จับตา ! 10 เทรนด์แห่งโลก ERP ในปี 2022

0

ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 นั้น ได้ทำให้องค์กรจำนวนมากจำต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานไปอย่างมาก ทั้งการดำเนินงาน (operation) หน้างานต่าง ๆ หรือทำงานแบบรีโมท (Remote Working) ปัญหาใหม่ ๆ เหล่านี้ก็ได้ส่งผลกระทบกับวงการซอฟต์แวร์ ERP ด้วยเช่นกันจึงทำให้เกิดเทรนด์ใหม่ที่องค์กรไม่ควรพลาดและน่าจับตา

อย่างที่รู้กันว่า ระบบซอฟต์แวร์ ERP (Enterprise Resource Planning) คือซอฟต์แวร์ที่ใช้วางแผนการจัดการในขั้นตอนต่าง ๆ ขององค์กร ซึ่งองค์กรสามารถนำไปใช้ได้อย่างหลากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นฝั่งการผลิต การเงิน หรือว่า Supply Chain ต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงมีบทบาทสำคัญที่จะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนให้องค์กรประสบความสำเร็จได้ และในบทความนี้คือ 10 เทรนด์แห่งโลก ERP ที่มีการพูดถึงกันอย่างแพร่หลายว่ากำลังจะเกิดขึ้นในปี 2022 นี้

1. โซลูชัน ERP บนคลาวด์ (Cloud-based ERP)

สำหรับเรื่องคลาวด์นั้นคงไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป และอย่างที่รู้กันว่าหลาย ๆ องค์กรก็ใช้งานคลาวด์กันเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งโซลูชัน ERP เองก็เริ่มมีบริการที่เป็นลักษณะ SaaS-based ERP มาตั้งแต่เมื่อปี 2020 ซึ่งหลายองค์กรก็เริ่มทยอยย้ายมาใช้งานกันเรื่อย ๆ 

แต่ทว่าในปี 2022 นี้ เนื่องด้วยสถานการณ์แพร่ระบาด COVID-19 ที่ยังไม่จบและด้วยวิธีการทำงานของคนที่เปลี่ยนแปลงไป เราจะได้เห็นการใช้งาน ERP บนคลาวด์เติบโตขึ้นอย่างมาก ด้วยศักยภาพที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้แบบ Real Time สามารถรองรับการทำงานแบบ Remote Work ได้ อีกทั้งยังมีความมั่นใจในเรื่อง Cybersecurity ที่มีการป้องกันในระดับต่าง ๆ ได้ด้วยนั่นเอง

2. ERP บนโทรศัพท์มือถือ (Mobile ERP)

สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง Game Changer ขององค์กรที่มีการแข่งขันสูงมากในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ เพราะปัจจุบันองค์กรต่าง ๆ ที่มีความคุ้นชินกับแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถืออยู่แล้วก็เริ่มเรียกร้องต้องการให้สามารถใช้งานระบบ ERP บนโทรศัพท์ได้เลยแม้ว่าจะมีคลาวด์อยู่แล้วก็ตาม เพราะความสะดวกและความคุ้นชินในโลก Mobile-First ที่ผ่านมา ซึ่งเทรนด์นี้จะยิ่งทำให้องค์กรสามารถเข้าถึงระบบ ERP ได้อย่าง Seamless คือเข้าได้ “ทุกที่ ทุกเวลา (anyplace, anytime)” โดยแท้จริง 

Mobile ERP จะสามารถปลดล็อกเพิ่มศักยภาพให้กับหลาย ๆ องค์กรได้อย่างที่อาจจะคาดไม่ถึง เช่น การทำให้องค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลพยากรณ์หรือข้อมูลที่วิเคราะห์ไว้ได้สะดวกมากขึ้น สามารถใช้ประโยชน์จากการมี Push Notification ที่ช่วยแจ้งเตือนให้ เพื่อสนับสนุนให้บรรดา Stakeholder หรือผู้จัดการในระดับต่าง ๆ สามารถดำเนินการตัดสินใจได้แบบ Real Time ทันทีทันใด ส่งผลให้ Productivity สูงขึ้นกว่าเดิมได้ เป็นต้น 

3. AI จะมีบทบาทมากขึ้นในโซลูชัน ERP 

แน่นอนว่าระบบ AI ในตอนนี้คือเทรนด์ของโลก ณ ตอนนี้ ซึ่งในระบบ ERP ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้เช่นกัน โดยระบบ AI (Artificial Intelligence) หรือ ML (Machine Learning) ที่สามารถเรียนรู้จากข้อมูลที่มี จะสามารถช่วยแนะนำให้ผู้ใช้งานในการตัดสินใจบางอย่างได้ ช่วยทำบางงานที่ต้องทำเป็นประจำหรือทำซ้ำ ๆ ให้เร็วขึ้นได้ รวมทั้งยังสามารถช่วยค้นหากระบวนการขั้นตอนที่ไม่มีประสิทธิภาพเพื่อที่จะสามารถนำไปต่อยอดปรับปรุงให้มี Productivity สูงขึ้นได้ เป็นต้น 

Source: ShutterStock.com

นอกจากนี้ การเชื่อมโยง AI เข้ากับระบบ ERP ก็กำลังจะไปอีกขั้นหนึ่งที่จะสามารถวิเคราะห์ทำนาย (Predictive Analytics) และมีลักษณะเป็น Hyperautomation ที่จะช่วยลดดีเลย์ ความผิดพลาด และความไม่สอดคล้องกันในกระบวนการของ ERP นำไปสู่การทำตัดสินใจ (Decision Making) และเสริมสร้างประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience) ได้ดีกว่าเดิม ซึ่งอาจจะวิวัฒนาการต่อยอดจนทำให้เกิดประสบการณ์ส่วนบุคคล (Personalised Experience) ที่ภายในระบบ ERP จะสามารถปรับแต่งหน้าจอ UI (User Interface) ให้ใช้งานได้เฉพาะส่วนบุคคลแต่ละคนได้เลย เป็นต้น หรืออีกมุมคือจะเริ่มมีความเป็น Intelligent ERP มากยิ่งขึ้นนั่นเอง

4. ตัดสินใจ ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven) มากกว่าเดิม

เรื่องของการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) หรือข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) นั้นคงไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป ซึ่งในโซลูชัน ERP ก็มีฟังก์ชันที่สามารถดึงข้อมูลจากแต่ละแหล่งวิเคราะห์ได้อยู่แล้ว แต่หลังจากนี้จะเริ่มสามารถวิเคราะห์หา Insight ที่ลึกขึ้น และการตัดสินใจหลังจากนี้จะขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม 

ด้วยข้อมูลที่สามารถจัดเก็บและวิเคราะห์ได้แบบ Real Time จะยิ่งทำให้หลาย ๆ กระบวนการจะปรับปรุงให้ดีขึ้น จนกระทั่งจะสามารถ “ทำนาย (Predict)” เทรนด์หรือสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคตได้เลย ซึ่งอาจจะเป็นโอกาสของหลาย ๆ บริษัทที่จะสามารถแก้ไขปัญหาในบางกระบวนการ หรือสร้างผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับความต้องการได้อย่างทันท่วงที สิ่งนี้จะทำให้องค์กรจะยังคงมีศักยภาพการแข่งขันในโลกอนาคตได้

Source: ShutterStock.com

5. เชื่อมโยงกับอุปกรณ์โดยตรง (IoT Integration)

ระบบ ERP ที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ IoT ต่าง ๆ ได้โดยตรงนั้นกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในวงการอุตสาหกรรมการผลิต (Manufacturing) หรือธุรกิจที่ต้องการการจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้อัตโนมัติ เนื่องด้วยปัจจัยที่จะต้องมีการติดตามตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา 24×7 อย่างเช่น การจัดส่งวัตถุดิบ คลังสินค้า หรือว่าสถานะการทำงานของเครื่องจักรภายในโรงงาน อุณหภูมิ ความดันอากาศ หรือความชื้น เป็นต้น 

ด้วยการเชื่อมโยงกับอุปกรณ์โดยตรงทำให้ระบบ ERP มีข้อมูลแบบ Real Time และด้วยระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพ จะสามารถนำไปวิเคราะห์และออกรายงานได้ทันที ด้วยเหตุนี้ ทำให้หลาย ๆ วงการอุตสาหกรรมจะเริ่มมีการประยุกต์ใช้ในลักษณะดังกล่าวมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง

6. ERP ที่เหมาะเฉพาะอุตสาหกรรม (Industry-Specific ERP)

เรียกได้ว่าโซลูชัน ERP ก็จำเป็นจะต้องปรับตัวให้ตอบโจทย์กับแต่ละอุตสาหกรรมให้ได้มากที่สุด ซึ่งหลังจากนี้โซลูชัน ERP คงจะไม่ได้เป็นลักษณะแบบ One Size Fits All อีกต่อไปแล้ว เนื่องด้วยความเฉพาะทางหรือกระบวนการที่แตกต่างกันไปในแต่ละธุรกิจอุตสาหกรรมหนึ่ง ๆ ซึ่งระบบ ERP ของแต่ละที่ก็จะมีโมดูลหรือฟีเจอร์ที่จะสอดรับกับ Workflow หรือ Requirement เฉพาะของแต่ละที่แต่ละแห่งได้แตกต่างกันไป  ดังนั้น เราจะได้เห็นโซลูชัน Industry-Specific ERP ในแต่ละอุตสาหกรรมนั้นโดดเด่นขึ้นมาอย่างแน่นอน

7. เทคโนโลยี Blockchain กับโลก ERP

เรียกได้ว่านี่เป็นช่วงเริ่มต้นที่คนในวงกว้างจะเริ่มทำความรู้จักกับเทคโนโลยี Blockchain กันอย่างจริงจังนอกจากเรื่องของ Cryptocurrency และ Bitcoin แล้ว เทคโนโลยี Blockchain ยังอาจเป็นส่วนที่สำคัญกับโลกของระบบ ERP ในอนาคตต่อไปได้ ด้วยลักษณะสำคัญของ Blockchain ที่มีความกระจายศูนย์และมีความโปร่งใสในธุรกรรมต่าง ๆ จึงอาจจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เชื่อมโยงข้อมูลทุก ๆ ธุรกรรมเข้ากับระบบ ERP ได้ ซึ่งจะทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลต่าง ๆ จะไม่ได้ถูกใครที่ไม่มีสิทธิมาเปลี่ยนแปลงไปได้ อีกทั้งถ้าหากระบบ ERP สามารถรองรับการชำระเงินด้วย Cryptocurrency ก็อาจจะยิ่งเร่งกระบวนการจัดการชำระเงินต่าง ๆ ให้เร็วขึ้นและลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลงไปได้ด้วย

Source: ShutterStock.com

8. เชื่อมโยงระบบ e-Commerce เข้ากับ ERP

ในช่วงที่การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 นั้นทำให้ตลาด e-Commerce ยิ่งเติบโตขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้น แนวคิดที่จะเชื่อมโยงระบบ e-Commerce เข้ากับโซลูชันของ ERP ต่าง ๆ นั้นจึงเป็นเรื่องที่ดูสมเหตุสมผลที่จะช่วยทำให้ธุรกิจทำงานได้สะดวกและเติบโตไปได้อย่างรวดเร็วทั้งในแนวกว้างและแนวลึก ที่จะสามารถเชื่อมโยงกระบวนการและขั้นตอนต่าง ๆ เช่น การจัดการด้านการเงิน จัดการสินค้าคงคลัง คำนวณภาษี ที่สามารถใช้ประโยชน์ในระบบ ERP เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการดำเนินการ เป็นต้น

9. เชื่อมโยง ERP กับระบบชำระเงิน (Payment Integration)

โลกกำลังเปลี่ยนไปแล้ว และถ้ากระบวนการชำระเงินผ่านระบบ ERP นั้นจะยังเป็นแนวทางที่ส่วนใหญ่ดำเนินการ เช่น สร้างคำสั่งซื้อ (Purchase Order) ใบแจ้งหนี้ (Invoice) แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นไปส่งอีเมลหรือระบบออนไลน์อื่นเพื่อวางบิลและชำระเงินกันจริง ๆ เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่ากระบวนการดังกล่าวนี้ยังสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ 

ดังนั้น จึงเชื่อว่าจะได้เห็นโซลูชัน ERP ที่สามารถเชื่อมโยงกับระบบชำระเงินได้มากขึ้นอย่างแน่นอน หรืออาจจะมีฟังก์ชันทางการเงินต่าง ๆ เช่น ระบบบัญชี, Payroll หรือแม้กระทั่งการรับชำระด้วยบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือรับชำระด้วย ACH (e-Check) ได้ผ่านระบบ ERP เพื่ออำนวยความสะดวกและลดเวลาและขั้นตอนในกระบวนการดังกล่าว ก็อาจจะเป็นไปได้

Source: ShutterStock.com

10. ประยุกต์ใช้ระบบ ERP แบบ Two-Tier 

โดยปกติ การใช้งานระบบ ERP ทั่ว ๆ มักจะเป็นการใช้งานเพียงแค่ระบบใดระบบหนึ่งเท่านั้น ซึ่งมักจะวางตั้งไว้ใช้งานอยู่ที่สำนักงานใหญ่ขององค์กร หรือวางไว้ตามออฟฟิศภูมิภาคต่าง ๆ ให้เหมือนกัน แต่ทว่าด้วยความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละสาขา จึงอาจจะไม่จำเป็นจะต้องใช้งานในทุกฟังก์ชันของระบบ ERP หรืออาจจะต้องมีโมดูลพิเศษเฉพาะสำหรับสาขาดังกล่าว ซึ่งการลงทุนติดตั้งระบบ ERP ในลักษณะเดิมอาจจะกลายเป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ 

ดังนั้น การประยุกต์ใช้ลักษณะ Two-Tier ERP จะเริ่มเป็นที่แพร่หลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการใช้ระบบ ERP แบบปัจจุบันในสำนักงานใหญ่ (Tier 1) แล้วที่ภูมิภาคหรือสาขาก็จะมีการใช้โซลูชัน ERP อีกแบบ (Tier 2) แยกออกไป (มักจะวางไว้บนคลาวด์) ซึ่งจะทำให้สามารถปรับแต่งระบบ ERP ให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละที่ได้โดยที่ไม่กระทบกับฝั่งของสำนักงานใหญ่แต่อย่างใด นั่นเอง

บทสรุป

นี่คือ 10 เทรนด์แห่งโลก ERP ในปี 2022 ที่ทางทีมงาน ADPT เชื่อว่าน่าจะได้เห็นเป็นรูปธรรมกันมากยิ่งขึ้น และโซลูชัน ERP ของแต่ละแห่งก็จะมีวิวัฒนาการกันต่อไป เพื่อที่จะรองรับตามความต้องการของผู้ใช้งานให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งหวังว่าองค์กรของท่านจะสามารถเลือกใช้ระบบ ERP ที่เหมาะกับธุรกิจและยังตามเทรนด์ที่โลกกำลังวิวัฒนาการไปได้ เพื่อให้องค์กรของท่านจะยังคงอยู่ในเกมการแข่งขันต่อไป

แหล่งอ้างอิง