสัมผัสที่ Smart Bar แล้วเลื่อนซ้ายขวาด้วยนิ้วเดียวเท่านั้น และหากเลื่อนด้วยสองนิ้วก็จะปรับช่องทางการแสดงผลบนหน้าจอได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อเปิดหน้าจอขึ้นมา เห็นได้ชัดเลยว่าการแสดงผลนั้นเต็มจอมาก ๆ สีสันที่หน้าจอขับออกมาให้ได้ใช้งานกันนั้นสวยงามด้วยการแสดงผลระดับ 4K+ Ultra-HD ที่โทนสีนั้นกว้างถึง 1.07 พันล้านสีและค่าความแม่นยำของสีมาตรฐาน ∆E<2

พอสัมผัสที่ Slide Bar จะเห็นว่าหน้าจอ MateView นี้สามารถเชื่อมต่อ Input Source ได้ 4 แบบคือ เป็น Wireless หรือ USB Type-C หรือ HDMI หรือ Mini DP และถ้าใครมีแอป AI Life ก็สามารถสแกน QR Code เพื่อเพิ่มอุปกรณ์ได้เลย

เมื่อเชื่อมต่อกับโน้ตบุ๊กไปแสดงผลบนหน้าจอ MateView แล้ว รู้สึกได้เลยว่ามีพื้นที่บนหน้าจอแนวตั้งมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทดลองเข้าเว็บเบราว์เซอร์วางซ้ายขวาคู่กันก็ยังดูสบายตาไม่อึดอัด และเห็นข้อมูลในแนวตั้งได้เยอะกว่าปกติอีกด้วย แต่ถ้าเปิดดูหนังผ่าน YouTube หรือ Netflix ก็จะมีแถบสีดำบนล่างขึ้นมา ซึ่งอาจจะทำให้การรับชมไม่เต็มอรรถรสมากนัก 

ภาพ Screenshot จากเว็บไซต์ adpt.news, techtalkthai.com ผ่านหน้าจอ MateView
ภาพ Screenshot จาก YouTube ช่อง 4k SCREENSAVERS

ถ้าใครเป็นสายเขียนโปรแกรมหรือสายตัดต่อวีดีโอ บอกได้เลยว่าชอบแน่ ๆ เพราะหน้าจอ MateView ที่แสดงผลแนวตั้งมากขึ้นนี้จะทำให้การทำงานสะดวกขึ้น เห็นโค้ดมากขึ้น เห็นแถบ Track ตัดต่อมากขึ้น ช่วยลดการเลื่อนขึ้นเลื่อนลงไปได้ ช่วยได้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างแน่นอน

ตัวอย่างการเปิดโค้ดแป้นพิมพ์ Manoonchai บน Visual Studio Code 
https://github.com/Manoonchai/Manoonchai
ตัวอย่างการใช้ Davinci Resolve ที่สามารถแสดง Track ได้มากขึ้น

ถ้าหากเชื่อมต่อโน้ตบุ๊กด้วยสาย USB Type-C แล้ว ตัวเครื่องโน้ตบุ๊กจะได้ชาร์จไฟด้วยเลย แต่มีข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่ง คือ เมื่อเชื่อมต่อครั้งแรก หน้าจอ MateView จะได้ Refresh Rate แค่ 29.994 Hz ต้องไปปรับให้เป็น 59.984 Hz เอง และถ้าใช้งานทั่ว ๆ ไปอย่างเช่นเปิดเบราว์เซอร์ ปรากฏว่า GPU ของเครื่องโน้ตบุ๊กนั้นจะใช้งานขึ้นมาทันที

Task Manager บนโน้ตบุ๊กเมื่อเชื่อมต่อ MateView ผ่านสาย USB Type-C

แต่ถ้าเชื่อมต่อ MateView ด้วยสาย HDMI แล้วปรากฎว่า GPU บนโน้ตบุ๊กจะนิ่งสนิท ส่วนตัวจึงแนะนำว่าให้ใช้ สาย HDMI เพื่อช่วยประหยัดทรัพยากรไปใช้งานในส่วนอื่นจะดีกว่า

Task Manager บนโน้ตบุ๊กเมื่อเชื่อมต่อ MateView ผ่านสาย HDMI

อีกจุดที่น่าประทับใจ คือการปรับโหมดสี แสง การแสดงผล ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นการปรับ Eye Comfort ที่ช่วยลดแสงสีฟ้าลงไป ปรับ Brightness แสงสว่างด้วยการเลื่อนเพียงนิ้วเดียว หรือปรับ Color Gamut โหมดช่วงสี sRBG หรือ DCI-P3 ที่เป็นมาตรฐานสีของการผลิตภาพยนตร์ดิจิทัลในอุตสาหกรรมของอเมริกา ตรงนี้ปรับตั้งค่าได้ง่าย ๆ ผ่าน Smart Bar ได้เลย

บทสรุป

สำหรับหน้าจอ Huawei MateView 28.2 นิ้วเครื่องนี้ ถือได้ว่าเป็นหน้าจอที่จะตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ทำงาน ดูข้อมูล ท่องเว็บไซต์ เขียนโปรแกรม ตัดต่อวีดีโอ ด้วยอัตราส่วน 3:2 ที่เน้นแนวตั้งมากกว่าแนวนอน ทำให้สามารถเห็นข้อมูลได้มากขึ้นในเวลาเดียวกัน หรือว่าใช้ดูหนังฟังเพลงทั่วไปก็ได้ ลำโพงก็เสียงดี อาจจะมีขอบดำบนล่างแต่ก็ไม่น่าจะมีประเด็นอะไร

สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทาง Huawei Thailand ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์หน้าจอ MateView มารีวิวกันในครั้งนี้ครับ และสำหรับใครที่สนใจซื้่อ Huawei MateView 28.2 นิ้ว ราคาหน้าจอสนนราคาอยู่ที่ 22,990 บาทเพียงเท่านั้น สามารถสั่งซื้อได้ที่ https://consumer.huawei.com/th/shop/product/huawei-mateview/