ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นยุคการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญแก่บรรดาผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย เนื่องจากต้องเผชิญกับปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นของคนไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องของเวลาการใช้งานที่เพิ่มขึ้น เพราะเป็นช่องทางสำคัญของการ Work from Home และการเรียนออนไลน์
ข้อมูลจาก We Are Social ระบุว่า คนไทยใช้ระยะเวลาบนอินเทอร์เน็ตถึง 9.06 ชั่วโมงต่อวัน โดยมีพฤติกรรมการใช้งานที่ค่อนข้างเปลี่ยนไป จากเดิมที่สัดส่วนการใช้งานวิดีโอสตรีมมิ่ง และโซเชียลมีเดียจะค่อนข้างใกล้เคียงกัน แต่กลายเป็นว่าปัจจุบันการใช้งานสตรีมมิ่งได้กลายเป็นสัดส่วนหลักในการใช้งานเรียบร้อยแล้ว
เมื่อพฤติกรรมการใช้งานของคนไทยเปลี่ยนแปลงไปใช้งานสตรีมมิ่งสูงขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือปริมาณการใช้งานแบนด์วิดท์อินเทอร์เน็ตไปยังต่างประเทศก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ข้อมูลจากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ที่มีการเก็บรวบรวมปริมาณอินเทอร์เน็ตแบนด์วิดท์ที่ใช้งานเชื่อมต่อจากไทยไปต่างประเทศ (International Bandwidth) มีปริมาณสูงขึ้นจากเดือนมีนาคมปี 2020 อยู่ที่ 11.1 TBps ก่อนที่ข้อมูลล่าสุดคือเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 18.1 TBps หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 60% ในช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา
โดยรูปแบบการใช้งานที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น จะเห็นได้จากพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคนไทยในปัจจุบันนี้ ทั้งการที่เริ่มหันมาใช้งานวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ทั้งการทำงาน และการเรียนออนไลน์ โดยมีช่วงระยะเวลาที่ใช้งานสูงที่สุดอยู่ในช่วงเวลาทำงาน แสดงให้เห็นว่าการใช้งานวิดีโอคอลได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานในกลุ่มองค์กรธุรกิจไปเรียบร้อยแล้ว และจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ในอีกมุมหนึ่งกลุ่มผู้บริโภคที่ใช้งานทั่วไปก็จะเข้าถึงคอนเทนต์ในช่วงเวลาหลังเลิกงาน โดยเฉพาะการใช้งาน YouTube หรือบริการสตรีมมิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Netflix VIU WeTV Disney+ hotstar เพื่อรับชมคอนเทนต์ความบันเทิงที่มีสัดส่วนการใช้งานแบนด์วิดท์สูงที่สุดในเวลานี้
IIG เส้นทางเชื่อม Content – User
สำหรับฝั่งของการเป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต สิ่งที่ต้องรับมือก็คือการเตรียมความพร้อมของเครือข่ายให้รองรับปริมาณการใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้น เมื่อเห็นว่าคอนเทนต์ หรือบริการไหนที่มีความต้องการใช้งานพุ่งสูงขึ้น ก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเข้าถึง เราจึงได้เห็นการลงทุนของบรรดา Content Provider ที่เชื่อมต่อเข้ามาใกล้ผู้ใช้งานมากขึ้นเรื่อยๆ
นั่นจึงเป็นที่มาของความสำคัญในการให้บริการอินเทอร์เน็ตเกตเวย์ระหว่างประเทศ (International Internet Gateway : IIG) ที่ให้บริการเชื่อมต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider : ISP) เข้ากับผู้ให้บริการผ่านระบบเคเบิลใต้น้ำที่กลายเป็นเส้นทางเชื่อมต่อหลักไปยังพื้นที่สำคัญๆ ทั่วโลก
หน้าที่ของการเป็นผู้ให้บริการ IIG ในปัจจุบันไม่ใช่แค่การติดตั้งโครงข่ายเพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไปทั่วโลก และบำรุงรักษาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการนำพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าที่ใช้งาน มาวิเคราะห์เพื่อเฟ้นหาว่าคอนเทนต์ที่ลูกค้าใช้งานนั้นอยู่ที่จุดไหนบ้างไหนในโลก ในยุคที่การเชื่อมต่อเกิดขึ้นแบบไร้พรมแดน และเลือกปรับเส้นทางเชื่อมต่อไปให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด
สำหรับรูปแบบในการวัดประสิทธิภาพของผู้ให้บริการ IIG คงหนีไม่พ้นในเรื่องของค่า Latency time จากผู้ใช้บริการต้นทาง ไปยังคอนเทนต์ปลายทางซึ่งจะต้องมีค่าต่ำ เพื่อให้การเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ เรื่องของเสถียรภาพของการให้บริการ IIG ซึ่งขึ้นอยู่กับการออกแบบ IIG Network ให้มี Diversity ของเส้นทางการเชื่อมต่อระหว่างประเทศให้มีความหลากหลาย ซึ่งก็จะทำให้ได้คุณภาพในการใช้งานที่ดีที่สุด
NT IIG แข็งแกร่งจากบริการต้นน้ำ-ปลายน้ำ
สำหรับในประเทศไทย ผู้ให้บริการ International Internet Gateway ที่แข็งแกร่งที่สุด คงต้องยกให้ NT หรือ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรายเดียวในประเทศไทยที่มีการเชื่อมต่อผ่าน ระบบเคเบิลใต้น้ำออกจากประเทศไทยไปยังต่างประเทศโดยตรงมากที่สุด เพื่อเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต และผู้ให้บริการ Content ชั้นนำทั้งในทวีปอเมริกา ยุโรป และเอเชีย โดยตรงด้วยช่องทางที่หลากหลาย และจากการควบรวมกันของ CAT และ TOT ยิ่งเสริมความแข็งแกร่งและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพใน การให้บริการได้ตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงข้อมูลอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด ในราคาที่เหมาะสมอีกด้วย
สอบถามและติดตามรายละเอียดบริการ NT IIG เพิ่มเติมได้ที่ :
Website: www.ntplc.co.th
Facebook: NTNetworkSolutions
Contact Center: 1888
Government Solutions: Tel.02 104 1111
Business Solutions: Tel.02 104 5555
Operator Solutions: Tel.02 104 8888