[รีวิว] HUAWEI MatePad T 8 Kids Edition แท็บเล็ตเพื่อเด็กน้อย สรรสร้างจินตนาการอย่างมี EF ในราคาไม่ถึงหมื่น

0

สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองที่กำลังมองหาแท็บเล็ตเครื่องใหม่เพื่อเป็นอุปกรณ์การเรียนการสอนให้กับน้อง ๆ เด็กเล็กวัยเรียนเตรียมต้อนรับเปิดเทอมใหม่ พลาดไม่ได้เลยกับรีวิวแท็บเล็ตรุ่นใหม่จากค่าย HUAWEI กับ HUAWEI MatePad T 8 Kids Edition แท็บเล็ตที่ออกแบบมาเพื่อน้อง ๆ หนู ๆ โดยเฉพาะ ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามอ่านกันได้ในรีวิวนี้เลยค่ะ

TL;DR ยาวไปไม่อ่าน

  • แท็บเล็ตขนาดกะทัดรัด หน้าจอ 8 นิ้ว จับพอดีมือ น้ำหนักเบา ถือมือเดียวก็ไหว
  • มาพร้อมกับเคสสีฟ้ากันกระแทก หูหิ้วสีเขียววางตั้งได้หลายแบบ สีสันเอาใจเด็กน้อยสุด ๆ
  • ปากกา Stylus ร้อยเชือกยึดติดกับเคสพร้อมที่เก็บด้านหลัง ใช้วาดรูปเล่นได้สบาย ไม่ต้องกลัวหาย
  • แอป Kids Corner พื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก หมดห่วงเรื่องการเข้าถึงเนื้อหาไม่เหมาะสม
  • ฝึกวินัยเด็ก ควบคุมการใช้งานหน้าจอแต่พอดีด้วยฟีเจอร์ Parental control

Fact Sheet

สำหรับเครื่อง HUAWEI MatePad T 8 Kids Edition นั้นเรียกได้ว่าเป็นแท็บเล็ตที่จัด Spec มาให้น้อง ๆ หนู ๆ สามารถนำไปใช้งานได้อย่างสบายไหลลื่น อีกทั้งตัวเครื่องยังมีขนาดที่พอดีกับมือและแบตอึดด้วย ส่วนรายละเอียดเต็ม ๆ นั้นตามด้านล่างนี้เลยค่ะ 

Image credit: HUAWEI
ขนาดเครื่อง199.7 x 121.1 x 8.55 มม. (กว้าง x ยาว x หนา)
ขนาดเครื่องรวมเคส204 x 137.4 x 14.2 มม. (กว้าง x ยาว x หนา)
น้ำหนัก515 กรัม (แท็บเล็ตรวมเคสแล้ว)
หน้าจอขนาด: 8.0 นิ้ว
สี: 16.7 ล้านสี
ประเภท: LCD
ความละเอียด: 1280 x 800, 189 PPI
หน่วยประมวลผลMTK MT8768
CPU: 4 x Cortex A53 2.0 GHz + 4 x Cortex A53 1.5 GHz
GPU: IMG GE8320 650 MHz
ระบบปฏิบัติการEMUI10 (รันบน Android 10)
หน่วยความจำRAM: 2 GB
ROM: 16 GB
พื้นที่จัดเก็บเพิ่มเติม: microSD Card (ซื้อเพิ่ม),
รองรับ exFAT and FAT32 format, รองรับได้สูงสุด 512 GB
กล้องกล้องหลัง: 5 MP | f/2.2 | Auto Focus 
ความละเอียดภาพสูงสุด 2592 x 1944 พิกเซล
ความละเอียดกล้องสูงสุด 1920 x 1080 พิกเซล

กล้องหน้า: 2 MP | f/2.4 | Fixed Focal
ความละเอียดภาพสูงสุด 1600 x 1200 พิกเซล
ความละเอียดกล้องสูงสุด 1280 x 720 พิกเซล
แบตเตอรีแบตเตอรีในตัวเครื่อง 5100 mAh (ถอดออกไม่ได้)
การเชื่อมต่อWLAN: 802.11a/b/g/n/ac, 2.4 GHz และ 5 GHz
Bluetooth: BT 5.0, รองรับ Bluetooth Low Energy  และ Bluetooth File Transfer
PC Data Synchronization: รองรับการใช้งานร่วมกับ HiSuite preset
OTG: รองรับ (maximum output current 5V/1A during reverse power supply)
USB: MicroUSB, USB 2.0
อื่น ๆLocation: GPS, GLONASS, BeiDou 
Sensors: Gravity sensor 
ไมโครโฟน 1 ตัว 
ลำโพง 1 ตัว 
ระบบเสียง: HUAWEI Histen 6.0 Sound Effect
ไฟล์เสียงที่รองรับ: *.mp3,*.mid,*.amr,*.awb,*.3gp,*.mp4,*.m4a,*.aac,*.wav,*.ogg,*.flac,*.mkv 
ไฟล์วิดีโอที่รองรับ: *.3gp,*.mp4,*.webm,*.mkv

นอกจากนี้ สิ่งที่ทาง HUAWEI ได้ให้มาด้วยอีก คือ การมีเคสกันกระแทกซิลิโคนระดับ Food grade ที่ไม่เป็นอันตรายหากเผลอนำเข้าปากไป แถมยังมีหูหิ้วที่ใช้เป็นเหมือนฐานวางตั้งแท็บเล็ตในรูปแบบต่าง ๆ ได้ พร้อมกับปากกา Stylus ด้ามเล็กพอดีมือที่มีเชือกคล้องไว้กับเคสกันหล่นหายอีกด้วย ถือได้ว่าออกแบบมาเพื่อช่วยสนับสนุนการใช้งานของเด็กได้ดีทีเดียว

แกะกล่องส่องของ

เริ่มต้นกันที่กล่องบรรจุภัณฑ์กันก่อนเลยค่ะ HUAWEI MatePad T 8 Kids Edition เครื่องนี้บรรจุมาในกล่องกระดาษสีขาวเปิดฝาจากด้านบน กล่องออกแบบมาดูสะอาดตา เสริมความโดดเด่นด้วยภาพของอุปกรณ์ พร้อมโลโก้ด้านขวาบน ส่วนมุมขวาล่างมีระบุไอคอนของแอป AppGallery ซึ่งเป็น App Store ของ HUAWEI ค่ะ

เปิดกล่องออกมาก็เจอแท็บเล็ตวางนอนอยู่พร้อมกับเคสสีฟ้าและหูหิ้วสีเขียวที่ติดมากับตัวเครื่องเลย ไม่ต้องถอดใส่ประกอบเอง ส่วนปากกา Stylus ก็เก็บอยู่หลังตัวเครื่องและมีเชือกผูกไว้กับตัวเคสแล้ว

เมื่อหยิบเครื่องและเปิดกล่องอีกชั้นขึ้นมา ก็จะมีที่ชาร์จพร้อมสาย Micro USB, เข็มจิ้มถาดซิม, คู่มือ Quick Start และใบรับประกัน ทั้งหมดนี้รวมอยู่แล้วในกล่องเดียว ไม่ต้องไปหาซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มอีก

ดีไซน์ภายนอก… แค่เคสก็รักแล้ว

ลองมาดูกันที่รูปลักษณ์ภายนอกของแท็บเล็ตรุ่นนี้บ้างค่ะ สิ่งที่เห็นเด่นชัดเลย คือ เคสซิลิโคนหนาประทับตรา Huawei ตรงกลาง ที่สามารถกันกระแทกได้ ใส่มาครอบตัวเครื่องรอบด้าน มั่นใจได้ว่าน้อง ๆ หนู ๆ คงไม่มีแรงงัดแงะแกะเคสออกมาเองได้แน่ ๆ เพราะผู้ใหญ่แกะเองยังยากเลยค่ะ ถือ ๆ อยู่ก็ไม่ต้องกลัวเครื่องหลุดออกมาจากเคสเพราะตัวเคสแน่นกระชับกับเครื่องมาก ๆ ค่ะ

ด้านหลังของตัวเคสก็มีผิวสัมผัสเป็นปุ่ม ๆ ซึ่งช่วยให้ยึดเกาะกับพื้นผิวขณะวางบนพื้นโต๊ะได้ดีทีเดียว หรือแม้แต่ใช้มือถืออยู่ก็น่าจะไม่ลื่นหลุดจากมือได้ง่าย ๆ เวลาวางราบกับโต๊ะ ตัวเคสก็ช่วยป้องกันไม่ให้เลนส์กล้องสัมผัสกับพื้นโต๊ะด้วยค่ะ ซึ่งถ้าไม่ใส่เคส ตัวกล้องจะนูนจากตัวเครื่องมาสักเล็กน้อย แนะนำว่าให้ใส่เคสกันรอยไว้ตลอดเวลาดีกว่าค่ะ

จากขนาดความหนาของตัวแท็บเล็ตที่ 8.55 มม. นั้น เมื่อใส่เคสเข้ามา ความหนาก็เพิ่มขึ้นเป็น 14.2 มม. ซึ่งด้วยขนาดความหนาของตัวเคสแล้ว วางใจได้เลยว่า ตัวเครื่องแท็บเล็ตจะได้รับการปกป้องจากแรงกระแทกเป็นอย่างดีหากทำตกหล่น เพราะอาจมีกรณีที่เด็ก ๆ ใช้งานหรือถืออยู่แล้วไม่ทันระวังเผลอทำตก จุดนี้ก็ทำให้ผู้ปกครองสบายใจได้ไปอีกหนึ่งเปราะค่ะ

ความพิเศษอีกอย่างของตัวเคสนี้เลย คือ หูหิ้วสีเขียวที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบมาก อย่างแรกคือ น้อง ๆ สามารถจับหูหิ้วนี้พกพาแท็บเล็ตเหมือนเป็นกระเป๋าถือได้เลย ซึ่งหูจับก็ออกแบบมาได้ขนาดกระชับมือทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้ดีมากค่ะ

อีกสิ่งหนึ่งที่บอกเลยว่า HUAWEI ออกแบบมาได้ดี คือ หูหิ้วนี้สามารถแปลงร่างเป็นสแตนด์ขาตั้งได้หลายรูปแบบ แข็งแรงทนทาน เวลาปรับองศาแล้วมีความหนืดไม่ลื่น ปรับเอียงแบบไหนก็คงไว้อยู่อย่างนั้น ล็อกกับตัวเคสได้ดี ทำให้วางแล้วเครื่องไม่ล้ม ข้อดีคือ สามารถวางเครื่องกับโต๊ะได้เลย ไม่ต้องถือนาน ๆ ให้เมื่อยมือค่ะ ประยุกต์การวางขาตั้งได้ตามรูปแบบการใช้งานเลย เหมาะมากสำหรับการดูคลิปการ์ตูน หรือวาดรูปเล่นเสริมจินตนาการค่ะ แต่ขาตั้งแบบนี้ใช้ได้เฉพาะตั้งแบบแนวนอนเท่านั้น ไม่รองรับการวางจอแบบแนวตั้งนะคะ ถ้าเด็ก ๆ อ่าน e-book หรืออ่านเว็บแนวตั้งก็อาจจะไม่ค่อยสะดวกนักค่ะ

ปากกา Stylus คู่ใจ ยังไงก็ไม่หาย

พอพูดถึงการวาดรูปสำหรับเด็กแล้ว อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลยอีกชิ้นก็คือ ปากกา Stylus นั่นเอง ซึ่ง HUAWEI MatePad T 8 Kids Edition รุ่นนี้ก็มีปากกา Stylus มาให้พร้อมกับเครื่องเลย โดยมาในรูปแบบปากกา Stylus พลาสติก ปลายปากกาเป็นหัวโฟมฟองน้ำสีดำ เขียนหนักมือแค่ไหนก็ไม่ทำให้หน้าจอเป็นรอย

ตัวปากกามีเชือกร้อยหัวผูกติดกับเคสกันสูญหาย ซึ่งเด็ก ๆ สามารถแกะออกมาจากหลังเคสแล้วหยิบออกมาใช้งานได้อย่างง่ายดาย เมื่อใช้งานเสร็จก็เก็บเข้าที่หลังเคสได้เลย เป็นการสอนให้เด็ก ๆ รู้จักเก็บของให้เข้าที่เข้าทางหลังใช้งานเสร็จด้วยค่ะ

ส่วนความยาวของเชือกที่ร้อยกับตัวปากกาก็ยาวกำลังพอดี แต่ถ้าน้อง ๆ ที่ใช้งานถนัดมือขวาก็อาจจะรู้สึกรำคาญเล็กน้อยกับเชือกที่บังหน้าจอ คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถถอดสายที่ติดกับเคสหรือปากกาออกก็ได้ค่ะ แต่แอบร้อยเชือกกลับเหมือนเดิมยากนิดนึงเพราะต้องแกะเคสออกมาร้อยเชือกเข้าไปอีกที ถ้าน้อง ๆ มองว่าไม่เป็นปัญหามากนัก ก็ผูกปากกาติดไว้กับเคสแบบเดิมก็ดีค่ะ ไม่ต้องกลัวหายด้วย

เช็คเครื่องรอบด้าน

เราลองมาดูตัวเครื่องว่ามีองค์ประกอบอะไรบ้างค่ะ ถ้าถอดเคสออกมา จะเห็นว่าตัวเครื่องเป็นบอดี้สีน้ำเงินกรมท่า ชื่อสีว่า Deepsea Blue มีกล้องหลังอยู่มุมบนซ้ายของเครื่อง และโลโก้ HUAWEI ตรงกลางเครื่อง ส่วนด้านหน้าเป็นหน้าจอ มีกล้องหน้าอยู่ทางค่อนไปทางขวาของตัวเครื่อง

ด้านบนของแท็บเล็ตมีลำโพงกับช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm ส่วนด้านล่างมีพอร์ตสำหรับเชื่อมต่อและชาร์จแบบ USB 2.0 อยู่

ด้านบน
ด้านล่าง

ด้านซ้ายของเครื่องที่เป็นฝั่งหูหิ้วสีเขียวของเคสนั้นเป็นถาดใส่ SIM และ Micro SD Card ซึ่งต้องใช้เข็มจิ้มถึงจะแกะออกมาได้ค่ะ

ส่วนด้านขวาของแท็บเล็ตมีรูไมโครโฟนเล็ก ๆ ปุ่มปรับเพิ่ม/ลดเสียง และปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง วางตำแหน่งได้ใช้งานไม่ยาก เด็ก ๆ สามารถเปิดปิดเครื่องได้เอง หรือจะปรับเพิ่มลดเสียงเองก็ง่ายค่ะ พอวางแท็บเล็ตพร้อมขาตั้ง ปุ่มพวกนี้ก็ไปอยู่ด้านบนของตัวเครื่องแทน ซึ่งก็กดง่ายเช่นกันค่ะ อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้ขาตั้งจริง ๆ ที่ออกแบบมาแข็งแรงมาก กดปุ่มแล้วเครื่องก็ไม่ล้มค่ะ แต่หากต้องใช้แบบวางเอียงนอนกับโต๊ะสำหรับวาดเขียนแล้ว ก็อาจจะกดปุ่มพวกนี้ได้ยากหน่อย เพราะต้องยกเครื่องขึ้นมากดปุ่มแทน ซึ่งก็คงไม่ได้ลำบากอะไรมากนักสำหรับเด็ก ๆ ผู้ใช้งานค่ะ

เปิดเครื่องใช้จริง

ส่องเครื่องภายนอกครบทุกซอกทุกมุมแล้ว ก็ถึงเวลาเปิดใช้งานจริงกันแล้วค่ะ

พอเปิดเครื่องขึ้นมา ก็จะพบกับการตั้งค่าก่อนเริ่มใช้งานต่าง ๆ ตั้งแต่การเลือกภาษา การตั้งค่า Wi-Fi รวมถึงการสมัครบัญชี HUAWEI ID เพื่อใช้งาน AppGallery และ HUAWEI Cloud สำหรับพื้นที่จัดเก็บไฟล์บนคลาวด์ต่อไป

เมื่อตั้งค่าทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมี Tutorial แนะนำ Gesture  ในการ Navigate ไปยังหน้าต่าง ๆ ในการใช้งานบนระบบปฏิบัติการ EMUI10 (รันบน Android 10) เช่น 

  • ปัดเลื่อนขอบซ้ายหรือขวาเพื่อ Back กลับหน้าเดิม 
  • ปัดเลื่อนขอบล่างขึ้นบนเพื่อกลับไปหน้า Home
  • เลื่อนขอบล่างขึ้นบนแล้วค้างไว้เพื่อดูแอปพลิเคชันที่ใช้งานล่าสุด

อาจต้องใช้งานสักระยะเพื่อให้คุ้นชินกับการใช้งาน Navigation Gesture ดังกล่าว แต่ก็ไม่ยากเกินความเข้าใจค่ะ หรือจะเปลี่ยนมาใช้งานแบบ Three-key navigation ที่มีปุ่ม Navigation ด้านล่างแบบระบบปฏิบัติการอื่นก็ได้เช่นกันค่ะ

สำหรับการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันนั้น ผู้ปกครองก็สามารถดาวน์โหลดผ่าน AppGallery เพื่อติดตั้งแอปต่าง ๆ บนเครื่องไว้ให้น้อง ๆ ได้ แต่หากต้องการใช้งานแอปพลิเคชันจากค่าย Google เช่น Chrome, Youtube, Meet หรือแอป Productivity ต่าง ๆ (เช่น Google Docs, Slides, Sheets) ก็อาจจะต้องดาวน์โหลด .apk หรือใช้งานผ่านเบราว์เซอร์แทนค่ะ

ลองดาวน์โหลด Zoom มาใช้ผ่านทางเบราว์เซอร์ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ใช้งานได้ปกติดีค่ะ

กล้องจิ๋วชัดแจ๋ว

แท็บเล็ต HUAWEI MatePad T 8 Kids Edition รุ่นนี้ให้มาทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง โดยความคมชัดของกล้องหลังอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล ใช้ถ่ายรูปเล่นทั่วไปได้สบาย ส่วนกล้องหน้าอยู่ที่ 2 ล้านพิกเซล เรียกได้ว่า ชัดกำลังดีสำหรับการใช้เปิดกล้องขณะเรียนออนไลน์ หรือจะเปิดกล้องสนทนาคุยเล่นกับเพื่อนหรือคนในครอบครัวก็ได้ค่ะ

กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล
กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซล

Kids Corner: พื้นที่ปลอดภัยหายห่วงเพื่อลูกรัก

ส่วนต่อไปเราจะพูดถึงไฮไลท์สำคัญของแท็บเล็ต HUAWEI MatePad T 8 Kids Edition เลย นั่นคือ Kids Corner พื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้วัยเด็กนั่นเองค่ะ

ความพิเศษของแท็บเล็ตรุ่นนี้ คือ แอปพลิเคชัน Kids Corner ที่ติดตั้งมาให้กับตัวเครื่องแล้ว พอกดไปที่แอป Kids Corner ก็จะเข้าสู่ UI หน้าตาเป็นมิตรกับเด็ก ๆ ชวนให้ผู้ใช้วัยจิ๋วของเราได้ออกสำรวจค้นหามาก ๆ ค่ะ แค่จิ้มที่รูปการ์ตูนแต่ละตัวก็เข้าใช้งานแอปย่อยต่าง ๆ ได้เลย

หน้า Home ของแอป Kids Corner มีรูปการ์ตูนต่าง ๆ ดูใช้งานง่าย

แอปพลิเคชันเด่น ๆ ใน Kids Corner มี 2 แอป ด้วยกันค่ะ คือ Baby Panda World สำหรับเด็กเล็ก กับ Azoomee สำหรับเด็กโต สำหรับรีวิวนี้จะขอลงลึกเกี่ยวกับแอป Baby Panda World เท่านั้นค่ะ

ในแอป Baby Panda World มีหมวดหมู่การเรียนรู้หลากหลายเลยค่ะ ทั้ง Hot Games, Career, Art, Food, Nature, Habits และ Safety ซึ่งในแต่ละหมวดก็มีแอปย่อยนับหลายสิบแอป เล่นได้ไม่เบื่อ คอนเทนต์สร้างสรรค์ส่งเสริมจินตนาการ ปลอดภัยสำหรับเด็กเล็ก น้อง ๆ สามารถเล่นได้เพลิน ๆ โดยไม่มีโฆษณาหรือเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องมาขัดจังหวะความสนุกของการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ค่ะ

ที่สำคัญคือ แอปนี้ช่วยฝึกทักษะการฟังภาษาอังกฤษของน้อง ๆ ได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ เพราะเป็นแอปพลิเคชันแนว Interactive ที่มีปฏิสัมพันธ์กับน้อง ๆ ตลอดเวลา มาพร้อมทั้งภาพน่ารัก ๆ และเสียงสดใสของตัวการ์ตูนดึงดูดความสนใจ เชื่อเลยว่า ยิ่งเล่น น้อง ๆ ก็ยิ่งคุ้นเคยกับภาษาและต่อยอดทักษะภาษาในอนาคตได้แน่นอนค่ะ

แอป Baby Panda World มีเกมการ์ตูนมากมาย รอให้น้อง ๆ หนู ๆ เข้าไปสำรวจ

แอปย่อยใน Baby Panda World จะไม่ได้ติดตั้งมาให้ทั้งหมดตั้งแต่แรกนะคะ ต้องดาวน์โหลดเฉพาะแอปที่จะใช้มาก่อน พอหลังจากดาวน์โหลดเสร็จแล้วก็เล่นได้เลย ไม่ต้องเชื่อมต่อกับเน็ตตลอดเวลาก็ได้ค่ะ ทั้งนี้ ผู้ปกครองสามารถเข้าไปกดรูปเฟืองทางมุมซ้ายล่างของแอป Baby Panda World เพื่อเข้าสู่การจัดการพื้นที่และการตั้งค่าอื่น ๆ ได้ค่ะ

Parental Control พ่อแม่วางใจได้แม้ไม่ได้นั่งเฝ้าลูก

จะให้เด็ก ๆ ใช้แท็บเล็ตเองทั้งที ก็ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของผู้ปกครอง ถ้าเป็นเมื่อก่อนพ่อแม่ก็คงต้องนั่งประกบกับลูกตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเข้าถึงคอนเทนต์ไม่เหมาะสม กรณีที่พ่อแม่ต้องทำธุระอย่างอื่น ก็อาจจะเคยปล่อยให้ลูกเล่นเพลินจนลืมเวลา แถมเด็กอาจไปกดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่ไม่รู้จักจนทำเครื่องรวนไปอีก

ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไปด้วยฟีเจอร์ Parental Control ใน Kids Corner ที่เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของผู้ปกครองในการให้เด็ก ๆ ใช้งานอุปกรณ์นี้ได้อย่างสบายใจไร้กังวล เพื่อสร้างและส่งเสริมวินัยการใช้หน้าจอที่ดี รวมถึงการคัดสรรเนื้อหาการเข้าถึงต่าง ๆ สำหรับเด็ก อีกทั้งป้องกันไม่ให้เด็กดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตค่ะ โดยผู้ปกครองสามารถเข้าสู่ Parental Control ได้ที่รูปลิงที่มีเฟืองมุมซ้ายบนของหน้า Home ใน Kids Corner ได้เลยค่ะ

ก่อนเข้าสู่ Parental Control ผู้ปกครองต้องใส่รหัสผ่านก่อน ซึ่งการออกแบบหน้านี้เก๋มาก เพราะตัวเลขรหัสสลับตำแหน่ง ป้องกันไม่ให้เด็กจำได้ว่าผู้ปกครองจิ้มเลขอะไร แถมวัดกึ๋นผู้ปกครองสุด ๆ

หน้า Parental Control ใน Kids Corner

  • Usage report
    ในหน้าแรกของ Parental Control ที่สรุปว่า เด็ก ๆ ใช้งานแอปไหนบ้าง และใช้เวลาไปนานเท่าไร
  • Eye protection:
    ฟีเจอร์ช่วยถนอมสายตาดวงน้อย ๆ ของคุณหนู ๆ
    • Blue light filter กรองแสงสีฟ้า ปรับสีหน้าจอให้เป็นสีนวล ๆ
    • Posture alerts เตือนให้เด็กนั่งเล่นให้ถูกท่า หากนอนเล่น จะมีการแจ้งเตือนให้กลับมาใช้งานในท่านั่งที่เหมาะสม
    • Bumpy road alerts แจ้งเตือนให้หยุดใช้งานขณะเคลื่อนไหว เช่น ขณะนั่งอยู่ในรถที่กำลังวิ่ง
    • eBook mode ปรับสีหน้าจอเป็นภาพขาวดำให้เด็กรู้สึกเหมือนกำลังอ่านหนังสือ เพื่อถนอมดวงตาคู่น้อย
  • Time management:
    ผู้ปกครองสามารถจำกัดเวลาใช้งานหน้าจอของเด็ก โดยกำหนดให้ใช้งานได้รอบละกี่นาที พักช่วงระหว่างรอบกี่นาที โควต้าต่อวันกี่นาที และแยกการใช้งานพิเศษสำหรับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ได้ บอกได้เลยว่าฟีเจอร์นี้ช่วยฝึกวินัยการใช้หน้าจอของน้อง ๆ ให้รู้จักวางแผน ควบคุมตัวเองให้เล่นเป็นเวลา และช่วยลดพฤติกรรมติดหน้าจอจากการใช้งานเป็นระยะเวลานานเกินไปด้วยค่ะ
  • App management:
    ผู้ปกครองสามารถจัดการเลือกแอปให้ใช้งานบนหน้า Home ของ Kids Corner ได้ เช่น เพิ่มแอปเครื่องคิดเลขสอนคณิตคิดคำนวณ หรือแอปปฏิทินสอนเรื่องวันเดือนปีก็ได้
  • Content management:
    ผู้ปกครองสามารถเลือกภาพหรือวิดีโอที่อนุญาตให้เด็ก ๆ ดูได้

พอหมดเวลาเล่นปุ๊บ หน้าจอจะตัดมาที่ภาพหน้าจอแบบนี้ บอกเด็ก ๆ ให้พักสายตาก่อน อีก 15 นาทีค่อยกลับมาเล่นใหม่ ซึ่งแล้วแต่ผู้ปกครองกำหนดตั้งค่าเวลาพักค่ะ

ด้วยฟีเจอร์การควบคุมการใช้งาน ผู้ปกครองไม่ต้องกังวลว่า เด็ก ๆ จะเข้าไปแอบเปลี่ยนการตั้งค่าเอง เพราะทุกขั้นตอนก่อนจะไป Settings อื่น ๆ จะมีการถามรหัสหรือตั้งโจทย์คณิตยาก ๆ ให้ตอบเพื่อยืนยันว่า ผู้ที่จะเข้าไปหน้าควบคุมจัดการการตั้งค่าต่าง ๆ ได้นั้นเป็นผู้ปกครองจริง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเข้าไปตั้งค่าเองค่ะ

บทสรุป

สำหรับ HUAWEI MatePad T 8 Kids Edition นี้เรียกได้ว่า เป็นแท็บเล็ตที่สนับสนุนการใช้งานของน้อง ๆ หนู ๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเคสซิลิโคนกันกระแทก ปากกา Stylus ที่ผูกเชือกไว้กับเคสกันหาย ซอฟต์แวร์ Kids Corner ที่เป็นมิตรกับเด็ก ๆ และฟีเจอร์ Parental control ที่ทำให้พ่อแม่สามารถจัดการเวลา แอปพลิเคชัน และเนื้อหาได้ หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดต้องการแท็บเล็ตที่เป็นอุปกรณ์เสริมเพื่อให้เด็กเรียนรู้ได้สนุกสนานอย่างเต็มที่ในขณะที่ยังคงส่งเสริมวินัยการใช้หน้าจอที่ดีของเด็ก ๆ ด้วยแล้ว ทีมงาน ADPT ก็ขอแนะนำแท็บเล็ตเครื่องนี้เลยค่ะ

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง HUAWEI Thailand ที่ได้ให้ความอนุเคราะห์ตัวเครื่องแท็บเล็ตมารีวิวกันในครั้งนี้ด้วยค่ะ และหากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านไหนสนใจอยากจะซื้อ HUAWEI MatePad T 8 Kids Edition นี้ให้กับลูกหลานแล้ว สนนราคาอยู่ที่ 6,490 บาทเท่านั้น โดยสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ของทาง HUAWEI ได้เลย ตามลิงก์นี้ค่ะ https://consumer.huawei.com/th/tablets/matepad-t-8-kids/buy/

Image credit: HUAWEI