Stripe ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินสำหรับธุรกิจประกาศขยาย บริการจัดการด้านรายรับและการเงินแบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารกระแสเงินสดตลอดทั้งกระบวนการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยการสร้างความเชื่อมโยงของ การวางบิล ภาษี การรายงาน และบริการด้านข้อมูลบนสแต็กการเงินที่ทันสมัยเพียงระบบเดียว บริการด้านรายรับและการเงินแบบอัตโนมัติของ Stripe จะขจัดความขาดประสิทธิภาพของเครื่องมือบริหารเงินรุ่นเก่า และสนับสนุนการเติบโตของรายได้ของธุรกิจ ด้วยการเปิดตัว Revenue Reporting และการยกระดับครั้งใหญ่ของ Stripe Billing และ Stripe Tax Stripe ตั้งเป้าที่จะนำเสนอแนวทางที่คำนึงถึงผู้ใช้งานเป็นอันดับแรกจนถึงการบริหารงาน back office แบบเดียวกับที่เคยทำในด้านการชำระเงิน บริการด้านรายรับและการเงินนี้จะทำให้ทีมบริหารเงินของธุรกิจสามารถทำงานได้มากขึ้นในเวลาที่สั้นลง และเปิดโอกาสให้บุคลากรได้ให้ความสนใจกับสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจ
ความท้าทายที่ผู้บริหารการเงินกำลังประสบ
ในขณะที่อินเทอร์เน็ตช่วยเพิ่มประสิทธิผลในภาคธุรกิจเป็นอย่างมาก แต่ธุรกิจก็ไม่สามารถใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้อย่างทั่วถึงทุกขั้นตอน กระบวนการด้านการเงินตามปกติเช่นการวางบิล ภาษี และการรายงานผลรายไตรมาส ยังคงขาดประสิทธิภาพอย่างมากและต้องจัดการด้วยมือ อีกทั้งการทำงานยังต้องใช้เครื่องมือซอฟต์แวร์เป็น 10 รายการหรือมากกว่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือ 1 ใน 3 ของผู้บริหารเงินต้องทบทวนบัญชีอย่างน้อยไตรมาสละ 1 ครั้งเนื่องจากพบความผิดพลาด และใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมงต่อเดือนในการทำงานด้วยมือเพื่อแก้ไขความไม่สอดคล้องของบัญชี
บริการของ Stripe จะช่วยลดภาระเหล่านี้ของผู้บริหารการเงินและทำให้มีเครื่องมือในการบริหารรายรับที่มีคุณภาพระหว่างที่ธุรกิจดำเนินไป เครื่องมือดังกล่าวจะช่วยปรับการทำงานด้วยมือเป็นระบบอัตโนมัติ และเพิ่มความแม่นยำของทั้งระบบการเงิน ตั้งแต่การจ่ายเงินและการวางบิล ไปจนถึงภาษี การรายงาน และการปรับข้อมูล
ธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว เช่น OpenAI ไม่มีความจำเป็นต้องใช้งานซอฟต์แวร์ที่กระจัดกระจาย แต่ใช้บริการที่ครอบคลุมของ Stripe ก็เพียงพอแล้ว โดยเริ่มจากใช้ Stripe กับบริการการชำระเงินและการรับสมัครสมาชิก (subscription) และเมื่อธุรกิจเติบโตขึ้นก็สามารถเปลี่ยนไปใช้บริการอัตโนมัติด้านรายรับและการเงิน เช่น การวางบิล และการบริหารภาษีมูลค่าเพิ่มได้อย่างง่ายดาย ส่วนธุรกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งแล้วเช่น The Atlantic ก็ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้เพื่อทำให้กระบวนการ back office มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นี่เป็นวิธีที่ธุรกิจสมัยใหม่ควรจะนำมาใช้บริหารเงิน
คุณธีร์ ฉายากุล ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย บริษัท Stripe ประเทศไทยกล่าวว่า กล่าวว่า “หลายปีที่ผ่านมาผู้ใช้งานได้ขอให้ Stripe เสนอวิธีที่จะทำให้พวกเขาสามารถปฏิบัติงานด้านการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสะดวกสบายยิ่งขึ้น เราไม่สามารถส่งยาแก้ปวดหัวให้พวกเขาได้ทุก ๆ เดือน แต่เราสามารถช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขาได้ เพราะบริการอัตโนมัติเพื่อบริหารรายรับและการเงินของ Stripe ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างราบรื่น และตอบความต้องการครบในจุดเดียวของทีมบริหารเงินที่มีวิสัยทัศน์”
แนวทางในการบริหารรายรับและการเงินที่เป็นหนึ่งเดียว
บริการอัตโนมัติด้านรายรับและการเงินประกอบด้วย Billing และ Stripe Invoicing เพื่อหาลูกค้าและรับการชำระเงิน Stripe Tax, Revenue Recognition และ Revenue Reporting เพื่อจัดเก็บภาษีจากการขาย (บริการที่มีอยู่ในปัจจุบัน) การรายงานรายรับ และการปิดบัญชี นอกจากนี้ยังมี Stripe Data Pipeline และ Stripe Sigma สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล
ธุรกิจข้างต้นใช้สถาปัตยกรรมการชำระเงินชั้นนำของ Stripe ในการสร้างรายได้ให้เติบโต บริการกู้รายรับอัตโนมัติของ Stripe ทำให้ผู้ใช้งานมีรายรับเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น 3,800 ล้านเหรียญสหรัฐในปีพ.ศ 2565 โดยลดการเสียลูกค้าและธุรกรรมชำระเงินที่ล้มเหลว ธุรกิจนับแสนรายในปัจจุบันใช้บริการวางบิลของ Stripe รวมถึง Slack, Atlassian, Deliveroo และ Figma
ปีเตอร์ วีลินเดอร์ (Peter Welinder) ผู้อำนวยการด้านผลิตภัณฑ์และพันธมิตรของ OpenAI กล่าวว่า “เราดีใจที่ได้ทำงานกับ Stripe ในการขายของผลิตภัณฑ์หลักของเรา นอกจากการชำระเงิน Stripe ช่วยเราในทุกๆด้านทั้งการวางบิลซ้ำในแต่ละเดือน และการทำตามกฎระเบียบด้านภาษีสำหรับการบริหารจัดการด้านการเงินในระบบอัตโนมัติ”
การขยายบริการล่าสุดประกอบด้วย
- เครื่องมือ Revenue Reporting ใหม่ (รุ่นเบต้า) ที่ช่วยให้ผู้บริหารด้านการเงินทำความเข้าใจกับตัวชี้วัดที่สำคัญด้านการเงินเช่น ที่เกิดขึ้นซ้ำในแต่ละเดือนการเติบโตของลูกค้าในด้านกิจกรรม รายรับของแต่ละผลิตภัณฑ์ และการออกไปยืนยันด้านบัญชีโดยอัตโนมัติสำหรับธุรกิจที่ต้องพึ่งพาเงินสด
- Stripe Tax API เป็นระบบที่ใช้ตัวประมวลผลหลายตัวในเครื่องเดียวกันซึ่งทำให้ธุรกิจบริหารภาษีสำหรับทุกธุรกรรมได้ รวมถึงธุรกรรมที่ไม่ได้เกิดขึ้นบนระบบ Stripe (ให้บริการในกว่า 40 ประเทศ)
- บริการอัตโนมัติที่ช่วยกู้รายรับและธุรกรรมอย่างต่อเนื่องที่ไม่ต้องใช้โค้ด ซึ่งจะช่วยให้ทีมบริหารเงินสามารถสร้างการแจ้งเตือนและกระบวนการที่เหมาะสมแต่ละสถานการณ์ เช่น การแจ้งเตือนในกรณีที่ไม่มีการชำระเงินตามกำหนดในใบเรียกเก็บเงิน หรือการส่งอีเมลโดยอัตโนมัติเพื่อยืนยันว่ารายการได้ถูกล้มเลิก เพื่อปรับปรุงกระแสเงินสด และเพิ่มรายรับ
- ปรับปรุงให้ Stripe Dashboard สามารถตั้งค่าตารางเวลาการสมัครสมาชิก เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ปรับระบบการสมัครสมาชิกที่ซับซ้อนผ่านการทดลองใช้งาน และเวลาในการตั้งราคาที่หลากหลาย ตลอดจนทำให้การเปลี่ยนแปลงอยู่ในระบบอัตโนมัติ ในช่วงต่อมา Stripe พัฒนาฟังก์ชันนี้โดยเป็นหนึ่งในความพยายามในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพื่อช่วยตอบความต้องการระดับองค์กรของบริษัท แอตลาสเชี่ยน (Atlassian) และกำลังขยายบริการให้เข้าถึงได้เป็นการทั่วไป
- ระบบ Salesforce CPQ connector ใหม่ซึ่งช่วยให้ทีมขายสามารถสร้างระบบสมัครสมาชิกที่ขับเคลื่อนโดย Stripe ได้โดยตรงใน Salesforce
- ระบบ ปรับบัญชีโดยอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้ธุรกิจเปรียบเทียบข้อมูลในระดับคำสั่งซื้อจากระบบที่บันทึกด้วยธุรกรรมของ Stripe และเงินฝากธนาคารทำให้สามารถสร้างความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับการรวบรวมเงินสด และการทำบัญชี
Tango เป็นแพลตฟอร์ม SaaS ซึ่งทำให้ทุกคนสามารถสร้างคำแนะนำการใช้งานได้อย่างง่ายดาย บริษัทใช้บริการด้านรายรับและการบริหารเงินแบบอัตโนมัติของ Stripe ในการสร้างระบบการเรียกเก็บเงินตามรอบบิลและการออกใบแจ้งหนี้ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวกับข้อมูลด้านการเงินที่สำคัญ และขยายความครอบคลุมขึ้นเมื่อธุรกิจเติบโต
“การสร้างวิธีการเรียกเก็บเงินที่ยืดหยุ่นด้วยตัวเราเองนั้นมีค่าใช้จ่ายสูงมาก และชั่วโมงการทำงานด้านวิศวกรรมก็มีค่ามาก Stripe ช่วยทำให้เราสามารถขยายตลาดกลุ่มผู้มีกำลังซื้อได้อย่างรวดเร็วและตอบสนองความต้องการของลูกค้าองค์กรที่มีกระบวนการขายที่ซับซ้อน” แดน จิโอวัคชินี่ (Dan Giovacchini) ผู้ร่วมก่อตั้ง Tango กล่าว
