[รีวิว] ASUS Zenbook S 13 OLED (2023) หนาแค่ 1 เซน หนักแค่ 1 โล บางเบาจนนึกว่าลืมเอามาด้วย ในราคา 49,990 บาท

0

เกริ่นนำ

หลังจากที่โลกการทำงานได้เข้าสู่ยุค Hybrid Work กันอย่างเต็มรูปแบบ แม้ว่าบางองค์กรมองว่าพนักงานควรจะต้องกลับเข้าไปทำงานที่ออฟฟิศแบบ 100% แต่หลาย ๆ องค์กรก็ยังคงอนุญาตให้ทำงานแบบ Work From Anywhere ได้อยู่ ซึ่งการหาโน้ตบุ๊กคู่ใจสักเครื่องที่พกพาได้สบาย ไม่หนัก บางเบาเพื่อไปทำงานได้ทุกที่ ก็ดูจะเป็นอะไรที่ตอบโจทย์การใช้งานทุกอย่างได้ในเครื่องเดียว

บทความนี้ ทีมงาน ADPT ได้มีโอกาสรีวิวโน๊ตบุ๊ก ASUS ZenBook S 13 OLED โน้ตบุ๊กหน้าจอ OLED ขนาด 13.3 นิ้ว ที่บางที่สุดในโลก ณ ตอนนี้อยู่ที่ 1 เซนติเมตรเท่านั้น ภายนอกดูหรูหราด้วยวัสดุแบบใหม่ที่ทนทานระดับ US Military Grade และที่สำคัญเบาแค่ 1 กิโลกรัมอีกด้วย แถมยังมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลประสิทธิภาพสูง Intel® Core™ i7-1355U Processor และแบตเตอรี่ที่อึดใช้ได้นานมากต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ด้วยราคา 49,990 บาท หากงบประมาณถึง “บอกเลยว่าคุ้ม”

TL;DR (ยาวไป อ่านแค่นี้พอ)

  • ASUS Zenbook S 13 OLED บางเบาที่สุดในซีรีส์ Zenbook ที่ “หนาเพียงแค่ 1 ซม.” และ “เบาเพียงแค่ 1 กก.เท่านั้น”
  • วัสดุแบบใหม่ “พลาสมาเซรามิก อลูมิเนียม” ทำให้ได้ผิวสัมผัสเป็นเหมือน “หินธรรมชาติ” ดูหรูหราและทนทานระดับ US Military-Grade
  • ประสิทธิภาพสูงด้วย Intel® Core™ i7-1355U Processor, Iris® Xe graphics, RAM 16 GB การันตีด้วย Intel® Evo™ Platform
  • หน้าจอ ASUS Lumina OLED Display ขนาด 13.3 นิ้ว อัตราส่วน 16:10 ความละเอียดระดับ 2.8K และมีค่า Contrast ที่สูงระดับ 1,000,000:1 สีสันสดใสสบายตา
  • ระบบเสียง Dolby Atmos และ Harman/Kardon พร้อมชิป Amplifier เพิ่มระดับเสียงได้ราว 350% ทั้งดังทั้งไพเราะ
  • ราคา 49,990 มาพร้อม Microsoft Office Home & Student 2021 เริ่มทำงานได้ทันที

Factsheet

โมเดลASUS Zenbook S 13 OLED
ขนาด (กว้าง, ยาว, หนา)21.63 ซม. x 29.62 ซม. x 1.09 ~ 1.18 ซม. 
น้ำหนัก1 กิโลกรัม
หน้าจอ13.3″ 2.8K (2880 x 1800) OLED 16:10 ratio
1.07 billion colors depth
PANTONE Validated
หน่วยประมวลผล (CPU)Intel® Core™ i7-1355U Processor 1.7 GHz (12MB Cache, up to 5.0 GHz, 10 cores, 12 Threads)
หน่วยประมวลผลด้านกราฟฟิก (GPU)Iris® Xe graphics
พื้นที่จัดเก็บ (Storage)1 TB M.2 NVMe™ PCIe® 4.0 Performance SSD
หน่วยความจำ (RAM)16 GB LPDDR5 5200 MHz memory
กล้องFHD camera with IR function to support Windows Hello
เสียงDolby Vision / Atmos® immersive audiovisual experience
Sound by harman/kardon
Smart Amplifier 350%-louder distortion-free audio
WiFI ConnectivityWi-Fi 6E(802.11ax) (Dual band) 2*2 + Bluetooth® 5
ปุ่มและพอร์ตต่าง ๆ2 x Thunderbolt™ 4 (Display / Power Delivery)
1 x USB Type-A 3.2 Gen 2
1x HDMI 2.1 TMDS
1x 3.5mm Combo Audio Jack
ระบบปฏิบัติการWindows 11 Home
แบตเตอรี่63WHrs, 2S2P, 4-cell Li-ion
คีย์บอร์ดและทัชแพดBacklit Chiclet Keyboard
AC AdapterTYPE-C, 65W AC Adapter, Output: 20V DC, 3.25A, 65W, Input: 100-240V AC 50/60GHz universal
ความมั่นคงปลอดภัย (Security)McAfee® LiveSafe™ 30 days free trial
IR webcam with Windows Hello support
Trusted Platform Module (TPM) 2.0
อื่นๆ Intel® Evo™ Platform
Microsoft Office Home & Student 2021Build-in Apps : MyASUS, ScreenXpert, GlideX

สำหรับโน้ตบุ๊ก ASUS Zenbook S 13 OLED ทาง ASUS เพิ่งวางจำหน่ายในเดือนที่ผ่านมานี้เอง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นรุ่นในซีรีส์ Zenbook ที่บางและเบาสุดของ ASUS ณ ตอนนี้ เชื่อว่าคนที่ชอบพกพาเครื่องโน๊ตบุ๊กไปกับตัวด้วย ไม่ว่าจะเป็นการไปประชุมออกไซต์หน้างาน หรือว่าไปท่องเที่ยว (อารมณ์เผื่องานเข้าก็หยิบออกมาทำงานได้ทันที) ASUS Zenbook S 13 OLED เครื่องนี้สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ในหลากหลายรูปแบบ พกไปแบบเบา ๆ ไม่กินที่กระเป๋ามากแน่นอน

แกะกล่องลองใช้

ตอนที่ได้รับกล่องมาครั้งแรกนั้นรู้สึกว่ากล่องจะหนากว่าที่คิดไว้ และถ้าเทียบกับ ASUS Zenbook 14X OLED จะใหญ่หนากว่าเล็กน้อย

แต่พอแกะกล่องออกมา ปรากฏว่ามีอีกกล่องหนึ่งซ้อนอยู่ข้างใน (อันนี้กล่องบางจริง) สรุปภายในกล่องที่ได้รับมาจะมีกล่องตัวเครื่อง กล่องปลั๊กไฟ และซองเคส ซึ่งในกล่องมีกิมมิค (Gimmick) เล็กน้อยตรงที่กล่องกระดาษกันกระแทกที่ให้มานั้นสามารถใช้เป็นฐานวางโน๊ตบุ๊คได้ด้วย

มาดูของภายในกล่องที่ได้รับกันอีกที จะประกอบไปด้วยตัวเครื่อง ASUS Zenbook S 13 OLED ปลั๊กชาร์จหัว USB Type-C 65W และซองเคส ซึ่งซองที่ให้มาจะคล้าย ๆ กับซองที่ให้ในรุ่น ASUS Zenbook 14X OLED แต่ใส่เครื่องนี้แล้วรู้สึกบางกว่าอย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญคือปลั๊กชาร์จเล็กมาก ๆ

ตัวเครื่องเป็นวัสดุอะลูมิเนียม แต่ฝาเครื่องนั้นจะเป็นวัสดุแบบใหม่คือ “พลาสมาเซรามิก อลูมิเนียม” ด้วยกระบวนการพิเศษเฉพาะของ ASUS ที่ทำให้ได้ “ผิวสัมผัสเป็นเหมือนหินธรรมชาติ” ทำให้เครื่องดูหรูหราทนทานระดับ US Military-Grade แถมยังรีไซเคิลได้ 100% อีกด้วย ส่วนด้านหน้ามีเว้าเข้าไปเล็กน้อย ทำให้สามารถเปิดโน๊ตบุ๊คได้ง่ายด้วยมือเดียว

งานประกอบตัวเครื่องแข็งแรงดีมาก หยิบจับรู้สึกมั่นใจ แถมด้านล่างเครื่องยังมีแถบกันลื่น 2 เส้นยาวทั้งด้านหน้าด้านหลัง ที่นอกจากกันลื่นไถลบนโต๊ะแล้ว ยังช่วยเรื่องการยกเครื่องไปมา ทำให้ไม่หลุดมือไปได้ง่าย ๆ อีกด้วย

ด้านซ้ายเครื่องมีพอร์ต HDMI 2.1 และพอร์ต Thunderbolt 4 จำนวน 2 พอร์ต (ชาร์จไฟได้ทั้งคู่) และไฟสถานะการชาร์จแบต จากภาพจะเห็นว่าเมื่อดันเปิดจอขึ้นมา ตัวเครื่องและคีย์บอร์ดจะถูกดันขึ้นทำองศาเล็กน้อย ทำให้เหมาะกับสรีระในการพิมพ์ทำงานมากขึ้น

ส่วนด้านขวา มีไฟสถานะเครื่อง ช่อง Combo Audio Jack 3.5 มม. และพอร์ต USB Type-A 3.2 Gen 2 จำนวน 1 ช่อง ซึ่งรวมสองด้านแล้วถือว่าพอร์ตสำคัญยังให้มาครบ ใช้งานได้โดยไม่ต้องหาอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม

สำหรับฝาพับเครื่อง ASUS Zenbook S 13 OLED นี้สามารถเปิดได้ถึง 180% แต่จะเห็นว่าหน้าจอจะแนบไม่สุดพื้น มีเผยอขึ้นมาระดับหนึ่ง ซึ่งถือว่าเพียงพอแล้วเวลาที่ต้องเปิดให้คนที่กำลังสนทนาอยู่ด้วยฝั่งตรงข้ามดูหน้าจอไปพร้อมกัน

คีย์บอร์ดให้มาแบบเกือบเต็ม มีแค่บางแป้นด้านซ้ายที่จะลดขนาดลงไปเล็กน้อย ส่วนไฟ LED แสดงสถานะเปิดปิดไมค์กล้องยังมีมาให้เช่นเคย ทัชแพด (Touchpad) ใหญ่และแน่นใช้งานได้สบายมากตามมาตรฐาน ASUS

ทั้งนี้ ASUS ยังบอกด้วยว่าเครื่องนี้ในส่วนของที่ครอบแป้นพิมพ์ (Keyboard Cover) โครง (Chassis) ฝาพับ (Lid) นั้นใช้วัสดุรีไซเคิลแมกนีเซียม-อะลูมิเนียมอัลลอยด์ที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิล (PIR) และในส่วนของแป้นพิมพ์กับลำโพงนั้นใช้พลาสติกที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิล (PCR) ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยลด Carbon Footprint ได้มากกว่า 50% เลยทีเดียว

ซ้ายล่างมีป้ายบอกชัดเจนว่าเครื่องนี้เป็นไปตามมาตรฐานของ Intel Evo Platform ที่ Intel การันตีเรื่องประสิทธิภาพ ดังนั้น หายห่วงเรื่องการใช้งานได้เลย ส่วนด้านล่างมีป้าย Perfect Warranty ที่ ASUS รับประกันอุบัติเหตุให้ใน 1 ปีแรก นอกจากรับประกันตัวเครื่อง 3 ปีแบบ On-Site Service และรับประกันระหว่างประเทศ 3 ปี รวมทั้งเครื่องนี้ยังมี Microsoft Office Home and Student 2021 และสมาชิก Adobe Creative Cloud® ฟรีสามเดือนมาให้ด้วย ซื้อปุ๊ปพร้อมใช้งานได้ทันทีไม่ต้องเสียเงินซื้อเพิ่ม

ด้านขวาการันตีระบบเสียงด้วยการรับรองจาก Harman Kardon ที่ทำงานร่วมกับระบบจำลองเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos แถมยังมีชิป Amplifier ที่ช่วยเพิ่มระดับเสียงของลำโพงได้มากถึง 350% หรือสามเท่าครึ่งเลยทีเดียว

ตอนเปิดเครื่องขึ้นมาถือว่าเร็วใช้ได้ และด้วยหน้าจอ ASUS Lumina OLED เกรดคุณภาพสูงในอัตราส่วน 16:10 และความละเอียดระดับ 2.8K ที่ได้รับ Panton Validated และผ่านการรองรับจาก TÜV Rheinland ช่วยลดแสงสีฟ้าที่ทำลายดวงตาได้กว่า 70% พร้อมจุดเด่นที่ให้ค่า Contrast สูงระดับ 1,000,000:1 บอกได้เลยว่าหน้าจอเครื่องนี้ “สีสันสวยสดมาก ๆ”

Zenbook เครื่องนี้มาพร้อมกับกล้อง FHD ที่มี IR เซ็นเซอร์และไมโครโฟนที่มีระบบ AI ช่วยตัดเสียงรบกวน และตรงคีย์บอร์ดมีไฟ LED แสดงสถานะของการเปิดปิดไมค์กับกล้อง ประกอบกับแบตเตอรี่ก็ได้รับรองจาก ENERGY STAR ทั้งเรื่องการชาร์จได้ไวและใช้งานได้อึดทั้งวัน ดังนั้น หากต้องการใช้งานเครื่อง ASUS Zenbook S 13 OLED ในการประชุมออนไลน์หรือใช้ทำงานนอกสถานที่ บอกได้เลยว่าสบายมาก

ภายในเครื่องนี้มีซอฟต์แวร์จากทาง ASUS มาให้ตามมาตรฐานครบถ้วน ทั้ง MyASUS ช่วยดูสถานะและบำรุงรักษาซอฟต์แวร์ให้อัปเดต, GlideX ช่วยเรื่องแชร์หน้าจอ และ ScreenXpert จัดการแอปข้ามหน้าจอที่เชื่อมกับเครื่อง 

MyASUS

GlideX

ScreenXpert

หลังจากใช้งานจริงมาสักพักใหญ่อย่างหนักหน่วง เรื่องแบตเตอรี่ถือว่าโอเคทีเดียว ใช้งานได้นานอยู่ 5-6 ชั่วโมง (เน้นใช้ Google Workspace เป็นหลัก พร้อมเปิด Chrome หลาย Tab มาก ๆ) ประชุมออนไลน์ได้สบายไหลลื่น คีย์บอร์ดแป้นพิมพ์สบายมือทีเดียว แต่จุดสังเกตเล็กน้อยคือเสียงพัดลมในบางครั้งถ้าหากเปิดใช้งานโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันหนักจนเกินไปแล้ว เสียงพัดลมระบายความร้อนจะค่อนข้างดังพอสมควร

3 จุดเด่นของ ASUS Zenbook S 13 OLED 

บางเบามากระดับที่สุด

บังเอิญช่วงที่ผ่านมาได้มีโอกาสพกพา Zenbook เครื่องนี้ไปทำงานนอกสถานที่ในหลายงานมาก ๆ บอกได้เลยว่า “ไม่หนักเลย” แม้ว่าวัสดุจะเป็นอะลูมิเนียมที่ได้ความรู้สึกเหมือนหินจริง ๆ แต่ทั้งเครื่องรวมแล้วน้ำหนักแค่ 1 กิโลกรัมเท่านั้น แถมยังบางมาก ๆ พับแล้วหนาแค่ 1 เซนติเมตร ปลั๊กชาร์จก็เล็กมาก ๆ จนบางครั้งเดินไปมาแล้วก็มีรู้สึกว่าตกใจว่า “ลืมหยิบมาด้วยหรือเปล่า” เพราะว่าเครื่องนี้บางเบามากจนเหมือนว่าไม่ได้พกมาด้วยเลย

จอสวย สีสันจัดจ้าน

แม้เครื่องจะบางและเบา แต่หน้าจอ OLED ที่ให้มานั้นสามารถแสดงช่วงสีที่กว้างเป็นพิเศษ ให้ความสว่างสูงสุดมากถึง 550 nits พร้อมกับให้สีสันแม่นยำตามมาตรฐาน Pantone Validated และมีค่าความคลาดเคลื่อนสี (Delta E) ต่ำกว่า 1 

ประกอบกับหน่วยประมวลผลระดับ Intel® Core™ i7-1355U Processor 1.7 GHz และ Intel® Iris Xe การใช้เครื่อง Zenbook นี้ทำงานด้านกราฟิก (Graphic) หรืองานออกแบบนั้นได้แน่นอน ถ้ายิ่งเป็นการใช้งานผ่านเบราว์เซอร์อย่างเช่น Canva หรือ Adobe Express แล้ว บอกเลยไม่มีปัญหา

ลำโพงดังและไพเราะ

นึกไม่ถึงว่าโน้ตบุ๊กเครื่องบางเฉียบขนาดนี้จะมีลำโพงที่สามารถขับเสียงออกมาได้อย่างดังกังวาลสุด ๆ ทั้งดังและเพราะ เสียงเบสใช้ได้ทีเดียว คงต้องขอบคุณชิป Amplifier, Dolby Atmos และ Harman/Kardon ที่ทำให้เพิ่มระดับเสียงของลำโพงได้มากถึง 350% ในขณะที่เสียงก็ยังเพราะด้วย ใช้ดูหนังฟังเพลง หรือประชุมได้อย่างมีความสุขแน่นอน

Benchmarking

ทดสอบประสิทธิภาพกันสักเล็กน้อย ด้วยเครื่องมือที่เลือกมาเพื่อตอบสนองการทำงานในยุคปัจจุบันที่มักจะใช้งานผ่านเบราว์เซอร์กันแล้ว ด้วย Speedometer 2.0 ของทีม WebKit แห่ง Apple เพื่อทดสอบขีดความสามารถในการ Responsive ของ Web Application ซึ่งผลออกมาตามภาพด้านล่าง ซึ่งจากผลลัพธ์ที่ได้หมายความว่าถ้าใช้เครื่อง Zenbook นี้ทำงานผ่านเบราว์เซอร์เป็นหลัก เช่น Google Docs, Sheets, Microsoft 365 หรือ Canva เครื่องนี้ไหลลื่นสบาย ๆ 

เช่นเคย ทดสอบด้วย PCMark 10 อีกเครื่องมือ โดยผลลัพธ์จากการทดสอบด้วย PCMark 10 Extended ที่วัดผลทั้งการทำงานเอกสาร ทำ Digital Content หรือเล่นเกม ผลลัพธ์คือคะแนนดีทั้งกลุ่ม Essentials, Productivity และ Digital Content Creation ซึ่งหมายความว่าเครื่องนี้เหมาะสมอย่างยิ่งในการใช้ทำงาน ประชุมออนไลน์ ทำเอกสาร Document หรือ Spreadsheet รวมไปถึงใช้ตัดแต่งภาพทำวีดีโอเบื้องต้นได้สบาย ๆ ส่วนคะแนนของ Gaming จะเห็นว่าเครื่อง Zenbook นี้คงจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่

บทส่งท้าย

ถ้าใครที่ต้องการหาโน้ตบุ๊กคู่ใจที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความบางเบาของโน้ตบุ๊กเป็นหลัก ในขณะที่วัสดุคงทน จอสีสันสวยงาม และยังมีประสิทธิภาพสูงที่สามารถใช้ทำงานเอกสาร งานกราฟิกออกแบบที่ไม่หนักมาก ประชุมออนไลน์ ดูหนังฟังเพลงได้ในเครื่องนี้ โน้ตบุ๊ก ASUS Zenbook S 13 OLED ราคา 49,990 บาทนี้คือตอบโจทย์เป็นอย่างที่สุดแน่นอน

สุดท้ายนี้ ทีมงาน ADPT ต้องขอขอบคุณทาง ASUS ที่ให้ความอนุเคราะห์มา ณ ที่นี้ด้วย และสำหรับใครที่สนใจอยากจะหาซื้อ ASUS Zenbook S 13 OLED เครื่องนี้มาครอบครอง สามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ ASUS Online Store ลิงก์นี้เลย