เกริ่นนำ
แม้ว่าเทรนด์การทำงานในช่วงพักหลังจะเริ่มเป็นลักษณะ Hybrid Work หรือ Remote Work กันมากขึ้น แต่การพบปะเจอกันตัวเป็น ๆ นั้นก็ยังถือว่าเป็นวิธีการที่ดีกว่าในโอกาสสำคัญ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการประชุมทางธุรกิจเพื่อหารือประเด็นสำคัญ ระดมความคิด วางกลยุทธ์ หาไอเดียใหม่ ๆ ซึ่งการเลือกใช้โน้ตบุ๊กที่สามารถทำงานที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทนทาน และน้ำหนักเบาจนทำให้สามารถเคลื่อนย้ายไปประชุมที่ออฟฟิศได้อย่างสบายนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์อย่างมากในยุคนี้
สำหรับบทความนี้ ทีมงาน ADPT.news ได้มีโอกาสพบกับโน้ตบุ๊ก “ASUS Zenbook 14X OLED” ที่เรียกว่าเป็นโน้ตบุ๊กอีกรุ่นที่เหมาะกับการทำงานในยุคปัจจุบันอย่างมาก ที่นอกจากเรื่องประสิทธิภาพระดับสูงด้วย Intel® Core™ i9 และ NVIDIA GeForce® RTX™ 3050 แล้ว ยังมีความบางน้ำหนักเบาแค่โลกว่า ๆ แถมยังทนทานระดับ Military Grade อีกด้วยในราคา 50,990 บาท ตัวจริงเป็นอย่างไร ไปดูกันได้เลย
TL;DR (ยาวไป อ่านแค่นี้พอ)
- ASUS Zenbook 14X OLED สีเบจฝาหลังเคลือบให้ผิวสัมผัสเหมือนกระเบื้องเซรามิกที่หรูหรา
- “แรง” Iกtel® Core™ i9 และ NVIDIA GeForce® RTX™ 3050 พร้อม RAM 16 GB
- “บาง” แค่ 1.69 ซม. แต่จอ OLED ขนาด 14.5 นิ้วด้วยความละเอียด 2.8K สวยมาก ๆ
- “เบา” แค่ 1.56 กิโลกรัม แต่คีย์บอร์ดนุ่มเต็ม พอร์ตสำคัญยังครบ
- “อึด” แบตอยู่ได้นาน 5-6 ชั่วโมง ใช้ทำเอกสาร ประชุม ทำกราฟิกได้สบาย
- “ทนทาน” ระดับ Military Grade พร้อมซอฟต์แวร์สนับสนุนให้การทำงานง่ายขึ้น
- ราคา 50,990 บาท มีรุ่นสเปคต่ำกว่าอยู่ที่ 39,990 บาทเท่านั้น
Factsheet
โมเดล | UX3404VC-M9099WS |
ขนาด (กว้าง, ยาว, หนา) | 22.56 ซม. x 32.18 ซม. x 1.69 ซม. |
น้ำหนัก | 1.56 kg |
หน้าจอ | 14.5” 2.8K (2880 x 1800) อัตราส่วน 16:10 OLED HDR NanoEdge 120Hz Refresh Rate 0.2 ms Response Time 100% DCI-P3 Color Gamut ความสว่างสูงสุดถึง 600 Nits |
หน่วยประมวลผล (CPU) | Intel® Core™ i9-13900H Processor |
หน่วยประมวลผลด้านกราฟฟิก (GPU) | NVIDIA® GeForce® RTX™ 3050 Laptop GPU, 4GB GDDR6 IntelⓇ Iris Xe Graphics |
พื้นที่จัดเก็บ (Storage) | 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 4.0 SSD |
หน่วยความจำ (RAM) | 16GB LPDDR5 on board |
กล้อง | กล้อง FHD พร้อมฟังก์ชัน IR เพื่อสนับสนุน Windows Hello |
เสียง | Dolby Atmos®Sound by harman/kardon |
WiFI Connectivity | Wi-Fi 6E + Bluetooth 5 |
ปุ่มและพอร์ตต่าง ๆ | 2 x Thunderbolt™ 4 (รองรับการแสดงผล/การป้อนไฟ) 1 x USB-A 3.2 Gen 2 1 x HDMI 2.1 1 x Audio jack |
ระบบปฏิบัติการ | Windows 11 Home |
แบตเตอรี่ | 70 Wh (49 นาทีชาร์จได้ 60%) 3-cell Li-ion |
คีย์บอร์ดและทัชแพด | Backlit Chiclet Keyboard 1.4mm Key-travel Support NumberPad |
AC Adapter | 100 W |
ความมั่นคงปลอดภัย (Security) | US MIL-STD 810H Military-grade standard Trusted Platform Module (TPM) 2.0 McAfee LiveSafe™ 30-day trial IR webcam with Windows Hello support |
อื่นๆ | Office Home and Student 2021 สี Sandstone Beige พร้อมผิวเคลือบเซรามิกแบบใหม่ อุปกรณ์เสริม USB-A to RJ45 Gigabit Ethernet |
สำหรับ ASUS Zenbook 14X OLED นั้นเป็นโน้ตบุ๊กที่ทาง ASUS เพิ่งเปิดตัวออกมาเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งถือว่าเป็นโน้ตบุ๊กอีกเครื่องที่ ASUS ทำออกมาได้ดูดีพรีเมี่ยมด้วยผิวสัมผัสที่เสมือนกระเบื้องเซรามิกตรงฝาเครื่อง แรงเร็วแต่น้ำหนักเบา พกพาสะดวก จะพกไปทำงานนอกบ้าน Work From Anywhere หรือจะพกเครื่องเข้าออฟฟิศไปประชุม บอกได้เลยว่าย้ายไปมาได้สบาย ๆ ทำให้การทำงานไหลลื่น ไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องไปมา ไม่เทอะทะ และดูดีลักซ์ชัวรี่สุด ๆ
แกะกล่องลองใช้
เรียกว่าเป็นอีกกล่องที่สวยตั้งแต่ภายนอก เปิดขึ้นมาก็มีลูกเล่น ดันเครื่องขึ้นมาให้ดูมีมิติเล็กน้อย ซึ่งผิวสัมผัสของฝาหลังที่บอกว่าเป็นพื้นผิววัสดุเคลือบที่ให้ผิวสัมผัสเหมือนกระเบื้องเซรามิกนั้นคือ “ดีมาก ๆ” รู้สึกพรีเมี่ยมจริง
ข้างในกล่องมีตัวเครื่อง ASUS Zenbook 14X OLED ที่มาพร้อมซองใส่โน้ตบุ๊ก พร้อมคู่มือ ปลั๊กชาร์จหัว USB Type-C กำลัง 100W ซึ่งข้าง ๆ คู่มือจะมีอุปกรณ์เสริมมาให้เพิ่มตัวหนึ่งคือ USB Type-A to RJ45 Gigabit Ethernet เพื่อเอาไว้ต่อสาย LAN เข้าเครื่องโดยตรงได้
สำหรับ ASUS Zenbook 14X OLED เครื่องนี้ทาง ASUS มีให้ซองมาด้วย โดยด้านหนึ่งผิวสัมผัสจะคล้ายกับหนัง PU ส่วนอีกด้านจะเป็นผ้า ซึ่งมีที่สอดปากกามาเผื่อไว้ให้ด้วย (อาจจะใช้กับรุ่น Flip ได้ด้วย แต่เครื่องที่รีวิวนี้สัมผัสหน้าจอไม่ได้นะ)
บอกเลยว่าตัวเครื่อง ASUS Zenbook 14X OLED สวยมาก ๆ ตั้งแต่ผิวสัมผัสตรงฝาหลังไปถึงส่วนอื่น ๆ ซ้ายขวาหน้าหลังล่างบน ถือว่าดีไปหมด จับแล้วแน่นทุกส่วน ลายฝาหลังฉลุลายดูสวยงาม เอาไปใช้งานแล้วรู้สึกหรูหราแน่นอน
ASUS Zenbook 14X OLED เครื่องนี้เปิดได้ถึง 180 องศาวางราบเรียบกับโต๊ะเพื่อดูจอพร้อมกันได้ทันที และด้านซ้ายของเครื่องจะมีช่องเดียวเท่านั้นคือ USB Type-A ตรงที่เกือบ ๆ ริมสุดเครื่อง ส่วนช่องอื่น ๆ ที่เห็นคือช่องลมระบายความร้อนกับช่องลำโพง
ส่วนด้านขวามีไฟแสดงสถานะการชาร์จไฟ ไฟสถานะเปิดปิดเครื่อง พอร์ต Thunderbolt 4 จำนวน 2 ช่องที่รองรับการแสดงผลและใช้ชาร์จไฟได้ทั้งคู่ ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. รวมถึงมีช่อง HDMI ที่ใส่เข้ามาให้ด้วย ถือว่าพอร์ตที่จำเป็น ๆ ก็มาครบ แต่ถ้าหากใครชอบต่อพ่วงกับ USB Type-A ก็อาจจะต้องพึ่ง USB Hub สักหน่อย
คีย์บอร์ดให้มาแบบเต็ม ตรงที่ชอบสุด ๆ คือสัมผัสของปุ่มคีย์บอร์ดนั้นนุ่มสบายมาก ๆ ไม่เสียงดังด้วย พิมพ์แล้วสบายมือแถมไม่ส่งเสียบรบกวนคนรอบข้าง และตรงปุ่ม F9 กับ F10 จะมีไฟ LED แสดงสถานะของการเปิดปิดไมค์และกล้อง รวมทั้งถ้าหากกด Fn + F ก็จะสามารถปรับโหมดพัดลมได้ด้วย
ส่วนทัชแพดก็ให้มาใหญ่จุใจตามสไตล์ ASUS แถมมีฟีเจอร์เปิด Num Pad แบบ LED ได้ และจะเห็นว่าด้านล่างเครื่องมีทำเว้าเข้ามาให้นิดนึงเพื่อให้เปิดจอได้ง่ายด้วย
ซ้ายล่าง มีติด Label บอกชัดเจนว่าเครื่องนี้ใช้แพลตฟอร์ม Intel® Evo™ ผสานกับ NVIDIA GeForce RTX อีก มั่นใจได้เลยว่าเครื่องนี้แรงมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมแน่นอน แถมเครื่องนี้มี Pantone Validated หมายความว่าหน้าจอมีการปรับเทียบสีที่ผ่านการตรวจสอบอย่างแม่นยำในระดับมืออาชีพแล้ว แปลว่า เป็นเครื่องที่จอสีตรงใช้ทำงานกราฟิกได้สบาย และยังมี Perfect Warranty จาก ASUS รับประกันอุบัติเหตุ 1 ปีแรกเพิ่มเติม พร้อมมี Microsoft Office Home and Student 2021 มาให้ใช้ทำงานได้ทันที
ส่วนล่างขวา เป็นการตอกย้ำในจุดเด่นของเครื่องนี้อย่างชัดเจนว่าระบบเสียงดีงามแน่นอน เพราะนอกจากมีระบบเสียง Dolby ATMOS แล้วยังมีการปรับเสียงโดย harman/kardon อีกด้วย พร้อมกับอีก 6 จุดเด่นของเครื่อง ทั้งหน้าจอขนาดใหญ่ 14.5 นิ้วในความละเอียดระดับ 2.8K แรงแต่เบาและเย็น แถมแบตอึด และเครื่องยังทนระดับ U.S. Military-Grade พร้อมมีกล้องเป็นอินฟราเรด FHD (IR) ที่มีเซ็นเซอร์ปรับแสงด้วย
ด้วย CPU และ GPU ที่แรง จอที่สวยงามสีตรง ลำโพงยอดเยี่ยม เครื่องนี้บอกเลยว่าทำงานได้หลากหลายแน่นอน จะเอาไปใช้ทำงานเอกสาร เขียนโปรแกรม ทำงานด้านกราฟิก ดูหนังฟังเพลง เล่นเกม หรือว่าจะประชุมออนไลน์ ก็ยังมั่นใจด้วยปุ่มเปิดปิดไมค์และกล้องที่มีไฟ LED ที่บอกสถานะ และกล้องก็ยังมีเซ็นเซอร์สีของแสงแวดล้อมที่ช่วยปรับความสว่างให้อัตโนมัติ แถมติดตามใบหน้าของผู้ใช้ได้ หรี่แสงให้อัตโนมัติเมื่อหันไปทางอื่นได้ด้วย
นอกจากเรื่องของฮาร์ดแวร์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว ข้างในเครื่อง ASUS Zenbook 14X OLED ยังมีซอฟต์แวร์ที่สนับสนุนการใช้งานทำงาน หรือว่าพักผ่อนหย่อนใจได้สะดวกขึ้นอีกด้วย ได้แก่
- MyASUS ที่ช่วยดูแลบำรุงรักษาเครื่องและซอฟต์แวร์ให้อัปเดต เป็นศูนย์กลางที่สามารถเข้ามาปรับแต่งโหมด Battery, AI Noise-Cancelling ของ Microphone หรือ Speaker ลำโพง โหมดเสียงหรือการแสดงผลหน้าจอ ฯลฯ
- GlideX โซลูชันช่วยเรื่องการแชร์หน้าจอข้ามอุปกรณ์ที่สามารถใช้ Connection ผ่านสายหรือ Wireless ก็ได้ ทำให้การทำงานมีหน้าจอที่หลากหลายรูปแบบมากขึ้น จะ Mirror หรือ Extend ก็สามารถทำได้ตรงนี้เลย
- ScreenXpert ช่วยจัดการแอป Windows ข้ามหน้าจอที่เชื่อมกับเครื่องพีซี ทำให้สามารถควบคุม Workflow การจัดวางแอปตามหน้าจอต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อได้อย่างเต็มรูปแบบ
ใช้งานมาสักพักใหญ่ ๆ บอกเลยว่าจอสีสวย เสียงเพราะ แบตอึด แรงเร็ว ดึงจอขึ้นมาหน้า Windows โผล่แทบจะทันที และแบตคืออึดใช้ได้ทีเดียว ได้ 5-6 ชั่วโมง ที่สำคัญคือชาร์จเร็วด้วย ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็ชาร์จเต็มแล้ว
3 จุดชื่นชอบมาก ๆ ใน ASUS Zenbook 14X OLED
บางเบาแต่แรงมาก
แม้ว่าเครื่องจะบางแค่ 1.69 ซม. หนักแค่ 1.5 กิโลกรัม แต่ภายในเครื่องอัดแน่นด้วยสุดยอดเทคโนโลยี ทั้ง Intel Core i9 และ NVIDIA GeForce RTX 3050 พร้อม RAM 16GB เรียกว่าจัดเต็มมาให้ใช้งานได้แทบทุกอย่างที่ต้องการภายในเครื่องเดียว ดังนั้น จะยกย้ายเครื่องไปออฟฟิศหรือทำงานตอนไปเที่ยวพักผ่อนได้สบาย และแบตยังอึดจนไม่ต้องพกสายชาร์จไปก็ยังได้
จอสวยสีสันสดใส
บอกเลยว่าจอ OLED ของ ASUS Zenbook 14X OLED นั้นสวยมาก ๆ แม้จะเครื่องบางเล็ก แต่อัตราส่วนจอถึง 90% ในขนาด 14.5 นิ้วที่ละเอียด 2.8K นี่บอกเลยว่าจัดจ้านสุด ๆ สบายตาทำงานสองจอแบ่งครึ่งก็ไม่อึดอัดมาก และด้วย CPU, GPU ที่แรง เลยทำให้ใช้ทำงาน ดูหนังฟังเพลง ดู YouTube ออกแบบกราฟิกก็รู้สึกสนุกกว่าเดิม
คีย์บอร์ดนุ่มเงียบ
คีย์บอร์ดนุ่มมากสุด ๆ บอกเลยว่าเสียงพิมพ์เงียบกว่าเครื่องอื่น ๆ ที่เคยใช้มาทั้งหมดแล้ว พิมพ์เงียบระดับที่แอบทำงานตอนกลางคืนในขณะที่คนอื่นหลับอยู่ก็ไม่มีใครบ่น หลับกันได้สบาย แถมพิมพ์ได้นุ่มมือมาก ๆ ต้องขอบคุณเทคโนโลยี ASUS ErgoSense จริง ๆ
Benchmarking
ทดสอบประสิทธิภาพกันสักเล็กน้อย ด้วยเครื่องมือที่เลือกมาเพื่อตอบสนองการทำงานในยุคปัจจุบันที่มักจะใช้งานผ่านเบราว์เซอร์มากขึ้น จึงเลือก Speedometer 2.0 ของทีม WebKit แห่ง Apple มาทดสอบว่ามีขีดความสามารถในการ Responsive ของ Web Application ได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งผลออกมาตามภาพด้านล่าง ถ้าใครใช้เครื่องนี้ทำงานผ่านเบราว์เซอร์ เช่น Google Docs, Sheets, Microsoft 365 หรือ Canva บอกเลยว่าเหลือ ๆ
ทดสอบด้วย PCMark 10 อีกเครื่องมือเพื่อยืนยันอีกส่วน โดยผลลัพธ์จากการทดสอบด้วย PCMark 10 Extended ที่จะวัดผลทั้งการทำงานเอกสาร ทำ Digital Content หรือเล่นเกม ผลลัพธ์คือคะแนนดีทั้งกลุ่ม Essentials, Productivity และ Digital Content Creation หมายความว่าใช้ทำงาน ประชุมออนไลน์ ทำเอกสาร Document หรือ Spreadsheet รวมไปถึงใช้ตัดแต่งภาพทำวีดีโอได้สบาย ๆ ส่วนคะแนนของ Gaming อาจจะลดลงไปบ้าง แต่ก็ถือว่ายังได้ผลลัพธ์ที่ดี
บทส่งท้าย
ทั้งหมดนี้คือ ASUS Zenbook 14X OLED ที่บอกได้เลยว่าด้วยความ “แรงบางเบาอึดทนทาน” ที่นำมาใช้งานได้ในแทบทุกฟังก์ชันการทำงานในระดับองค์กร และที่สำคัญคือพกพาสะดวก จึงจัดได้ว่าเป็นอีกเครื่องที่ควรพิจารณาอยู่ในตัวเลือกอย่างยิ่ง เพราะเหมาะมากกับการทำงานในยุคปัจจุบันที่เป็นแบบ Work From Anywhere หรือ Hybrid Work ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานตั้งแต่ระดับปฏิบัติการไปจนถึงผู้บริหาร โน้ตบุ๊ก ASUS Zenbook 14X OLED ก็ล้วนตอบโจทย์ได้ทั้งสิ้นจริง ๆ
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทาง ASUS ที่ให้ความอนุเคราะห์เครื่อง ASUS Zenbook 14X OLED มาให้ทดลองใช้งาน ทั้งนี้ ASUS Zenbook 14X OLED นั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 2 สเปค ได้แก่
- รุ่น UX3404VC-M9099WS ที่มาพร้อมกับ Intel Core i9 Processor นั้นจะอยู่ที่ 50,990 บาท
- รุ่น UX3404VA-M9546WS ที่มาพร้อมกับ Intel Core i5 Processor นั้นจะอยู่ที่ 39,990 บาท
ถ้าหากผู้ที่สนใจอยากซื้อเครื่อง ASUS Zenbook 14X OLED สามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ ASUS Online Store