ห้องปฏิบัติการที่เต็มไปด้วยจอมอนิเตอร์เรียงราย พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญด้านระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ และเทคโนโลยีสุดล้ำที่ปรากฏตามภาพยนตร์สืบสวนหรือหนัง Sci-fi กลายเป็นภาพจดจำในฐานะ “ผู้ช่วยชีวิต” ที่ลงมือได้อย่างรวดเร็วเมื่อมีใครสักคนตกอยู่ในอันตราย คงจะดีไม่น้อยหากเทคโนโลยีและทีมปฏิบัติการเหล่านั้นสามารถเฝ้าระวังและช่วยแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตจริง เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางยุคแห่งความไม่มั่นคงปลอดภัย (Insecurity Era) เช่นนี้
ขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ผู้นำด้านการพัฒนานวัตกรรม การให้บริการ Digital Platform และ AI Solutions ระดับประเทศ เล่าว่า นับตั้งแต่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาด้านความปลอดภัย ช่วยยืนยันอัตลักษณ์บุคคล และวิเคราะห์ความผิดปกติจากสภาพแวดล้อมหรือระบบการทำงานต่างๆ ได้แม่นยำและหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ทำให้เหล่าประเทศพัฒนาแล้วต่างนำ Security Tech มาใช้อย่างแพร่หลาย ตั้งแต่ระดับอุตสาหกรรมไปจนถึงการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนานวัตกรรมด้านความปลอดภัยมาตลอด 5 ปี บริษัทเห็นแนวโน้มดังกล่าวจึงได้พัฒนาศูนย์สั่งการอัจฉริยะด้านความปลอดภัย (Security Operation Center) หรือ SOC เพื่อยกระดับปฏิบัติการด้านความปลอดภัยให้ครอบคลุมและเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
“ประเทศต่างๆ ทั้งในสหรัฐอเมริกา ประเทศในแถบยุโรป รวมไปถึงจีน ลงทุนกับเรื่องความปลอดภัยทั้งทางไซเบอร์และชีวิตทรัพย์สินของผู้คนมากขึ้น ศูนย์ SOC เอง เปรียบเสมือนหัวใจของการดูแลความปลอดภัยดังกล่าว ทีมงานของเราจึงไปดูงานที่ต่างประเทศ และนำ Know-how กลับมา ลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ระดมเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย บุคลากรมืออาชีพในด้านดังกล่าว จนเกิดเป็นศูนย์สั่งการอัจฉริยะด้านความปลอดภัยของภาคเอกชนที่ใหญ่และล้ำสมัยที่สุดในประเทศไทย เน้นเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งเป็นจุดแข็งของเรา” ขยล กล่าว
นอกจากพัฒนาศูนย์สั่งการขนาดใหญ่ราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์แล้ว สกาย ไอซีทียังเชื่อมโยงระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เพื่อเชื่อมต่อการทำงานเป็นระบบอย่างสมบูรณ์แบบ โดยเชื่อมการทำงาน 3 ด้าน เข้าด้วยกัน ได้แก่ 1.กล้อง AI CCTV โดยนำ AI เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพของกล้อง CCTV ทั่วไป ทำให้สามารถตรวจจับผู้บุกรุกได้ จดจำใบหน้า ลักษณะการแต่งกายของผู้คนที่ผ่านหน้ากล้องไป เพื่อเฝ้าระวังความเสี่ยงและสามารถตรวจสอบข้อมูลใช้เป็นหลักฐานต่อไป 2.แอปพลิเคชันบนเครื่องมือสื่อสารเคลื่อนที่ เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อการทำงานระหว่างผู้ใช้งาน กล้อง CCTV และ 3.SOC ศูนย์สั่งการที่บูรณาการระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมดภายใต้มาตรฐานสากล พร้อมตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยการเชื่อมต่อทั้งหมด จะทำให้สามารถรองรับการแสดงภาพจากกล้อง CCTV เกือบ 1,000 ตัวพร้อมกันแบบ Real time บนจอมอนิเตอร์ทั้งหมดภายในศูนย์ SOC
ปัจจุบัน ศูนย์สั่งการอัจฉริยะ SOC ได้นำมาใช้ในการควบคุมดูแลระบบรักษาความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะขนาดใหญ่ อย่างศูนย์ราชการและสนามบินภายใต้การดูแลของท่าอากาศยานไทย (AOT) ทั้ง 6 แห่งทั่วประเทศ โดยใช้เทคโนโลยี Face Recognition ตรวจจับใบหน้าบุคคลที่เดินทางเข้าออกสถานที่ นอกจากมอนิเตอร์เรื่องความปลอดภัยผ่านกล้อง CCTV โดยตรงแล้ว จอภายใน SOC ยังมี Dashboard ที่สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อติดตามสถิติหรือสถานการณ์ที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยได้ด้วย อาทิ สถานะของกล้องในอาคาร สถานะของบุคคลที่กล้องคอยมอนิเตอร์อยู่
ไม่เพียงแต่ดูแลอาคารที่เป็นสถานที่สาธารณะ สกาย ไอซีที ยังพัฒนา SOC ให้สามารถบูรณาการการทำงานร่วมกับแพลทฟอร์มด้านความปลอดภัยอื่นๆ ในอนาคตด้วย ซึ่งระหว่างนี้ สกาย ไอซีทีได้ระดมทีม NEBULA กลุ่มนักพัฒนารุ่นใหม่เข้ามาต่อยอด Smart Security Platform เพื่อให้ขยายขอบเขตความสามารถการดูแลอาคารประเภทต่างๆ และประยุกต์ใช้กับการดูแลให้สอดคล้องกับความต้องการของทั้งโครงการที่อยู่อาศัย สำนักงานให้เช่า ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ คาดว่าจะสามารถเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้เร็วๆ นี้
“เราจะไม่หยุดอยู่แค่สนามบิน หรือที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่สกาย ไอซีทีวางแผนจะต่อยอดด้าน Security Tech ที่ตอบโจทย์ต่อการพัฒนา Smart City และมุ่งยกระดับประเทศสู่ Better Thailand ไปด้วยกัน” ขยล กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับ บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY บริษัท Tech Company เต็มรูปแบบที่เน้นการพัฒนานวัตกรรม การให้บริการ Digital Platform และ AI Solutions ให้ลูกค้าอย่างครบวงจร เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะของ SKY ICT