[สัมภาษณ์] คุณวิจิตรา หิรัญญการ ผู้บริหารหญิงคนแรกแห่ง ASUS ประเทศไทย กับมุมมอง AI PC และทิศทางการทำตลาดในอนาคต

0

สิ่งหนึ่งที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลหลังจาก Generative AI ได้ผงาดสู่โลกใบนี้คือ “โน้ตบุ๊กหรือแล็ปท็อป” ที่เห็นชัดเจนว่ากำลังเดินหน้าทำตลาด AI PC หรือ Copilot+ PC อย่างต่อเนื่อง ด้วยการชูจุดเด่นหน่วยประมวลผลที่มี NPU ทำให้ประมวลผล AI ได้เร็วขึ้น ซึ่ง IDC ได้คาดการณ์ว่าภายในปี 2027 สัดส่วนการส่งมอบของ AI PC จะสูงถึง 60% จากการส่งมอบเครื่อง PC ทั้งหมดบนโลกเลยทีเดียว

และหนึ่งในแบรนด์ผู้นำที่สามารถให้ข้อมูลภาพรวมตลาดปัจจุบันได้อย่างแน่นอน นั่นคือ “ASUS” ซึ่งทีมงานได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณวิจิตรา หิรัญญการ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจคอนซูเมอร์ ผู้บริหารหญิงคนแรกแห่ง ASUS (ประเทศไทย) ที่นอกจากมาแชร์ภาพรวมตลาดโน้ตบุ๊ก AI PC ในอนาคตแล้ว ยังบอกเล่าถึงกลยุทธ์การทำตลาดในอนาคตของ ASUS รวมทั้งแนวคิดความยั่งยืน และเคล็ดลับในการก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารได้สำเร็จ มาติดตามมุมมองต่าง ๆ ของคุณวิจิตราได้ในบทความนี้

คุณวิจิตรา หิรัญญการ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจคอนซูเมอร์ ผู้บริหารหญิงคนแรกแห่ง ASUS (ประเทศไทย) 

ก่อนจะไปพูดถึงเรื่องเทรนด์ของตลาด AI PC ในปัจจุบันและอนาคตจากมุมมองของผู้บริหารทาง ASUS มารู้จักกับผู้บริหารหญิงคนแรกแห่ง ASUS ประเทศไทยกันสักเล็กน้อย กับคุณวิจิตรา หิรัญญการ หรือ คุณเบียร์ ที่เรียกได้ว่าเป็นผู้บริหารอีกท่านหนึ่งที่เติบโตมาจากจุดเล็ก ๆ ภายในบริษัท ASUS (ประเทศไทย) ด้วยการเริ่มต้นในฐานะ Sales Manager เมื่อ 15 ปีก่อน

“15 ปีของเบียร์ เบียร์เริ่มจากจุดเล็ก ๆ ใน ASUS เบียร์เริ่มจากจุดที่เป็น Sales Manager” คุณวิจิตรา หิรัญญการ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจคอนซูเมอร์ (Development Manager of Consumer Business) แห่ง ASUS (ประเทศไทย) กล่าว

จนกระทั่งเมื่อกลางปี 2024 คุณวิจิตราก็ได้ก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งผู้บริหารหญิงคนแรกของ ASUS ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะ “ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจคอนซูเมอร์” ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งตำแหน่งบริหารสำคัญของบริษัทที่ดูแลตลาดประเทศไทยในปัจจุบัน ซึ่งมีความท้าทายจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ไม่แพ้กับสถานการณ์เมื่อ 15 ปีก่อนแต่อย่างใด

“ก่อนหน้านั้นเบียร์อยู่บริษัทดิสทริบิวเตอร์มาก่อนย้ายมาเป็น Sales Manager ที่ ASUS ซึ่งอยู่ในวงการไอทีจริง ๆ ก็ 20 กว่าปีแล้ว และ ณ สถาวะตลาดตอนนั้น ต้องพูดว่า ASUS เพิ่งเริ่มต้นทำตลาด มันจึงต้องล้มลุกคลุกคลานเรื่อยมา” คุณวิจิตรา กล่าว

แม้ว่า Canalys บริษัทวิจัยตลาดเผยว่าตลาด PC ทั่วโลกได้เริ่มเห็นเทรนด์ฟื้นตัวมีโมเมนตัมเชิงบวกที่ดีในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 ที่ผ่านมา หากแต่ในบริบทประเทศไทยสำหรับตลาดแล็ปท็อปหรือโน้ตบุ๊กจากมุมของ ASUS คุณวิจิตราเผยว่าภาพรวมในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 เทียบกับปีที่แล้วนั้นตกลงไปราว 5% แต่ทั้งนี้ ก็เชื่อว่าน่าจะอยู่ในจุดที่ต่ำสุดแล้ว และเริ่มเห็นกระแสการฟื้นตัวที่ล้อไปกับเทรนด์โลกเช่นกัน 

“ภาพรวมตลาดโน้ตบุ๊กครึ่งปีแรกของปี 2024 เทียบกับปี 2023 นั้นตกลงไปราว 5% แต่ทาง ASUS ก็ยังคงสามารถรักษาสัดส่วน Market Share ให้ยังคงเป็นที่ 1 อยู่ที่ 27% ได้ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา” คุณวิจิตรา กล่าว “เรามองว่าหลัง COVID-19 มาจนถึงปีนี้ ตลาดมันเป็นขาลงมาจริง ๆ  ซึ่งคิดว่าน่าจะลงมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว” 

โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ “AI PC” ที่มีฟีเจอร์ฟังก์ชัน AI ให้ใช้งานในหลาย ๆ ฟีเจอร์ เสริมด้วยการเป็นช่วงเวลาที่ผู้ใช้งานจำนวนมากอาจเริ่มพิจารณาเปลี่ยนเครื่องใหม่พอดี จึงอาจทำให้ตลาดกลับมาคึกคักในช่วงเวลาหลังจากนี้ หากแต่ AI PC ก็ยังถือว่าเป็นช่วงเริ่มต้นและด้วยวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ก็อาจจะทำให้ผู้ซื้อยังคงลังเลที่จะเปลี่ยนเครื่องได้เช่นกัน จึงทำให้การโตขึ้นของตลาดอาจจะไม่ได้สูงไปกว่าที่ลดลงมาก่อนหน้านี้

ตัวอย่าง AI PC จาก ASUS : ASUS Zenbook S 16 UM5606

“เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่มี AI PC เข้ามาทำตลาด ต้องบอกว่าเป็นกระแสที่ดี ซึ่งพอดีเป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนเครื่องโน้ตบุ๊กใหม่กันด้วย เพราะจากช่วง COVID-19 ที่มีความต้องการสูงนั้นก็ผ่านมาประมาณเกือบ 4 ปีแล้ว”คุณวิจิตรา กล่าวเสริม “ครึ่งปีหลัง ASUS เลยคาดหวังมากขึ้น โดยจากภาพตลาดคาดว่าในปี 2025 จะมีการนำเข้าสินค้าโน้ตบุ๊กเพิ่มขึ้นราว 3% ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันยังเป็นช่วงเริ่มต้นที่เรียนรู้ใน AI PC จึงอาจจะต้องใช้เวลาในการตัดสินใจอีก”

คุณวิจิตราเผยว่าปัจจุบันตลาดเครื่องโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง (Gaming) ของ ASUS นั้นเริ่มมีคู่แข่งมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นการแข่งขันกันในทุกเซ็กเมนต์ (Segment) ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น (Entry) ไปจนถึงระดับกลางไปถึงสูง (Mid-to-High-End) จึงทำให้สัดส่วนตลาดเกมมิ่งของ ASUS นั้นลดลงไปจากก่อนหน้านี้ไปพอสมควร 

สิ่งที่เกิดขึ้นขึ้น จึงทำให้ ASUS เลือกโฟกัสไปในกลุ่มลูกค้าตลาดเกมมิ่งในระดับกลางไปถึงระดับสูงเป็นหลัก เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ทั้งความต้องการในนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพที่เหนือกว่า แต่ทั้งนี้ในระดับ Entry ทาง ASUS ก็จะยังคงมีผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดเช่นเดิม ซึ่งเชื่อว่าในปีนี้น่าจะเห็นการแข่งขันเพิ่มเติมมากขึ้นอย่างแน่นอน

“ถ้าเทียบสัดส่วนตลาดเกมมิ่งนั้นลดลงจริง ๆ คือแต่ก่อนสัดส่วนตลาดระหว่างเครื่องเกมมิ่งกับที่ไม่ใช่เกมมิ่งนั้นคือครึ่งต่อครึ่งเลย แต่ปีนี้พบว่าสัดส่วนของเครื่องเกมมิ่งเหลือ 38% เท่านั้น แต่ตัวเลขก็ยังถือว่าสูงอยู่” คุณวิจิตรา กล่าว “ASUS ยังคงเน้นเกมมิ่ง แต่ว่าเราจะเน้นไปที่ระดับ Mid-to-High เพิ่มนวัตกรรมในเรื่องการตอบโจทย์ของเกมเมอร์อย่างแท้จริง”

ด้วยกระแส Generative AI ที่ร้อนแรง จึงส่งผลให้เริ่มมีฟีเจอร์ AI ในแอปพลิเคชันต่าง ๆ มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่เกิดขึ้น ได้ทำให้เครื่อง PC มีความต้องการหน่วยประมวลผล AI ที่เร็วกว่าเดิม จึงทำให้กลายเป็น AI PC หรือ Copilot+ PC ที่มี NPU อันทรงพลังที่สามารถรัน AI บนเครื่องได้โดยไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตหรือไม่ต้องรันผ่าน Cloud ได้บางส่วนแล้ว 

หากแต่ AI PC ณ วินาทีนี้จากมุมมองของ ASUS เรียกได้ว่ายังไม่ได้เป็นที่แพร่หลายมากนัก โดยสิ่งที่แสดงให้เห็นชัดเจนเลยคือยอดขายของ ASUS ที่ปัจจุบันสัดส่วนยอดขาย AI PC ของบริษัทนั้นยังคงอยู่ที่ 3% เท่านั้นเมื่อเทียบกับยอดขายทั้งหมด ซึ่งอาจต้องให้เวลาผู้ซื้อหรือผู้ใช้งานในการเรียนรู้ทำความเข้าใจกันอีกสักพักหนึ่ง

“AI PC ตอบโจทย์บ้านเรามีผู้บริโภคอยากลองแน่นอนเพิ่มเติมมากขึ้น แต่ End User จะเรียนรู้และใช้งานได้อย่างครบครันไหม เบียร์คิดว่ามันคงยังไม่เกิดขึ้น ปีหน้าก็อาจจะยังไม่ได้เกิดขึ้นแบบแพร่หลาย” คุณวิจิตรา กล่าว 

“หากเป็นเครื่องที่มี NPU ทาง ASUS คือครองตลาด 100% ณ วินาทีนี้ แต่ถ้าหากพูดถึงสัดส่วนยอดขายระหว่างสินค้าที่มี AI ตามมาตรฐาน AI PC นับตั้งแต่มิถุนายนที่เปิดตัวจนถึงปัจจุบันเทียบกับสินค้าที่ไม่มี AI ของ ASUS ที่ขายมา จะคิดเป็นแค่ 3% เท่านั้น” คุณวิจิตรา กล่าวเสริม

คุณวิจิตราได้บอกเล่าถึงเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้ ASUS ยังคงครองใจผู้ซื้อจนทำให้ Market Share ยังคงเป็นที่ 1 อยู่ได้อย่างต่อเนื่อง นั่นคือเรื่องของประสิทธิภาพสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ที่พร้อมตอบโจทย์ได้ทุกกลุ่มมากกว่าโฟกัสแค่สินค้าที่ขายดีเพียงอย่างเดียว

“แม้ว่าคู่แข่งมีการแข่งขันในเรื่องราคาที่สูงขึ้น แต่ทาง ASUS ก็พยายามรักษาในเรื่องประสิทธิภาพของสินค้าไว้เสมอ ซึ่งบอกตามตรงว่ายากจริง ๆ” คุณวิจิตรา กล่าว “จุดแข็งของ ASUS ไม่ได้มีแค่ฟังก์ชันฟีเจอร์ AI แต่ของ ASUS จะมีเรื่องความครบไลน์อัป (Line Up) ของ Segment ไม่ใช่ว่านำเข้ามาเฉพาะสินค้าที่ขายดีอย่างเดียว ต้องเรียกว่าเราตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกระดับ เอามาครบ” 

Credit : ASUS

นอกจากผลิตภัณฑ์อันโดดเด่นแล้ว ยังมีเรื่องกลยุทธ์ในการทำให้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ปล่อยออกมาได้ในทุกปีทุกไตรมาส และเรื่องการให้บริการหลังการขายแบบ On-Site Service ที่ยาวนานขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ในลักษณะนี้ได้มากขึ้น รวมทั้งความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ที่แข็งแรง ครอบคลุมทุกแบรนด์หน่วยประมวลผล อีกทั้งพาร์ตเนอร์ ดีลเลอร์ ดิสทริบิวเตอร์ ห้างร้านสาขาต่าง ๆ ที่มีอยู่ทั่วประเทศ

“ที่สำนักงานใหญ่ของ ASUS ที่ไต้หวันนั้นมีทีมวิจัย 5,000 กว่าคน จึงทำให้ ASUS มีสินค้าออกมาใหม่ เทคโนโลยีใหม่ ในทุก ๆ ปี แล้วในแต่ละปี ASUS ก็จะพยายามแบ่งช่วงเวลา ให้มีสินค้าเข้ามาใหม่ในทุกไตรมาส”  คุณวิจิตรา กล่าวเสริม 

อีกหนึ่งส่วนที่มีผลทำให้ ASUS สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้เป็นอันดับที่ 1 นั่นคือการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ที่พร้อมตอบโจทย์ใน Pain Point ของผู้ใช้งาน ตามที่เห็นกันก่อนหน้านี้จะมีหลายผลิตภัณฑ์ที่ ASUS ออกมาตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างตรงจุดสุด ๆ เช่น หน้าจอที่ตอบโจทย์กลุ่มครีเอเตอร์ (Creator) หรือวัสดุที่ลดลายนิ้วมือได้มากขึ้น

“ASUS ปรับมาตลอด เช่น ก่อนหน้านี้ย้อนกลับไปเราเห็น Pain Point เรื่องความคมชัดหน้าจอที่กลุ่ม Creator ต้องการใช้งาน ทาง ASUS จึงปรับให้จอกลายเป็น OLED ในผลิตภัณฑ์กลุ่ม Creator เพื่อรองรับความแม่นยำของสี” คุณวิจิตรา กล่าว

“ASUS ดูอยู่ตลอดว่าผู้บริโภคขอบหรือไม่ชอบอะไรบ้าง อย่างเช่น การออกแบบมาเฉพาะลูกค้าที่ใช้ Zenbook ชอบวัสดุแต่บอกว่ามีรอยนิ้วมือง่ายมาก จึงเป็นที่มาของวัสดุ Ceraluminium ที่แข็งแรงและลดรอยนิ้วมือลงไปได้ตาม Pain Point ที่มี” คุณวิจิตรา กล่าวเสริม

คุณวิจิตราเผยว่าช่วงเวลาในไตรมาส 4 ของปี 2024 นี้จะยังคงเน้นหนักไปที่ตลาดคอนซูเมอร์ (Consumer) หากแต่จะมีรุ่นระดับองค์กร (Commercial) ออกมาด้วยเช่นกัน ซึ่งจะยังคงดำเนินการไปตาม Segment ที่แตกต่างกันเช่นเดิม

“เราจะยังคงแยกตาม Segment ของผลิตภัณฑ์เช่นเดิม อย่าง Zenbook ที่มีน้อยรุ่นในปัจจุบันแต่ปีหน้าก็จะมีหลากหลายมากขึ้น ส่วน Vivobook, Vivobook S จะยังคงอยู่เหมือนเดิม ส่วน Gaming TUF ที่เผยโฉมไปบ้างที่มีการเปลี่ยนแปลงขนาด อุปกรณ์ด้านใน ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงอีก รวมทั้ง ROG Ally X ที่เปิดตัวไปแล้ว และ ROG Phone ทั้งหมดนี้คือฐาน Consumer ทั้งหมด” คุณวิจิตรา กล่าว

Credit : ASUS All-In-One PCs

ส่วนปีหน้า 2025 นั้นอาจจะต้องรอติดตามกันต่อไป ซึ่งคุณวิจิตราเผยออกมาว่าจะมีอะไรออกมาใหม่ ๆ ทั้ง Commercial และ Consumer อีกมากในอนาคต แต่ที่ ASUS จะเน้นให้มากขึ้นคือผลิตภัณฑ์ All-in-One (AIO) PCs ที่จะต้องโจทย์ในกลุ่มตลาดธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMB) ที่ใช้งานอุปกรณ์ AIO มากขึ้นเรื่อย ๆ 

“ส่วนปีหน้าต้องเป็นเรื่องของเดสก์ท็อป AIO เดี๋ยวนี้กลุ่ม SMB กลุ่มการใช้งานในบริษัท ร้านอาหาร โรงแรม มีการใช้งานเครื่อง AIO มากขึ้น และ ASUS ยังไม่ได้เข้าในตลาด AIO แบบเต็มตัวเหมือนแบรนด์อื่น จึงทำให้ ASUS ต้องพัฒนาตรงจุดนี้ และจะเริ่มเน้นมากขึ้น โดยจะมีความหลากหลายมากขึ้น” คุณวิจิตรา กล่าวเสริม “ปีหน้าเราจะให้ความรู้กับตลาด อธิบายเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น ว่า ASUS นั้นมีข้อดีอย่างไรบ้าง เช่น ขนาด การประกอบเครื่องโดยที่ไม่ใช้น็อตหรือสกรู ซึ่งเราต้องขยายความตรงนี้มากขึ้น ทำการบ้านมากขึ้น”

จากงานวิจัยของ ASUS พบว่า Segment เครื่องโน้ตบุ๊กราคา 21,000 คือราคาที่ขายดีที่สุด ซึ่งอาจหมายความว่าเป็นราคาที่คนส่วนใหญ่พึงพอใจ จึงทำให้ ASUS จะต้องมีกลยุทธ์ในการเจาะตลาดของแต่ละกลุ่มในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ซึ่งคุณวิจิตราได้บอกเล่ากลยุทธ์ของ ASUS ตามกลุ่ม Segment ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ดังนี้ 

“ASUS จะแบ่งตามกลุ่มตลาด Segment ตามที่วิจัยไว้ว่าระดับราคาที่ 21,000 บาทคือราคาที่โอเค ซึ่งกลุ่มที่ต้องการราคาต่ำกว่านั้นก็จะต้องเน้นการทำราคา ทำโปรโมชัน ณ จุดขาย ส่วนกลุ่มระดับกลางที่เน้นประสิทธิภาพ ก็จะต้องเน้นให้ความรู้ในเรื่องจุดขายความคุ้มค่าในราคาที่สูงขึ้นว่าจะได้อะไรกลับมา เช่น วัสดุ การรับประกัน ความแข็งแรง” คุณวิจิตรา กล่าว

“ส่วนกลุ่ม High End นั้นมี 2 ส่วน คือกลุ่มที่ต้องการความหรูหรา พรีเมี่ยม บางเบา ตอบโจทย์ กับกลุ่มสาย Gaming หรือ Creator ที่ต้องการประสิทธิภาพล้วน ๆ ซึ่ง ASUS ต้องมั่นใจในประสิทธิภาพ ที่กล้าพูดได้ว่าเครื่องนั้นมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ในแต่ละกลุ่มได้จริง” คุณวิจิตรา กล่าวเสริม

เรียกได้ว่า ASUS คือหนึ่งในแบรนด์ที่ใส่ใจในเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) มาอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นว่าในหลาย ๆ รุ่น ที่กล่องบรรจุภัณฑ์ของเครื่องนั้นผลิตมาจากกระดาษรีไซเคิล อีกทั้งบางรุ่นยังสามารถนำกล่องมาประกอบกลายเป็นฐานตั้งเครื่องได้ด้วย

ตัวอย่างฐานตั้งเครื่งจากกล่อง : ASUS Zenbook S 13 OLED (2023)

“ปี 2022 ดูแลเรื่องวัสดุ เอาเครื่องเก่าที่เป็นของ ASUS มารีไซเคิลแล้วนำมาเป็นวัสดุในการผลิตใหม่ได้ สิ่งนี้สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 22% ซึ่งมีเป้าหมายจะไปให้ถึง 30% ให้ได้ปี 2025 อีกด้วย” คุณวิจิตรา กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีทั้งเรื่องการใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ในกระบวนการผลิต วัสดุที่รีไซเคิลอย่างเพิ่มรอบไซเคิล (Upcycling) การใช้ Post-Consumer Recycled Plastics (PCR) การหาโซลูชันเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน อย่างเช่นในรุ่น ExpertBook B9 หรือ Zenbook S 13 OLED นั้นเรียกว่าเป็นแล็ปท็อปที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon-Neutral Laptop) สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องความยั่งยืนของ ASUS สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ ASUS

สำหรับผู้ที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารในอนาคตไม่ว่าจะอยู่ในบริษัทในอุตสาหกรรมใด ๆ คุณวิจิตราได้ให้คำแนะนำในฐานะการเป็นอีกคนหนึ่งที่เติบโตขึ้นมาจากจุดเล็ก ๆ ของบริษัทสู่ผู้บริหารหญิงคนแรกในตำแหน่งบริหารของ ASUS ประเทศไทย โดยมีคำแนะนำที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วนดังนี้

  • ตัวเราเอง ที่ต้องมีความรับผิดชอบ ต้องลงมือทำก่อน และถ้าหากต้องการให้งานประสบความสำเร็จจริง ๆ ก็จะทำให้เกิดความพยายามขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
  • องค์กรที่เราอยู่ นอกจากตัวเองแล้ว ยังมีปัจจัยภายนอก เช่น ตัวทีมงาน เพื่อนร่วมงาน ที่เรียกว่าเป็นส่วนสำคัญอย่างมาก โดยต้องสร้างความสามัคคีที่สนับสนุนร่วมกัน ทำงานเป็นทีมเดียวกัน จับมือไปด้วยกัน ถึงจะทำให้องค์กรเติบโตไปได้

“เราต้องจับมือกันทำงานไปด้วยกันเป็นทีมเวิร์ก ถ้าองค์กรเติบโตทุกคนก็จะเติบโต ดังนั้น ต้องไม่ทำคนเดียว ไม่มีคำว่า One Man Show” คุณวิจิตรา กล่าวปิดท้าย

ทั้งหมดนี้คือบทสัมภาษณ์กับคุณวิจิตรา หิรัญญการ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจคอนซูเมอร์ แห่ง ASUS (ประเทศไทย) ที่ได้มาแบ่งปันมุมมองภาพรวมตลาดโน้ตบุ๊ก AI PC ในปีนี้และปีหน้า รวมทั้งทิศทางและกลยุทธ์การทำตลาดในอนาคตของ ASUS ที่จะเห็น AI PC มากขึ้น การทำตลาดในแต่ละ Segment ที่แตกต่างกันไป และการทำตลาด AIO ของ ASUS ที่จะรุกหนักมากขึ้น และเรื่องความยั่งยืนของ ASUS 

ที่สำคัญ คือคำแนะนำสำหรับผู้ที่กำลังจะก้าวขึ้นมาในตำแหน่งผู้บริหารในอนาคตจากคุณวิจิตรา ที่เน้นย้ำชัดเจนว่าโลกการทำงานแห่งอนาคตนั้นไม่มีทางที่จะเป็นลักษณะ “One Man Show” ได้อีกต่อไปแล้ว