สำหรับธุรกิจองค์กรและผู้ให้บริการ Cloud / Data Center การอัปเกรดระบบ Data Center Network ไปสู่ความเร็วระดับ 40/100/400Gbps นั้นถือเป็นก้าวสำคัญในการวางรากฐานที่แข็งแรงสู่อนาคต และความเร็วเหล่านี้ก็จะกลายเป็นความเร็วพื้นฐานในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าแล้ว ทำให้ธุรกิจและ Data Center หลายๆ แห่งทั่วโลกเองก็กำลังเริ่มพิจารณาโครงการในลักษณะนี้อยู่
เพื่อให้ธุรกิจองค์กรไทยและเหล่าผู้ให้บริการ Cloud / Data Center สามารถก้าวสู่ความเร็วระดับใหม่ได้ง่ายขึ้น ทาง Panduit และ Cisco จึงได้ออกคู่มือแนวทางการวางระบบเครือข่ายความเร็ว 40/100/400GbE ให้สามารถนำไปศึกษาและประเมินความเหมาะสมต่อการใช้งานได้ ซึ่งทีมงาน TechTalkThai ขอสรุปประเด็นสำคัญที่ควรรู้ก่อนการตัดสินใจอัปเกรด และลำดับขั้นตอนในการเลือกส่วนต่างๆ ของระบบเครือข่ายให้เหมาะสมต่อกลยุทธ์ของธุรกิจดังนี้ครับ
ตกผลึกโจทย์ทางธุรกิจและความคุ้มค่าในการลงทุนเสียก่อน
โดยทั่วไปแล้วการลงทุนในระบบ Data Center Networking นั้นจะต้องมีการวางแผนที่ลงลึกในรายละเอียดตั้งแต่แรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเชิงของแผนการรองรับต่ออนาคตในระยะยาว เพื่อที่ระบบที่ออกแบบจะได้มีอายุการใช้งานยาวนานเพียงพอต่อความต้องการ, สามารถอัปเกรดสู่เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม และเกิดความคุ้มค่าในการลงทุน เนื่องจากการเดินสาย Fiber จำนวนมากภายใน Data Center ถือเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนที่สูง และมีกระบวนการที่ซับซ้อนใช้เวลานาน การวางแผนให้ดีเพื่อให้สายเหล่านี้มีอายุการใช้งานนานและคุ้มค่าจึงเป็นโจทย์สำคัญของการออกแบบระบบ
อย่างไรก็ดี ด้วยความหลากหลายของเทคโนโลยีและมาตรฐาน จึงทำให้ธุรกิจมีทางเลือกที่หลากหลายในการออกแบบระบบดังกล่าว จนถึงขั้นอาจเกิดความสับสนในการออกแบบและเลือกใช้ส่วนประกอบต่างๆ ภายในระบบได้ ดังนั้นการมีคู่มือหรือ Guideline การเลือกส่วนประกอบต่างๆ ที่ผ่านการทดสอบการทำงานร่วมกันมาแล้วเป็นอย่างดีจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้การออกแบบง่ายดายและถูกต้องแม่นยำมากขึ้น ในขณะที่การมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา ก็จะช่วยให้ผู้ออกแบบระบบมีความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้นนั่นเอง
ทำไมถึงควรใช้โซลูชัน Data Center Networking จาก Panduit และ Cisco?
Panduit และ Cisco นั้นเป็นพันธมิตรด้านระบบ Data Center Networking ร่วมกันมาอย่างยาวนาน และมีการทดสอบโซลูชันร่วมกันอยู่เสมอเมื่อฝ่ายใดมีการพัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะตัวของตนเองออกมา ทำให้โซลูชันจากผู้ผลิตทั้งสองรายนี้สามารถทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี มั่นใจได้ในการเลือกใช้งาน
นอกจากนี้ ทั้งสองบริษัทเองก็ยังมีจุดร่วมกันคือการออกแบบเทคโนโลยีเฉพาะที่มีคุณสมบัติแตกต่างออกไปจากมาตรฐานกลาง แต่สามารถตอบโจทย์ธุรกิจได้เป็นอย่างดี อย่างเช่น Cisco นั้นก็มี Bi-Directional Transceiver ที่ช่วยให้สามารถใช้สาย 10Gb Duplex Multi Mode Fiber (MMF) ในการรับส่งข้อมูลได้ถึงความเร็วระดับ 40/100Gbps เพิ่มความคุ้มค่าในการใช้งานระบบสาย Fiber เดิมในการอัปเกรดความเร็วได้ ในขณะที่ Panduit เองก็มี PanMPO Fiber Connector ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบหัวเชื่อมต่อได้อย่างหลากหลาย ช่วยลดความผิดพลาดในการสั่งซื้อสาย และรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างยืดหยุ่น เป็นต้น
การใช้โซลูชันที่ผสมผสานจากผู้ผลิตทั้งสองรายนี้จึงเป็นการนำข้อดีของเทคโนโลยีมาเติมเต็มกันและกัน ช่วยให้ธุรกิจมีทางเลือกมากยิ่งขึ้นในการวางระบบ Network Infrastructure ให้คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์กลยุทธ์การลงทุนระยะยาวได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
3 เรื่องเล็กๆ ที่น่ารู้เกี่ยวกับ Data Center Networking
- อย่าลืมว่าทุกครั้งที่อัปเกรดความเร็วในการรับส่งข้อมูลเพิ่มขึ้น ระยะทางสูงสุดในการรับส่งข้อมูลจะลดลง ดังนั้นการวางแผนเรื่องความยาวสายและ Transceiver ที่ใช้ให้สอดคล้องกับปลายทางการอัปเกรดในอนาคตจึงมีความสำคัญเสมอ
- มีเพียง 10% ของการเดินสายภายใน Data Center เท่านั้นที่มีระยะการเดินสายยาวเกิน 100 เมตร ดังนั้นการเลือกเทคโนโลยีให้แตกต่างเหมาะสมกับโจทย์ในแต่ละส่วนของ Data Center Network ก็จะเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยให้การลงทุนคุ้มค่าขึ้นได้
- ทุกๆ การเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นจะทำให้เกิดการสูญเสียของสัญญาณเสมอ และจะทำให้ระยะสูงสุดในการรับส่งข้อมูลให้ได้ในความเร็วที่ต้องการลดลงด้วย ดังนั้นต้องอย่าลืมคำนวณเผื่อ dB Loss ที่อาจเกิดขึ้นในการออกแบบ
ขั้นตอนการเลือกอุปกรณ์สำหรับสาย Fiber เพื่อใช้งานกับ Cisco Nexus
Panduit ได้นำเสนอ 3 ขั้นตอนในการเลือกอุปกรณ์สำหรับสาย Fiber เพื่อใช้งานร่วมกับ Cisco Nexus ดังนี้
1. เลือก Cisco Transceiver ที่ต้องการ
เมื่อมีความเร็วของการเชื่อมต่อในใจแล้ว เช่น 40GbE, 100GbE หรือ 400GbE ก็ทำการนำความเร็วตรงนี้ไปเลือกตรวจสอบจากคู่มือ Panduit Cable Ordering Guide: Cisco Nexus ซึ่งในแต่ละระดับความเร็วนั้นก็จะมีระบุข้อมูลดังนี้
- การเลือกใช้การเชื่อมต่อแบบปกติที่ความเร็วเท่ากันทั้งสองฝั่ง หรือการใช้ Breakout Cable
- Cisco Transceiver ที่รองรับสำหรับแต่ละระดับความเร็ว
- ระยะทางสูงสุดสำหรับ Cisco Transceiver นั้นๆ
- ประเภทของสาย Fiber สำหรับ Cisco Transceiver นั้นๆ
- ชนิดของ Connector สำหรับ Cisco Transceiver นั้นๆ
ด้วยข้อมูลเหล่านี้ ผู้ออกแบบระบบเครือข่ายจะสามารถเข้าใจถึงภาพรวมและความเป็นไปได้ในแต่ละการเลือกใช้ Cisco Transceiver ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถเปรียบเทียบกับ Cisco Transceiver ในระดับความเร็วอื่นๆ เพื่อตรวจสอบได้ว่า ในอนาคตจะมีทางเลือกในการอัปเกรดอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้การเลือก Cisco Transceiver ให้เรียบร้อยสำหรับการเชื่อมต่อแต่ละส่วนที่แตกต่างกันออกไปภายใน Data Center ก็จะทำให้ผู้ออกแบบเริ่มเห็นภาพรวมของการเดินสายทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น เพื่อนำไปใช้ประเมินในข้อถัดไปได้
2. เลือก Enclosure System สำหรับการบริหารจัดการสาย Fiber
เมื่อทราบถึงชนิดของสาย ความยาวของสาย และจำนวนที่ต้องการแล้ว การเลือก Enclosure System สำหรับบริหารจัดการการเชื่อมต่อสาย Fiber ก็เป็นขั้นตอนถัดมา ไม่ว่าจะเป็น Fiber Enclosure หรือ Patch Panel ก็ตาม เพื่อให้การจัดการสายในอนาคตเป็นไปได้อย่างง่ายดายในรูปแบบที่ต้องการ และหากมีแผนในการอัปเกรดความเร็ว หรือเปลี่ยนแปลงการใช้งานใดๆ ก็จะได้วางแผนให้รอบคอบตั้งแต่ขั้นตอนนี้
3. เลือกส่วนประกอบอื่นๆ ให้ครบถ้วน
เมื่อทราบถึง Cisco Transceiver, ระยะการเดินสาย, ประเภทของสาย, Connector ที่ต้องใช้ และ Enclosure System แล้ว สุดท้ายก็คือการเลือกองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อให้การออกแบบมีความสมบูรณ์ เช่น Patch Cord สำหรับปลายทางแต่ละฝั่ง, Cassette สำหรับติดตั้งใน Enclosure System และ Trunk สำหรับเชื่อมต่อระหว่าง Enclosure
ขอข้อมูลเกี่ยวกับคู่มือการสั่งซื้อ Fiber Optic Transceiver ที่นี่!
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถ Download เอกสารคู่มือการเลือกส่วนประกอบในการออกแบบระบบเครือข่าย Data Center Network จาก Panduit และ Cisco สำหรับใช้งานร่วมกับ Cisco Nexus พร้อม Diagram ประกอบการออกแบบได้ทันทีที่ https://pages.panduit.com/Panduit-cisco-fiber-optic-transceiver-article-th.html?utm_medium=online-advertising&utm_source=TTT-website&utm_campaign=202307_Panduit-Cisco&utm_content=article โดยเอกสารมีดังต่อไปนี้
- 40G Fiber Optic Transceiver Cable Ordering Guide: Cisco Nexus
- 100G Fiber Optic Transceiver Cable Ordering Guide: Cisco Nexus
- 400G Fiber Optic Transceiver Cable Ordering Guide: Cisco Nexus
- Fiber Optic Transceiver Breakout Cable Ordering Guide: Cisco Nexus
———-
เกี่ยวกับ Panduit
นับตั้งแต่ปี 1955 วัฒนธรรมแห่งความใฝ่รู้และความหลงใหลในการแก้ไขปัญหาของ Panduit ได้พัฒนาการเชื่อมต่ออันมีค่าระหว่างความสำเร็จในตลาดกับเป้าหมายทางธุรกิจของบริษัทขึ้น Panduit สร้างโซลูชั่นที่ล้ำสมัยด้านของวัสดุอุปกรณ์ อุปกรณ์ไฟฟ้า และโครงสร้างอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐานสำหรับสภาพแวดล้อมทั่วทั้งองค์กร ตั้งแต่ศูนย์รวบรวมข้อมูลไปจนถึงห้องสื่อสารโทรคมนาคม รวมไปถึงคอมพิวเตอร์ตลอดจนระบบในโรงงาน Panduit มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ทินลีย์ พาร์ก รัฐอิลลินอยส์ และดำเนินงานอยู่ใน 112 ประเทศทั่วโลก ชื่อเสียงที่ได้รับการพิสูจน์แล้วด้านคุณภาพและเทคโนโลยีชั้นนำของ Panduit ประกอบกับระบบนิเวศของคู่ค้าที่มั่นคงแข็งแรงจะช่วยสนับสนุน ค้ำจุน และสร้างเสริมการเติบโตของธุรกิจในโลกที่เชื่อมโยงถึงกัน https://www.panduit.com/
ผู้ที่สนใจโซลูชันใดๆ ของ Panduit สามารถติดต่อทีมงาน Panduit ประจำประเทศไทยได้ที่
- Pongsathon Swetkamol, Territory Account Manager [email protected]
- Jirayu Noppawong, Technical Systems Engineer [email protected]
ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถทำการเพิ่มเพื่อนใน LINE Account ได้ทันทีที่ @panduitth (มีเครื่องหมาย @ นำหน้า) หรือเพิ่มเพื่อนผ่านลิงค์ https://lin.ee/G8XGQXQ หรือสแกน QR Code ดังต่อไปนี้เพื่อเพิ่มเพื่อนได้ทันที
และสำหรับลูกค้าหรือพันธมิตรของ Panduit ทุกท่าน ก็ยังคงสามารถติดตามข่าวสารหรือสอบถามข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับ Panduit ได้ที่ https://www.facebook.com/PanduitThailand เช่นเคย