บริษัท เอส เทลลิเจนซ์ จำกัด (STelligence) ผู้ให้บริการด้านไอทีที่เชี่ยวชาญการทำ Digital Transformation และเป็นผู้ริเริ่มในการนำแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) มาให้บริการในไทย ล่าสุดได้ประกาศแต่งตั้งคุณ “สรุจ ทิพเสนา” ขึ้นเป็นกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของบริษัทอย่างเป็นทางการ เตรียมพร้อมเดินหน้าเต็มพิกัดผ่านแนวคิด “Connected Intelligence” ที่จะติดปีกทุกโซลูชันทั้ง 3 ส่วนอันได้แก่ Data Analytics, Automation และ Cybersecurity ด้วย AI Transformation เพื่อช่วยยกระดับทุกธุรกิจอุตสาหกรรมเข้าสู่โลกอนาคตได้อย่างทันท่วงที
คุณสรุจ ทิพเสนา ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งท่านที่คร่ำหวอดในวงการเทคโนโลยี รวมทั้งมีประสบการณ์มากมายในวงการธุรกิจ โดยตำแหน่งล่าสุดก่อนย้ายมา STelligence นั้น คุณสรุจเป็นอดีตผู้บริหารฝ่ายโซลูชันองค์กร ไมโครซอฟต์ (ประเทศไทย) และเป็นผู้ที่ริเริ่มโครงการสำคัญ ๆ มากมาย อาทิ Cloud Computing, Cybersecurity, Analytics และ AI ซึ่งก่อนหน้านั้นยังเคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการทั่วไปของประเทศไทยและผู้อำนวยการ APAC ที่ Telcordia Technologies (เดิมคือ Bellcore) ซึ่งคุณสรุจเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการผลักดันการเติบโตอย่างแข็งแกร่งใน APAC ด้วย
“ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีม STelligenceซึ่งการเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานครั้งนี้ เพราะได้เห็นถึงโอกาสที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนองค์กรของคนไทยให้เติบโตไปพร้อมกับ AI Transformation ที่กำลังมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งในโลกปัจจุบัน ในฐานะที่ STelligence เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในเรื่อง Data Analytics, RPA Automation และ Cybersecurity กว่า 10 ปี จึงมีความพร้อมที่จะต่อยอดโซลูชันต่าง ๆ ด้วย AI ที่จะเข้ามาเสริมศักยภาพให้กับกลุ่มลูกค้าของเรามากขึ้น ด้วยการปรับเปลี่ยนโซลูชันให้เป็นไปตามความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น (Localization and Customization) เพื่อให้เกิดความถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว” คุณสรุจ ทิพเสนา กรรมการบริหาร และ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท เอส เทลลิเจนซ์ จำกัด กล่าว
“ผมเชื่อว่า ChatGPT กำลังเปลี่ยนโลกในหลาย ๆ แง่มุม และผมอยากเห็นคนไทยบริษัทไทยเติบโตและอยู่ในกระแสของสิ่งที่กำลังเปลี่ยนโลก นี่คือเหตุผลและคิดว่าได้เวลาแล้วที่จะย้ายมาอยู่ในบริษัทที่สร้างเทคโนโลยี เพื่อสร้างโซลูชันเพื่อส่งมอบให้กับองค์กรลูกค้าได้ใช้งาน” คุณสรุจกล่าว “เวลาพูดเรื่อง AI มักจะเป็นสิ่งที่ไม่ได้แกะกล่องมาใช้งานได้ทันที อย่างเช่น ChatGPT ที่มีองค์ความรู้ที่เป็นกลาง ๆ ที่มีในโลกอินเทอร์เน็ต แต่ถ้าหากต้องการพูดถึงความรู้เฉพาะภายในองค์กรแล้ว ChatGPT จะไม่สามารถตอบได้ และนี่คือสิ่งที่ต้องมีบริษัทที่นำเอาเทคโนโลยีเหล่านี้มาประกอบเป็นโซลูชัน เพื่อให้องค์กรต่าง ๆ ได้ใช้งาน และนี่คือเหตุผลที่จะมาผลักดัน STelligence ให้ทำสิ่งนี้ต่อไป”
ด้วยบทบาทสำคัญของคุณสรุจ ทิพเสนา ในการเป็นผู้ริเริ่มเทคโนโลยี Cloud Computing รวมทั้งยังเผยแพร่แนวคิดด้านความปลอดภัย Zero Trust และ Generative AI โดยได้ให้ความรู้แก่ลูกค้า คู่ค้า ชุมชนเทคโนโลยีของไมโครซอฟต์ และสื่อมวลชนในวงกว้าง ทำให้เห็นโอกาสและความท้าทายใหม่ ๆ ที่จะสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ในการเข้ามาร่วมงานกับ STelligence
“โลกธุรกิจทุกวันนี้ ล้วนเต็มไปด้วยข้อมูลมากมาย ดังนั้น กุญแจสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของ AI จึงอยู่ที่การจัดการกับข้อมูลเหล่านั้น เราจึงให้ความสำคัญกับแนวคิด ‘Connected Intelligence’ ที่เป็นการเชื่อมโยงฐานความรู้ที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเสริมศักยภาพของ AI ให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากฐานข้อมูลแบบเดิมจะมีข้อจำกัดในการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนภายในชุดข้อมูลขนาดใหญ่ ดังนั้น การบริหารจัดการชุดข้อมูลด้วย ‘Connected Intelligence’ จะทำให้เราสามารถวางรากฐานสำหรับ AI ที่มีประสิทธิภาพสูง และสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มากและยั่งยืนยิ่งขึ้น” คุณสรุจกล่าว
“อย่างไรก็ตาม ความท้าทายในการทำงาน คือเรื่องของความรวดเร็ว (Speed) เนื่องจากเทคโนโลยี AI มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ตลาดเมืองไทยต้องพร้อมปรับตัว และต้องพัฒนาความสามารถ (Skill) ของคนในองค์กรให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงนั้น ๆ ภายใต้ข้อจำกัดของภาษา ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นหนึ่งในโซลูชันของ STelligence ที่จะต้องก้าวข้าม” คุณสรุจกล่าวเสริม “เทคโนโลยีใหม่ ๆ จะต้องเรียนรู้เร็วและผิดพลาดให้เร็ว (Learn Fast Fail Fast) เพื่อจะได้รู้เนิ่น ๆ ได้ว่าเทคโนโลยีดังกล่าวนั้นใช่หรือไม่ใช่ ซึ่งนี่คือ Mindset ที่สำคัญ ที่พยายามผลักดันเพื่อให้องค์กรขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น”
ด้วยประสบการณ์ 20 ปี ในบริษัทเทคโนโลยีทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้คุณสรุจ ได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ STelligence เขาได้เข้ามาดูแลรับผิดชอบด้านการวางกลยุทธ์การบริหาร การพัฒนาบุคลากร การปรับใช้ AI ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมขององค์กรต่าง ๆ
“บทบาทของผมที่นี่นอกเหนือไปจากการบริหารพัฒนาโซลูชันต่าง ๆ ให้กับลูกค้าแล้ว ก็คือการเป็น โค้ช ที่คอยให้คำปรึกษาเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ผมมีความมุ่งมั่นที่จะนำเอาประสบการณ์ ความรู้ต่าง ๆ ถ่ายทอดสู่ทีมงานของ STelligence เกือบ 100 คน พร้อมผลักดันให้บรรลุศักยภาพอย่างเต็มที่ ผมเชื่อว่าประเทศไทยไม่เคยขาดแคลนคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ แต่สิ่งที่เราต้องมอบให้กับคนรุ่นใหม่ คือ โอกาส บทเรียนต่าง ๆ ตลอดจนแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐานสากลที่จำเป็นในการทำงานให้สำเร็จ เพื่อที่จะส่งมอบเทคโนโลยีคุณภาพสูงให้กับลูกค้าของเรา และทำให้ STelligence เป็นสถานที่สำหรับทุกคนที่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงในโลกแห่ง AI” คุณสรุจกล่าวปิดท้าย
เกี่ยวกับ บริษัท เอส เทลลิเจนซ์ จำกัด
เอส เทลลิเจนซ์ (STelligence) ผู้ให้บริการด้านไอทีที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Data Science ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ 2556 โดยเป็นผู้บุกเบิกในการบริการด้านโซลูชันเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลรายแรกๆ ในประเทศไทย ด้วยรูปแบบ Self-Service Analyst ที่เน้น Citizen Data Scientist เป็นกลยุทธ์หลัก ทั้งนี้ บริษัทฯยังได้ริเริ่มในการนำแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ข้อมูลมาให้บริการด้าน IT Operation and Security Analytics สำหรับการเข้าถึงปัญหาต่างๆ แบบครอบคลุมซึ่งได้รับการตอบรับในตลาดเป็นอย่างดีจนนำไปสู่การขยายโซลูชันที่หลากหลาย อันได้แก่ Business Intelligence (BI), Data Visualization, Self-service Analytics, Machine, Data Science และ Robotic Process Automation (RPA) ด้วยการใช้ AI Cognitive.