ระบบ ERP หรือ Enterprise Resource Planning นั้นเป็นซอฟต์แวร์ที่องค์กรใหญ่ ๆ แทบจะทุกองค์กรนั้นจำเป็นต้องใช้ ซึ่งหากเทียบกับวงการอื่น ๆ แล้วเรียกได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้า ๆ แต่อย่างไรก็ดี ด้วยเทรนด์ของเทคโนโลยี ณ ปัจจุบัน ก็อาจจะทำให้ ERP กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วแล้ว
สำหรับปีหน้า 2022 ที่จะถึงนี้ เตรียมพบกับการเปลี่ยนแปลงระบบ ERP หลัก ๆ 6 เทรนด์ที่คุณไม่ควรพลาด ตามนี้เลย
Trend #1 : ERP แบบ 2 Tier (Two-Tier ERP)
Two-Tier ERP คือการใช้งานซอฟต์แวร์ ERP 2 ตัวภายในองค์กรเดียวกัน ซึ่งทุกวันนี้หลาย ๆ องค์กรก็ได้เริ่มมีการใช้งานในแบบนี้กันแล้ว เนื่องจากองค์กรมีขนาดที่ใหญ่ อาจจะมีอยู่หลายสาขา จึงต้องแยกออกมาเป็น 2 Tier โดย Tier 1 จะเป็น “แอปพลิเคชันแบบดั้งเดิม” ที่จะใช้ในระดับองค์กร กับ Tier 2 จะถูกบริหารจัดการโดยสาขานั่นเอง
Trend #2 : การเติบโตของการพิมพ์สามมิติ (Rise of 3D printing)
เทคโนโลยี “3D printing” และ “Additive Manufacturing (AM)” นั้นกำลังจะมาเปลี่ยนฝั่งผู้ผลิตที่สร้างผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่หรือว่าซับซ้อน อย่างเช่น เครื่องยนต์หรือว่าหัวเข็มขัดนิรภัยในรถ ซึ่งในหลาย ๆ อุตสาหกรรมก็มีการใช้งานเทคโนโลยีดังกล่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยจะทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายลงไปได้ แถมยังปรับปรุงประสิทธิภาพในการสร้างชิ้นส่วนขึ้นมาให้ดีขึ้นและรวดเร็วขึ้นอีกด้วย หากแต่ปัญหาที่กระทบกับระบบ ERP นั่นคือจะต้องสามารถจัดการข้อมูลในทุก ๆ ขั้นตอนการผลิตที่มีขนาดใหญ่อันเนื่องมาจากการใช้งานเทคโนโลยีดังกล่าวนั่นเอง
Trend #3 : ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence)
แน่นอนว่า AI จะสามารถทดแทนงานหลาย ๆ อย่างของมนุษย์ไปได้ ซึ่งส่วนหนึ่งก็จะมาเชื่อมต่อกับระบบ ERP ด้วย โดย AI จะสามารถช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตัดสินใจ หรือทำงานได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และลดความผิดพลาดลงไปในหลาย ๆ จุดได้ และในปี 2022 น่าจะเห็นหลาย ๆ ระบบ ERP เริ่มมีการปรับใช้ระบบ AI กันมากขึ้น จนอาจจะทำให้บางงานอย่างเช่นการจัดการเอกสารบัญชีบางส่วนอาจจะถูกดำเนินการผ่าน AI ได้เลยด้วย
Trend #4 : ระบบ ERP แบบพกพา (Mobile ERP)
ทุกวันนี้เรียกว่าเป็นยุคแห่ง Mobile First ไปแล้ว ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตามก็จะเห็นคนใช้งานอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือหรือว่าแล็ปท็อปพกพาไปใช้งานตามที่ต่าง ๆ กันหมด เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้ทันทีในทุกที่ทุกเวลา ดังนั้น ซอฟต์แวร์อย่าง ERP ก็เช่นกันที่เริ่มจะตอบสนองต่อความต้องการที่จะทำให้มี Mobile App กันแล้ว ที่ทำให้พนักงานและผู้บริหารนั้นสามารถเข้าถึงข้อมูลบริษัทและสื่อสารกับลูกค้าได้อย่าง Real Time ผ่านอุปกรณ์พกพาได้เลย อย่างเช่น สามารถสร้างใบสั่งซื้อสินค้า รีวิวและอนุมัติกระบวนการบางอย่างได้ผ่านอุปกรณ์มือถือจากร้านกาแฟได้ทันที เป็นต้น
Trend #5 : การเชื่อมต่อกับเครื่องโดยตรง (Direct Machine Integration)
การเชื่อมต่อกับเครื่องต่าง ๆ โดยตรงหรือก็คือ Internet of Things (IoT) นั่นเอง เทคโนโลยีนี้ก็กำลังเริ่มมีการปรับใช้กันมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะเป็นการเชื่อมต่อเครื่องต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกันกับระบบ ERP อย่างเช่น เซ็นเซอร์ที่วางไว้บนเครื่องจักรในสายการผลิตที่สามารถแจ้งข้อมูลกลับมาที่ระบบ ERP ได้ว่าประสิทธิภาพของเครื่องจักรนั้นยังคงทำงานได้ดี ซึ่งสามารถบอกได้แบบ Real Time อีกด้วย ดังนั้น คนที่อยู่หน้างานหรือว่าผู้จัดการโรงงานก็จะสามารถตรวจสอบและแปลผลจากข้อมูลที่ได้มาอย่างรวดเร็ว หรืออาจจะวางแผนจัดการตารางเพื่อบำรุงรักษาเครื่องจักรได้อย่างสะดวกหากจำเป็น ซึ่งเทรนด์นี้จะส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมอาจมีความต้องการผู้เชี่ยวชาญหน้างานที่ค่อนข้างหายากนั้นน้อยลงไปได้ และยังทำให้หลาย ๆ องค์กรมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้นอีกด้วย
Trend #6 – ERP บนคลาวด์ (Cloud ERP)
คงไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับการจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ไว้บนคลาวด์กันแล้วในยุคนี้ ระบบ ERP ก็เช่นกัน หากแต่อาจจะมีผู้ใช้ระบบ ERP อีกมากที่ยังคงกลัวในการจัดเก็บข้อมูลองค์กรไว้บนพื้นที่คลาวด์ ทั้งนี้ ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และเรื่อง Digital Transformation ที่ทำให้มีข้อได้เปรียบหลาย ๆ อย่าง ก็ได้ทำให้มีองค์กรเริ่มย้ายมาใช้ระบบ Cloud ERP กันมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ซึ่งความสามารถในการเข้าถึงระบบ ERP ของบริษัทได้จากที่ไหนก็ได้บนโลกนั้นคือเหตุผลอันดับหนึ่งที่ทำให้มีการปรับใช้งาน Cloud ERP กันมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งยังมีเรื่องของระบบความปลอดภัยข้อมูลที่คลาวด์มักจะดูแลเรื่องนี้ได้ดีกว่าการดูแลกันเอง แถมยังบริหารจัดการได้ง่ายและใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่า
สำหรับองค์กรใดที่ใช้ระบบ ERP ที่อาจจะล้าสมัยไปสักหน่อยแล้ว ปีหน้า 2022 นี้อาจจะเป็นโอกาสอันดีที่จะรีบอัปเกรดระบบ ERP เพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้งานได้ทันตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป และทำให้องค์กรของท่านจะยังคงอยู่ในการแข่งขันของตลาดที่กำลังจะร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ได้ต่อไป นั่นเอง