ภายในงานสัมมนา TTT Virtual Summit: Enterprise Cloud & Data Center 2022 ที่เพิ่งจบไป คุณธิดาพร สันติมานะวงศ์ Senior Director – Solution Engineering – Cloud Platform จาก Oracle ASEAN & SAGE ได้ออกมาอัปเดตถึงแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของระบบ Cloud ในภูมิภาคอาเซียน อันเนื่องมาจากเหตุการณ์แพร่ระบาด COVID-19 รวมไปถึงแนะนำกลยุทธ์เพื่อไปสู่การเป็น Autonomous Cloud โดยสามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
ในปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่ใช่รายเดือนหรือรายปี แต่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกๆ วัน ธุรกิจจำเป็นต้องเรียนรู้ว่าจะต้องปรับตัวให้ไวเพื่อให้อยู่ร่วมกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นได้อย่างไร ที่เห็นได้ชัดคือช่วงแพร่ระบาด COVID-19 ที่เร่งให้เกิด Digital Transformation อย่างก้าวกระโดด พนักงานเปลี่ยนไปทำงานแบบ Work from Home ผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น โมเดลทางธุรกิจก็เปลี่ยนไปจากเดิม เช่นเดียวกับพฤติกรรมของผู้บริโภค องค์กรจะทำอย่างไรเพื่อให้สามารถสร้างความพึงพอใจและประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ต่อไปในยุค New Normal
ภูมิภาคอาเซียนก็มีแนวโน้มเช่นเดียวกับทั่วโลก กล่าวคือ การแพร่ระบาด COVID-19 ได้เร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้สร้างโอกาสให้แก่ธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างย่ิงการนำระบบ Cloud เข้ามาใช้ ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดการก้าวกระโดดด้านวัตกรรมขององค์กร ไม่ว่าจะเป็น KYC, AI/ML, IoT, Blockchain, Human Interface และอื่นๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตามมากับการนำนวัตกรรมเหล่านี้มาใช้ก็คือ ความท้าทายด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
จากการสำรวจพบว่า 85% ของเหตุ Security Breach สามารถยับยั้งได้ด้วยการอัปเดตแพตช์ด้านความมั่นคงลปอดภัย แต่ที่ยังคงไม่อัปเดตแพตช์จนเกิดเหตุนั้น มักมีสาเหตุมาจากการที่ไม่สามารถกำหนดเวลาที่จะทำให้เกิด Downtime กับระบบที่ต้องคอยสนับสนุนธุรกิจได้ ยิ่งในช่วง COVID-19 ที่โมเดลทางธุรกิจเปลี่ยนไปให้บริการในรูปแบบออนไลน์เป็นจำนวนมาก ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้เกิด Downtime แล้วธุรกิจหยุดชะงัก องค์กรจะทำอย่างไรเพื่อให้สามารถทำ Digital Transformation และอัปเดตแพตช์ด้านความมั่นคงปลอดภัยโดยไม่เกิด Downtime ไปพร้อมๆ กันได้?
คำตอบนั้นคือการพลิกโฉม Data Center ขององค์กรไปสู่การเป็น Autonomous Platform
Autonomous คือการเชื่อใจระบบให้มันสามารถขับเคลื่อนไปได้ด้วยตนเอง ซึ่งต่างจาก Automatic ที่ยังต้องมีคนคอยควบคุมดูแล Autonomous จึงมีการฝังเทคโนโลยี AI/ML เข้าไปด้วยในทุกๆ เลเยอร์ ทั้ง Infrastructure, Platform และ Applications จากการศึกษาของ Oracle พบว่า ภายในปี 2022 ร้อยละ 90 ของแอปพลิเคชันองค์กรจะมีการผสานเทคโนโลยี AI/ML เข้าใน ในขณะที่ร้อยละ 50 ของข้อมูลองค์กรจะถูกบริหารจัดการอย่างอัจฉริยะและอัตโนมัติ นอกจากนี้ ร้อยละ 86 ของ IT Leaders ยังเชื่อว่า Autonomous/Automation จะเป็นจุดเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ไปทดลองใช้ระบบ Autonomous แบบสุ่มสี่สุ่มห้า องค์กรควรปูทางการปรับไปใช้งานให้ดี ทักษะเดิมที่มีอยู่ยังคงต้องใช้ได้ เสมือนเป็นการอัปเกรดสู่ระบบใหม่ ไม่ใช่การรื้อระบบเดิมทิ้ง เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนอย่างยั่งยืน
“โมเดลทางธุรกิจเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับพฤติกรรมผู้บริโภค งาน Operations ประจำวันควรปล่อยให้ระบบ Autonomous จัดการ แล้วเราเอาเวลาที่มีค่าไปทำงานเชิงนวัตกรรมแทน เช่น คิดค้น พัฒนา และนำเสนอบริการหรือประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า ขณะเดียวกัน ข้อมูลก็อย่าเก็บไว้อย่างเปล่าประโยชน์ นำไปแปลงให้เกิดปัญญา เกิดคุณค่าสูงสุง ซึ่งจะช่วยให้องค์กรดำเนินธุรกิจได้อย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” — คุณธิดาพรกล่าว
Oracle ได้นำเสนอ Autonomous Cloud ซึ่งประกอบด้วยคุณสมบัติสำคัญ 3 ประการ คือ
- Self-driving: Provision, Secure, Monitor, Backup, Recover, Tune และ Upgrade ได้โดยอัตโนมัติ ด้วยการสนับสนุนจากเทคโนโลยี AI/ML
- Self-securing: อัปเดตแพตช์ด้านความมั่นคงปลอดภัยได้เองโดยไม่มี Downtime
- Self-repairing: ทำให้มี Availability สูงสุด โดยมี Downtime น้อยกว่า 2.5 นาทีต่อเดือน
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการดูแลระบบลงได้สูงสุดถึง 80% ลดความเสี่ยงการเกิดเหตุ Security Breach ซึ่งอาจทำให้สูญเสียทั้งรายได้และชื่อเสียง รวมไปถึงลดภาระของพนักงาน ช่วยให้มีเวลาทำงานเชิงนวัตกรรมมากขึ้น
Oracle Autonomous Cloud ให้บริการในทุกๆ เลเยอร์ ทั้งตั้งแต่ Core Infrastructure, Databases, Data & AI, Analytics ไปจนถึง Applications เช่น Autonomous Database ที่จัดการงานประจำอย่างการทำ Indexing, Backup & Recovery ให้โดยอัตโนมัติ ลดภาระของผู้ดูแลและช่วยให้มีเวลาไปทำงานด้าน Analytics ซึ่งจะเพิ่มช่องทางทำรายได้มากขึ้นให้แก่องค์กร Autonomous Security & Management ที่ช่วยอัปเดตแพตช์โดยอัตโนมัติและไม่มี Downtime รวมไปถึงคาดการณ์และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้เองโดยไม่ต้องรอความช่วยเหลือจากมนุษย์ Autonomous App Development & Mobility ที่มี Self-learning Bot สำหรับช่วยจัดการงานประจำวันซึ่งรองรับภาษาไทย และ Autonomous Analytics & Big Data ระบบคลังข้อมูลอัจฉริยะที่ใช้ AI/ML ในการค้นหารูปแบบบางอย่างที่ซ่อนอยู่ เพื่อนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ เป็นต้น
Oracle Autonomous Cloud รองรับการติดตั้งใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นแบบ Public Cloud, Dedicated Region, Cloud@Customer, ร่วมกับ VMware Solution หรือ Azure Interconnect เป็นต้น องค์กรที่สนใจทำ Cloud Transformation แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี สามารถติดต่อทีมงาน Oracle ประเทศไทยได้ทันที โดยจะให้บริการตั้งแต่การทำ Business Case Development, Architecture Design, Network/Security Review, Onboarding, Migration, Training ไปจนถึง Go Live Support
ผู้ที่สนใจระบบ Autonomous Cloud สามารถรับชมวิดีโอการบรรยายเรื่อง “การแพร่ระบาด COVID-19 ส่งผลต่อการลงทุนในระบบ Cloud ของภูมิภาคอาเซียนอย่างไร” โดยคุณธิดาพร สันติมานะวงศ์ Senior Director – Solution Engineering – Cloud Platform จาก Oracle ASEAN & SAGE ภายในงานสัมมนา TTT Virtual Summit: Enterprise Cloud & Data Center 2022 ที่เพิ่งจัดไปเมื่อวันที่ 21 – 23 มิถุนายน ได้ที่นี่
ทดลองใช้บริการ Oracle Autonomous Cloud ได้ฟรีที่ https://www.oracle.com/cloud/free/