AWS ประกาศแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ ด้วยการเปิดตัว Region ในมาเลเซีย [Guest Post] 

0

อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือ Amazon.com, Inc. (NASDAQ:AMZN) ในวันนี้ประกาศแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ ด้วยการเปิดตัว Region ในประเทศมาเลเซีย โดย Region แห่งใหม่นี้จะช่วยให้นักพัฒนา สตาร์ทอัพ และองค์กรต่าง ๆ รวมถึงภาครัฐ การศึกษา และองค์กรไม่แสวงผลกําไร มีทางเลือกมากขึ้นในการเรียกใช้แอปพลิเคชันของตนและให้บริการผู้ใช้ปลายทางจากศูนย์ข้อมูล AWS ที่ตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย นอกจากนี้ AWS วางแผนที่จะลงทุนมากกว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 25.5 พันล้านริงกิต) ในมาเลเซียภายในปี 2580 ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่ AWS มีต่อภูมิภาคนี้ สําหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกของ AWS สามารถดูได้ที่ aws.amazon.com/about-aws/global-infrastructure   

“AWS มุ่งมั่นที่จะลงทุนด้านเทคโนโลยีในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซีย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมวิสัยทัศน์ Malaysia Madani ของเราในด้านเศรษฐกิจที่มีทักษะสูง ใช้นวัตกรรม มีความมั่งคั่งและยั่งยืน” ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าว “การที่มาเลเซียเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก เทคโนโลยีขั้นสูง และโปรแกรมทักษะด้านคลาวด์ของ AWS จะช่วยปลดล็อกโอกาสต่าง ๆ สําหรับธุรกิจทุกขนาดในประเทศให้สามารถสร้างและขยายไปได้ทั่วโลก และยังช่วยบ่มเพาะบุคลากรที่มีทักษะสูง กระตุ้นการสร้างงานใหม่ และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้อีกด้วย การประกาศในวันนี้เป็นการสนับสนุนความเป็นผู้นําของมาเลเซียในเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลก และเราหวังว่าจะได้สานต่อความร่วมมือกับ AWS ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายของประเทศในการใช้ระบบคลาวด์เป็นอันดับแรก”

“AWS Region ใหม่นี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งในระยะยาวของเราที่มีต่อลูกค้าและองค์กรต่าง ๆ ในมาเลเซีย ตลอดจนความมุ่งมั่นของเราในการตอบสนองความต้องการจำนวนมากที่เติบโตอย่างรวดเร็วในการใช้คลาวด์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราภูมิใจที่ได้สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของมาเลเซียด้วยระดับความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือสูงสุด ที่มีอยู่ในโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ของ AWS” ปราสาท กัลยาณรามัน รองประธานฝ่ายบริการโครงสร้างพื้นฐานของ AWS กล่าว “เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนองค์กรและบริษัทต่าง ๆ และสตาร์ทอัพ ในมาเลเซียในการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วยระบบคลาวด์ เพื่อกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจทั่วประเทศ รวมถึงการสร้างงาน การฝึกอบรมทักษะ และโอกาสทางการศึกษาให้แก่ชุมชนที่ตั้งอยู่โดยรอบศูนย์ข้อมูลของเรา”

AWS Region แห่งใหม่นี้จะประกอบด้วย Availability Zone สามแห่ง ซึ่งเพิ่มเติมจาก Availability Zone ของ AWS ที่มีอยู่แล้ว 99 แห่งใน 31 ภูมิภาคทั่วโลก และในวันนี้ AWS ได้ประกาศแผนที่จะเปิดตัว Availability Zone เพิ่มอีก 15 แห่งและ AWS Region อีก 5 แห่งในแคนาดา อิสราเอล มาเลเซีย นิวซีแลนด์ และไทย AWS Region ประกอบด้วย Availability Zone ที่วางโครงสร้างพื้นฐานในที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่แยกจากกันและแตกต่างกัน โดยมีระยะห่างเพียงพอที่จะลดความเสี่ยงหากเกิดเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้งานที่ต่อเนื่องของลูกค้า แต่ก็ใกล้พอที่จะให้ค่าความหน่วงต่ำสําหรับแอปพลิเคชันที่มีต้องการความเสถียรสูงซึ่งใช้หลาย Availability Zone  โดย Availability Zone แต่ละแห่งจะมีแหล่งพลังงาน การระบายความร้อน และการรักษาความปลอดภัยทางกายภาพที่แยกจากกัน และเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายที่มีการเสริมและสำรอง และมีค่าความหน่วงต่ำเป็นพิเศษ ลูกค้า AWS ที่เน้นความเสถียรและพร้อมใช้งานสูง สามารถออกแบบแอปพลิเคชันให้ทํางานในหลาย ๆ Availability Zone และในหลาย Region ได้เพื่อให้เกิดความทนทานต่อความเสียหาย (fault tolerance) ที่ดียิ่งขึ้น

AWS Region แห่งใหม่นี้จะช่วยให้ลูกค้าที่ต้องการเก็บข้อมูลไว้ในประเทศสามารถจัดเก็บข้อมูลในประเทศมาเลเซียได้อย่างปลอดภัย พร้อมให้ค่าความหน่วงที่ต่ำ และตอบสนองความต้องการในการใช้คลาวด์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลูกค้าตั้งแต่สตาร์ทอัพไปจนถึงองค์กรต่าง ๆ รวมถึงภาครัฐ และองค์กรไม่แสวงผลกำไร จะสามารถใช้เทคโนโลยีขั้นสูงจากระบบคลาวด์ชั้นนำของโลกได้ เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม ทั้งนี้ AWS นำเสนอบริการที่หลากหลายและเชี่ยวชาญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นบริการด้านการวิเคราะห์ การประมวลผล ระบบฐานข้อมูล อินเทอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง (IoT) แมชชีนเลิร์นนิง บริการด้านโมบายล์ พื้นที่จัดเก็บข้อมูล และเทคโนโลยีคลาวด์อื่น ๆ

ลูกค้าต้อนรับแผนการเปิดตัว AWS Region ในประเทศมาเลเซีย

องค์กรต่าง ๆ ในประเทศมาเลเซียเป็นหนึ่งในลูกค้าหลายล้านรายที่ใช้งาน AWS ในกว่า 190 ประเทศทั่วโลก องค์กรในมาเลเซียที่เลือกใช้ AWS เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม ขับเคลื่อนประสิทธิภาพด้านต้นทุน และเร่งการออกสู่ตลาด ได้แก่ Astro Malaysia Berhad, Axiata Group, ธนาคารอิสลามมาเลเซีย, CelcomDigi, Johor Corporation, PayNet และ Petroliam Nasional Berhad (PETRONAS) ในส่วนของลูกค้าภาครัฐของมาเลเซียที่ใช้ AWS เพื่อช่วยเพิ่มการประหยัดต้นทุนและให้บริการประชาชนในประเทศได้ดียิ่งขึ้น ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งเอเชียแปซิฟิก, BeEducation, Cybersecurity Malaysia, กรมสถิติของมาเลเซีย, กระทรวงอุดมศึกษาของมาเลเซีย, Pos Malaysia และ Tenaga Nasional Berhad (TNB) นอกจากนี้ บริษัทสตาร์ทอัพและธุรกิจขนาดเล็กในมาเลเซีย เช่น Baba Products, Carsome, Omesti Berhad และ StoreHub ได้สร้างธุรกิจบน AWS เพื่อที่จะสามารถขยายได้อย่างรวดเร็วทั้งในระดับประเทศและระดับโลก

PayNet เป็นเครือข่ายการชำระเงินระดับชาติและโครงสร้างพื้นฐานส่วนกลางที่ใช้ร่วมกันในกลุ่มตลาดการเงินของมาเลเซีย ใช้ AWS เพื่อรันปริมาณงานธนาคารที่สำคัญ รวมถึงระบบการชำระเงินแบบไม่ใช้เงินสด MyDebit ของบริษัท “ในฐานะผู้ดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินรายย่อยแบบเรียลไทม์ของประเทศ เราใช้ประโยชน์จาก AWS เพื่อมอบความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย ความสามารถในการปรับขนาด และการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ลูกค้าของเราต้องการ” ฟาร์ฮาน อาหมัด ซีอีโอกลุ่มของ PayNet กล่าว “การเปิดตัว AWS Region ในมาเลเซียทำให้เราสามารถเข้าถึงบริการคลาวด์ที่มีค่าความหน่วงต่ำลง เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราได้รับประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่น เรารู้สึกยินดีที่ได้เห็นว่าการพัฒนานี้จะสามารถปูทางให้บริษัทอื่น ๆ ในภูมิภาคสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็วและค้นพบโอกาสใหม่ๆ ได้อย่างไรบ้าง”

Petroliam Nasional Berhad (PETRONAS) ผู้ให้บริการด้านพลังงานและโซลูชันระดับโลกที่มีสำนักงานอยู่ในกว่า 50 ประเทศ เป็นลูกค้าของ AWS มาตั้งแต่ปี 2557 “ความร่วมมือระยะยาวของเรากับ AWS ได้สนับสนุนกลยุทธ์ Moving Forward Together ของ PETRONAS ซึ่งเราใช้คลาวด์ในการเร่งการเติบโตใหม่ ๆ และใช้ประโยชน์จากวิธีการทำงานแบบย้อนกลับของ Amazon เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมที่ยั่งยืนทั่วทั้งบริษัท” ดาโต๊ะ เต็งกู มูฮัมหมัด ตอฟิก ประธานและซีอีโอกลุ่มของ PETRONAS กล่าว “การเปิดตัว AWS Region ในมาเลเซียครั้งนี้จะเสริมสร้างความร่วมมือของเรากับ AWS เพื่อพัฒนาโซลูชันที่ปรับขนาดได้ มอบคุณค่าที่มากขึ้นให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา และช่วยในการบรรลุวิสัยทัศน์ของมาเลเซียในการเป็นผู้นำระดับภูมิภาคในเศรษฐกิจดิจิทัล”

Pos Malaysia ผู้ให้บริการไปรษณีย์และพัสดุแห่งชาติของมาเลเซีย มีเครือข่ายการจัดส่งและการค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยจัดส่งไปยังที่อยู่มากกว่า 10 ล้านแห่ง และมีบริการด้านค้าปลีกตั้งอยู่มากกว่า 3,500 จุด Pos Malaysia วางแผนที่จะย้ายโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีส่วนใหญ่ไปยัง AWS ภายในปี 2566 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของบริษัท “ขณะที่เราเดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นแก่ลูกค้า การทํางานร่วมกันของเรากับ AWS มีส่วนสําคัญในการปรับปรุงกระบวนการของเรา ซึ่งช่วยลดต้นทุนด้านไอทีลง 50% และเพิ่มความคล่องตัวขององค์กรให้มากขึ้น” สุเมธ ราฮาเวนทรา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และดิจิทัลของ Pos Malaysia กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นกับการเปิดตัว AWS Region ในมาเลเซีย และมุ่งหวังที่จะนำการวิเคราะห์เชิงลึกและแมชชีนเลิร์นนิงมาใช้ในการดำเนินงานและการช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของเราต่อไป เพื่อให้เราสามารถส่งมอบรอยยิ้มผ่านบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าในทุก ๆ จุด”

TNB เป็นผู้ให้บริการไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในมาเลเซียและให้บริการลูกค้าเชิงพาณิชย์ อุตสาหกรรม และที่อยู่อาศัยมากกว่า 9.5 ล้านรายทั่วประเทศ TNB ได้ทำงานร่วมกับ AWS ตั้งแต่ปี 2563 เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า และพัฒนาโซลูชันพลังงานอัจฉริยะ “TNB มีภารกิจที่จะเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลและเป็นมากกว่าผู้ให้บริการสาธารณูปโภค” อัซลาน บิน อะหมัด ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศของ TNB กล่าว “การใช้ประโยชน์จากบริการระดับโลกของ AWS เช่น การประมวลผล แมชชีนเลิร์นนิง และปัญญาประดิษฐ์ จะช่วยเราเร่งการเปิดตัวบริการดิจิทัลที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถติดตามและจัดการการใช้พลังงานของตนได้ง่ายขึ้น เรามีความยินดีกับการเปิดตัว AWS Region ในมาเลเซีย ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวของอุตสาหกรรมและช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถให้บริการที่หลากหลายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศให้ดียิ่งขึ้น”

พันธมิตร AWS ในมาเลเซียต้อนรับ AWS Region ใหม่

AWS Partner Network (APN) ประกอบด้วยผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระ (Independent Software Vendor: ISV) และผู้รวมระบบ (System Integrator: SI) หลายหมื่นรายทั่วโลก พันธมิตรของ AWS สร้างโซลูชันและบริการที่เป็นนวัตกรรมใหม่บน AWS โดย APN ช่วยสนับสนุนลูกค้าในด้านธุรกิจ ด้านเทคนิค การตลาด และการออกสู่ตลาด โดย AWS, ISV, SI และคู่ค้าด้านการให้คำปรึกษาช่วยลูกค้าองค์กรและลูกค้าภาครัฐได้ย้ายระบบไปยัง AWS เพื่อปรับใช้กับแอปพลิเคชันที่มีความสำคัญต่อการดำเนินงาน และให้บริการการตรวจสอบ ระบบอัตโนมัติ และการบริหารจัดการระบบคลาวด์ของลูกค้าแบบครบวงจร ตัวอย่างพันธมิตรของ AWS ในมาเลเซีย ได้แก่ Axrail, eCloudvalley, Exabytes, G-AsiaPacific, GHL, Maxis, Radmik Solutions Sdn Bhd, Silverlake Axis, Tapway, Uberfusion แล Wavelet

สามารถดูรายชื่อพันธมิตรของ AWS ทั้งหมดได้ที่ aws.amazon.com/partners

Maxis เป็นผู้ให้บริการโซลูชันแบบผสมผสานชั้นนำของมาเลเซียและเป็นพันธมิตร AWS Advanced Tier Services Partner โดย Maxis ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ AWS ในปี 2562 ในการให้บริการเทคโนโลยีคลาวด์ชั้นนำของอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนโดย 4G เพื่อช่วยองค์กรในการปรับปรุงประสิทธิภาพ การทำงาน และนวัตกรรม “Maxis มุ่งมั่นที่จะเป็นร้านค้าแบบครบวงจรที่ให้บริการด้านไอทีและการเชื่อมต่อในมาเลเซีย และเรามองว่า AWS เป็นพันธมิตรสำคัญที่จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายนี้” โก๊ะ โซว เอ็ง, ซีอีโอของ Maxis กล่าว “เรามุ่งหวังที่จะให้ธุรกิจในมาเลเซียเข้าถึงโซลูชันคลาวด์ระดับโลกได้มากขึ้น เพื่อเร่งการนำคลาวด์มาใช้และช่วยให้ธุรกิจมีความพร้อมมากขึ้นสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของภาครัฐที่สนับสนุนการใช้คลาวด์เป็นอันดับแรก”

Silverlake Axis เป็นบริษัทเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ ที่ให้บริการสำหรับองค์กร และเป็นพันธมิตรด้านซอฟต์แวร์ของ AWS “การทำงานร่วมกันของ Silverlake Axis กับ AWS ช่วยสร้างวิสัยทัศน์ในอนาคตทางด้านโซลูชันดิจิทัลของเรา โดยการปรับปรุง 25 Omnichannel แอปพลิเคชันให้ทันสมัย ​​เช่น การทำธุรกรรม สินเชื่อ การชำระเงิน และการยึดติดกับแบรนด์ทางดิจิทัล” แอนดรูว์ ตัน กรรมการผู้จัดการกลุ่มของ Silverlake Axis กล่าว “ตอนนี้เราสามารถนำเสนอโซลูชันดิจิทัลที่หลากหลายให้กับลูกค้าด้วยการกำหนดราคาแบบจ่ายตามการใช้งาน ซึ่งทำให้ลูกค้ามีประสบการณ์การใช้งานที่เหมาะสมและราบรื่นในทุกช่องทางและทุกอุปกรณ์ ทั้งนี้ AWS Region ในมาเลเซียจะพลิกโฉมอุตสาหกรรมบริการด้านเทคโนโลยี ด้วยการมอบโครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง ยืดหยุ่น และควบคุมได้สำหรับการใช้งานของธนาคารดิจิทัลหรือธุรกิจอินชัวร์เทค AWS Region ใหม่นี้จะช่วยเราเร่งการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ๆ และทำให้ลูกค้าของเราสามารถใช้ประโยชน์จากคลาวด์ได้อย่างรวดเร็ว”

ความมุ่งมั่นสู่ความยั่งยืน

Amazon มุ่งมั่นที่จะเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนมากขึ้นและบรรลุคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในการดําเนินงานภายในปี 2583 และกำลังเข้าสู่การดำเนินงานด้วยพลังงานหมุนเวียน 100% ภายในปี 2568 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายเดิม (ปี 2573) ถึงห้าปี โดยในปี 2565 Amazon ได้สร้างสถิติใหม่ในการเป็นองค์กรที่ใช้พลังงานหมุนเวียนมากที่สุดที่ประกาศโดยบริษัทเดียวในหนึ่งปี และยังคงเป็นองค์กรที่ซื้อพลังงานหมุนเวียนรายใหญ่ที่สุดมาตั้งแต่ปี 2563 ปัจจุบัน Amazon มีโครงการพลังงานหมุนเวียน 401 โครงการทั่วโลก รวมถึงฟาร์มกังหันลมและโซลาร์ฟาร์ม 164 แห่ง และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอีก 237 โครงการในโรงงานของ Amazon ซึ่งเมื่อเริ่มดําเนินการแล้ว คาดว่าโครงการพลังงานหมุนเวียนทั่วโลกของ Amazon จะสามารถสร้างพลังงานสะอาดได้ 56,881 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ในแต่ละปี นอกจากนี้ AWS จะคืนน้ำสะอาดสู่สิ่งแวดล้อมมากกว่าที่นำมาใช้ภายในปี 2573

เกี่ยวกับอะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส

ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) เป็นผู้ให้บริการคลาวด์ที่ครอบคลุมและกว้างขวางที่สุดในโลก AWS ขยายการให้บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการทำงานบนคลาวด์ทุกรูปแบบ ซึ่งในปัจจุบันมีบริการอย่างเต็มรูปแบบกว่า 200 รายการ สำหรับการคำนวณ การจัดเก็บข้อมูล ฐานข้อมูล ระบบเครือข่าย การวิเคราะห์ การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning: ML) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) อินเทอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง (Internet of Things: IoT) โทรศัพท์มือถือ การรักษาความปลอดภัย ไฮบริด เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง (Virtual Reality: VR) และการรวมวัตถุเสมือนเข้ากับสภาพแวดล้อมจริง (Augmented Reality: AR) สื่อและการพัฒนาแอปพลิเคชัน การใช้งาน และการจัดการจาก 99 Availability Zones (AZs) ใน 31 ภูมิภาค พร้อมประกาศแผนสำหรับ Availability Zones เพิ่มเติมอีก 15 แห่ง และ AWS Regions อีก 5 แห่งในแคนาดา อิสราเอล มาเลเซีย นิวซีแลนด์ และไทย ลูกค้ากว่าล้านรายรวมไปถึงสตาร์ทอัพที่เติบโตอย่างรวดเร็ว องค์กรขนาดใหญ่ และหน่วยงานภาครัฐ ต่างเชื่อมั่นใน AWS ในการขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานของพวกเขาให้มีความคล่องตัวมากขึ้นและมีต้นทุนที่น้อยลง เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ AWS ได้ที่ aws.amazon.com    

เกี่ยวกับ Amazon

Amazon ใช้หลักการ 4 ประการในการดำเนินงาน ได้แก่ ความหลงใหลในความต้องการของลูกค้ามากกว่าการมุ่งเน้นไปที่คู่แข่ง ความหลงใหลในการประดิษฐ์ ความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในการดําเนินงาน และการคิดระยะยาว Amazon มุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับลูกค้ามากที่สุดในโลก เป็นบริษัทนายจ้างที่ดีที่สุดในโลก และสถานที่ทํางานที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ความคิดเห็นของลูกค้า, การซื้อของในคลิกเดียว, คําแนะนําเฉพาะบุคคล, ไพรม์ , Fulfillment by Amazon, AWS, Kindle Direct Publishing, Kindle, Career Choice, Fire tablets, Fire TV, Amazon Echo, Alexa, Just Walk Out technology, Amazon Studios และ The Climate Pledge เป็นเพียงบางอย่างที่บุกเบิกโดย Amazon สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเยี่ยมชมได้ที่ amazon.com/about และติดตามได้ที่ @AmazonNews