ธุรกิจแฟชั่นไลฟ์สไตล์ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ท้าทายมากที่สุดอุตสาหกรรมหนึ่ง ซึ่งผู้บริหารต้องมีไหวพริบและพร้อมที่จะปรับตัวอยู่ตลอด
ในบทความนี้ ทีมงาน ADPT.news มีโอกาสได้พูดคุยเจาะลึกกับคุณวริษฐา คันธวัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาดดิจิทัล บริษัท ชู โกลบอล จำกัด หนึ่งในแบรนด์แฟชั่นที่มีอายุมายาวนานกว่า 20 ปี ถึงบทเรียนสำคัญในการบริหารธุรกิจแฟชั่นให้เป็นระบบ และการปรับตัวครั้งใหญ่ท่ามกลางวิกฤตโรคระบาด รวมถึงการมองไปสู่อนาคตของอุตสาหกรรมนี้
SHU GLOBAL: จากความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหารองเท้าที่สวมใส่ไม่สบาย สู่เป้าหมายการเป็นแบรนด์แฟชั่นระดับโลก
หากพูดถึงชื่อของ SHU GLOBAL หลายๆ คนก็คงนึกถึงร้านขายสินค้าแฟชั่นแบรนด์ SHU ที่เราพบเห็นได้ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำหลายแห่ง ที่ตกแต่งร้านอย่างสวยงาม พร้อมสินค้าที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
คุณวริษฐาได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของ SHU GLOBAL นั้นเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อ 20 ปีก่อน ที่คุณป้อ กรกนก สว่างรวมโชค เจ้าของ SHU GLOBAL ที่ในยามนั้นมีชื่อเดิมว่า SHUBERRY มุ่งมั่นจะสร้างแบรนด์รองเท้าผู้หญิงซึ่งสามารถสวมใส่ได้อย่างสบาย และกลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว จนต่อมาคุณป้อประสบปัญหาเป็นโรครองช้ำจากอุบัติเหตุข้อเท้าหัก ทำให้รองเท้าที่ตนเองเคยเชื่อว่าออกแบบมาให้สวมใส่ได้สบายนั้นกลับกลายเป็นไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป และได้พัฒนาเป็นรองเท้ารุ่นใหม่ “SOFASHOES” ที่สามารถตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบายต่อยอดยิ่งขึ้นกว่าเดิม พลิกธุรกิจของ SHU GLOBAL ให้ยิ่งเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ด้วยความมีเอกลักษณ์และตอบโจทย์รองเท้าแฟชั่นสตรีที่ทั้งสวยงามและสวมใส่ได้สบายอย่างแท้จริง เป้าหมายของ SHU GLOBAL จึงเติบใหญ่ เตรียมขยายแบรนด์สู่ต่างประเทศ ทำให้มีการรีแบรนด์ครั้งใหญ่จาก SHUBERRY มาสู่ SHU เมื่อปี 2018 เพื่อนำเสนอแนวคิดการออกแบบและนวัตกรรมทางด้านแฟชั่นจากประเทศไทยออกไปสู่ตลาดโลก
ในปัจจุบันนี้ SHU GLOBAL มีพนักงานกว่า 200 คน ในหน้าร้านกว่า 30 แห่งและช่องทางออนไลน์ที่หลากหลายไม่ได้มีเพียงแค่สินค้าที่เป็นรองเท้าแฟชั่นอย่างเดียว แต่ยังมีเสื้อผ้า กระเป๋า และสินค้าแฟชั่นอื่นๆ สำหรับสุภาพสตรี รวมถึงยังมีรองเท้าผู้ชาย และรองเท้าเด็ก ที่ยังคงยึดมั่นในเอกลักษณ์เรื่องความสบายในการสวมใส่ โดยล่าสุดนี้ยังได้มีการเปิด SHU GALLERIA @ CENTRAL WORLD และ SHU CAFÉ RUNWAY SIAM SQUARE ที่จะเป็น Lifestyle Cafe ผสมผสานระหว่างแฟชั่นและร้านคาเฟ่ สำหรับการส่งมอบประสบการณ์ของ SHU GLOBAL สู่ลูกค้าในแง่มุมใหม่ๆ และเสริมความเข้มแข็งให้กับแบรนด์ของ SHU GLOBAL เอง
ผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SHU สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์และ Social Media ได้ที่
– https://www.shu.global
– https://www.facebook.com/www.shu.global
– https://www.instagram.com/shu.global
– https://www.tiktok.com/@shu.global
– https://shop.line.me/@shu.global
และบริการ Delivery สำหรับ SHU CAFÉ RUNWAY ที่ https://linktr.ee/shu.caferunway
บริหารธุรกิจแฟชั่นไม่ง่าย สินค้าหลากหลาย ลูกค้าเปลี่ยนเร็ว ต้องปรับตัวอยู่ตลอด
คุณวริษฐาได้แบ่งปันมุมมองในฐานะของผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมแฟชั่นว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีความเปลี่ยนแปลงรวดเร็วที่สุดในหลากหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยของเทรนด์แฟชั่นในระดับโลกจากแบรนด์ชั้นนำ ไปจนถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปให้คุณค่าในประเด็นใหม่ๆ หรือแม้แต่การเข้ามาของเทคโนโลยีและโรคระบาดก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของเทรนด์และความต้องการของลูกค้าที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดนี้ ก็ทำให้ SHU GLOBAL ต้องพัฒนาหรือจัดหาสินค้าใหม่ๆ มาเติมเต็มความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอ อีกทั้งสินค้าแฟชั่นเองก็ยังมีประเด็นสำคัญเรื่องของการมีสีและขนาดที่หลากหลาย ทั้งหมดนี้ทำให้คลังสินค้าของ SHU GLOBAL มี SKU มากกว่าหมื่นรายการ และทำให้การบริหารจัดการคลังสินค้า การวางแผนการผลิต และการทำการตลาดเพื่อจัดจำหน่ายสินค้าให้หมดกลายเป็นโจทย์ที่สำคัญ
การมาของ COVID-19 เองก็เป็นอีกปัจจัยที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับ SHU GLOBAL ไม่น้อย เพราะในช่วงแรกของการแพร่ระบาดในประเทศไทยนั้น ได้ทำให้หน้าร้านของ SHU GLOBAL ทั้งหมดไม่สามารถเปิดให้บริการได้จากคำสั่งปิดศูนย์การค้าตามมาตรการของรัฐบาล และเร่งให้ทีมงานต้องเปิดหน้าร้านออนไลน์ขึ้นอย่างเร่งด่วน พร้อมปรับกระบวนการทำงานมาสู่ออนไลน์แบบ 100% เช่น การตั้งทีมเพื่อพูดคุยตอบคำถามลูกค้าในช่องทางออนไลน์ การ Live ขายของมากที่สุดถึงวันละ 5 รอบ การบริหารเงินสด และการจัดโปรโมชันในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นความสนใจของลูกค้า เรียกได้ว่าวิกฤตในครั้งนี้ได้กลายเป็นโอกาสให้ SHU GLOBAL ได้เรียนรู้และสร้างช่องทางการขายใหม่อย่างเต็มตัว จนกลายเป็นช่องทางที่มีศักยภาพต่อไปได้ในอนาคต
ตัดสินใจใช้ SAP Business One วางรากฐานธุรกิจให้แข็งแกร่งด้วย ERP ผสานทุกระบบธุรกิจเข้าด้วยกัน
เดิมที SHU GLOBAL นั้นมีการใช้งาน Software เพื่อบริหารจัดการธุรกิจในหลายๆ ส่วนอยู่แล้ว เช่น ระบบบัญชีและการเงิน ระบบ Point-of-Sale (POS), ระบบ Inventory Management และอื่นๆ แต่ด้วยการเติบโตที่รวดเร็วของธุรกิจและวิสัยทัศน์ที่จะก้าวสู่ระดับโลก ก็ทำให้การสื่อสารภายในบริษัทเองนั้นมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น และมีขั้นตอนการทำงานเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ด้วยเหตุนี้ SHU Global จึงตัดสินใจเริ่มลงทุนวางระบบ Enterprise Resource Planning หรือ ERP ใหม่เพื่อเสริมฐานด้านการบริหารจัดการธุรกิจด้วยข้อมูลให้แข็งแรง เปลี่ยนกระบวนการทำงานให้เป็นมาตรฐาน และลดความซ้ำซ้อนในกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม พร้อมกลยุทธ์การวาง Master Data สำหรับการบริหารธุรกิจใหม่ทั้งหมดในทุกภาคส่วน ให้ข้อมูลจากภายในระบบ ERP เป็นข้อมูลกลางที่มีความน่าเชื่อถือสูงสุด และเชื่อมโยงข้อมูลจาก ERP ส่งต่อไปยังระบบอื่นๆ เพื่อให้การทำงานของทุกคนใน SHU GLOBAL เกิดขึ้นได้บนข้อมูลที่ตรงกัน
เมื่อโจทย์ของ SHU GLOBAL มีความชัดเจนแล้ว ทางบริษัทจึงได้เปิดให้ระบบ ERP จากผู้ผลิตรายต่างๆ ได้เข้ามานำเสนอ เพื่อให้เข้าใจถึงความสามารถที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละผู้ผลิตและในผลิตภัณฑ์แต่ละรุ่น จนมาตัดสินใจเลือกใช้งาน SAP Business One ที่มีความสามารถครบถ้วนรอบด้าน ในขณะที่สามารถใช้งานและปรับแต่งได้ง่าย จนทาง SHU GLOBAL มั่นใจได้ว่าจะสามารถดึงศักยภาพของระบบออกมาใช้งานได้เต็ม 100% และมีความคุ้มค่าสูงสุด
เลือกทีมงาน NTT Data Business Solutions Thailand (NDBS Thailand) ให้คำปรึกษาและสนับสนุนการใช้งานระบบ SAP Business One ภายในองค์กร
การเลือก SAP Implementer ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การวางระบบ SAP ประสบความสำเร็จได้ด้วยดี ทาง SHU GLOBAL ที่ตัดสินใจได้แล้วว่าจะใช้ SAP Business One จึงได้ทำการประเมินจาก Partner ของ SAP หลายราย และตัดสินใจเลือกใช้บริการจาก NTT DATA Business Solutions Thailand ที่เดิมทีเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า ISS Consulting ผู้ให้บริการระบบ SAP แบบครบวงจร
ในการพิจารณาครั้งนี้ SHU GLOBAL ได้มองหาผู้ให้บริการ SAP ที่มีประสบการณ์ในการวางระบบให้กับธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง และธุรกิจโรงงานและการผลิตอย่างครบถ้วนในรายเดียว รวมถึงยังต้องมีศักยภาพในการที่จะช่วยแนะนำเรื่องการออกแบบ Master Data ในส่วนต่างๆ และการ Integrate ผสานระบบ SAP เข้ากับระบบบริหารธุรกิจในส่วนอื่นๆ ที่มีได้ด้วย
เมื่อได้เริ่มทำงานกับ NTT Data Business Solutions Thailand เพื่อวางระบบ SAP Business One แล้ว สิ่งที่ SHU GLOBAL ได้รับนั้นก็คือการวาง Master Data ใหม่เพื่อให้สินค้าต่างๆ ที่มีในคลังหลายหมื่น SKU ซึ่งจำแนกตามขนาดและสีนั้น ถูกลดจำนวนลงจนสามารถเข้าใจได้ง่าย บริหารได้ง่าย และนำข้อมูลมาวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำ ลดความซับซ้อนในการทำงานลงไปเป็นอย่างมาก รวมถึงยังสามารถเชื่อมระบบ SAP Business One เข้ากับระบบอื่นๆ ผ่านทาง API ได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบ Manufacturing Resource Planning (MRP) เพื่อใช้ในการวางแผนผลิตและการสั่งซื้อวัตถุดิบ และการเชื่อมต่อกับระบบ POS และ E-Marketplace ชั้นนำอย่างเช่น Shopee หรือ Lazada และหน้าเว็บไซต์เพื่อขยายช่องทางการขาย ในขณะที่ผู้บริหารและพนักงานทุกคนก็สามารถเข้าถึงและใช้งานข้อมูลใน SAP Business One ได้อย่างวางใจว่าจะเป็นข้อมูลกลางที่มีความน่าเชื่อถือสูงสุด
อย่างไรก็ดี คุณวริษฐาก็ได้เล่าถึงประสบการณ์ในการเริ่มใช้งานระบบ SAP Business One ว่าในมุมของผู้ใช้งานนั้นก็ต้องมีการปรับตัวและต้องมีการรับ Feedback จากทีมงานเพื่อนำมาปรับระบบให้สอดคล้องกับการทำงานให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังมีพนักงานบางกลุ่มที่ยังไม่สามารถปรับตัวได้แม้จะมีการฝึกอบรมไปแล้วก่อนหน้า ซึ่งในจุดนี้ทาง NTT Data Business Solutions Thailand ก็ได้เข้ามาให้คำปรึกษาและสนับสนุนผู้ใช้งานอยู่เสมอ
นอกจากนี้ ผู้บริหารของ SHU GLOBAL ได้ร่วมส่งเสริมให้มีความตื่นตัวในการใช้ระบบ SAP Business One จึงได้ริเริ่ม SAP Champion เป็นการภายใน แต่งตั้งให้พนักงานแต่ละแผนกจำนวน 2 คนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ SAP Business One ที่จะคอยสนับสนุนการใช้งานภายในทีมของตนเอง ทำให้พนักงานมีความตั้งใจที่จะปรับตัวกับเรื่องเทคโนโลยีมากขึ้น ส่งผลให้อัตราการใช้งานระบบ SAP Business One สูงขึ้นเป็นลำดับ
บทเรียนสำคัญ ยิ่งอุตสาหกรรมเปลี่ยนไว ธุรกิจยิ่งต้องมองหาสิ่งใหม่ กระบวนการภายในยิ่งต้องเข้มแข็ง
คุณวริษฐาสรุปถึงบทเรียนสำคัญสำหรับผู้บริหารธุรกิจแฟชั่นว่าการทำให้ธุรกิจสามารถปรับตัวเปลี่ยนแปลงตามเทรนด์ได้อย่างคล่องตัวนั้นถือเป็นหัวใจที่สำคัญที่สุดต่อความสำเร็จ และการที่ธุรกิจจะก้าวไปยังจุดดังกล่าวได้ การมีกระบวนการการทำงานภายในบริษัทที่เข้มแข็งและพร้อมปรับตัวได้ก็คือก้าวแรกที่จำเป็น ทำให้ SHU GLOBAL ตัดสินใจลงทุนวางระบบ SAP Business One ในครั้งนี้
และไม่เพียงแต่การปรับตัวภายในบริษัทเท่านั้น แต่วิสัยทัศน์ของผู้บริหารเองก็ต้องกว้างไกลพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงหรือเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งคุณวริษฐาก็ได้เล่าว่าที่ผ่านมาทีมบริหารของ SHU GLOBAL มีการเรียนรู้และประเมินความเป็นไปได้ใหม่ๆ ทางธุรกิจอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Metaverse ที่กำลังเป็นกระแส, การปูทางออกไปสู่ตลาดโลก, การสร้าง Community ของลูกค้าผู้ใช้งานในรูปแบบใหม่ๆ หรือการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง CRM และ RPA เข้ามาช่วยในการทำให้ธุรกิจมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้นก็ตาม
แต่สุดท้ายที่เป็นหัวใจของ SHU GLOBAL อย่างไม่เปลี่ยนแปลงไปนั้นก็คือการทำธุรกิจโดยคำนึงถึงลูกค้าเป็นสำคัญและการดำเนินธุรกิจให้ได้อย่างมั่นคง จากจุดเริ่มต้นของบริษัทที่ต้องการแก้ไขปัญหาเรื่องการมีรองเท้าแฟชั่นที่สวมใส่ได้สบาย มาสู่การฝ่าฟันวิกฤตเศรษฐกิจทั้งในช่วงปี 2540, 2553 และ 2562 มาจนถึงปัจจุบันที่ SHU GLOBAL พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงปรับปรุงตัวเองในทุกๆ แง่มุม เพื่อที่จะรักษาคำมั่นสัญญาต่อลูกค้าในการเป็นแบรนด์แฟชั่นไทยที่นำเสนอสินค้าแฟชั่นที่ส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าทุกๆ คนได้นั่นเอง
เกี่ยวกับ NTT DATA Business Solutions (Thailand) Ltd. เดิมชื่อ บริษัท ISS Consulting (Thailand) Ltd.
บริษัท NTT DATA Business Solutions (Thailand) Ltd. ภายใต้กลุ่ม บริษัท NTT DATA ผู้ให้บริการระบบ SAP และ Data Center ระดับโลก และเป็นผู้นำทางด้าน Digital Transformation และเป็นสมาชิก SAP Global Partner ที่พร้อมคำปรึกษา และบริการด้านการออกแบบ พัฒนา ติดตั้งโซลูชัน SAP Solution และ IT Solution อื่น ๆ ให้กับลูกค้าในประเทศไทย เพื่อพัฒนาระบบบริหารการจัดการในองค์กรในทุกกลุ่มประเภทธุรกิจ