งานศึกษาจาก Keck School of Medicine ณ มหาวิทยาลัย Southern California ที่ใช้ระยะเวลาหลายสิบปีเผยคนดื่มกาแฟมีแนวโน้มหลีกเลี่ยงโรคร้ายได้ดีกว่าผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟ
การศึกษาดังกล่าวนำทีมโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านเวชศาสตร์ป้องกัน Veronica W. Setiawan ทำการศึกษากลุ่มตัวอย่างมากกว่า 180,000 คนในช่วงอายุ 45 ถึง 75 ปีและเชื้อชาติต่างๆกันด้วยการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิต ครอบครัว ประวัติการรักษาตัวทางการแพทย์ และพฤติกรรมการดื่มกาแฟซึ่งมีการรายงานอย่างต่อเนื่องทุกๆ 5 ปีตลอดช่วงการศึกษา โดยมีระยะเวลาในการติดตามผลเฉลี่ยถึง 16 ปีเลยทีเดียว
ข้อมูลทั้งหมดที่ทีมงานรวบรวมได้ถูกนำมาประมวลผลร่วมกับปัจจัยอีกหลายชนิด เช่น การศึกษา และพฤติกรรมการสูบบุหรี่ พบว่าผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ 1 แก้ว ไม่ว่าจะเป็นแบบมีหรือไม่มีคาเฟอีน จะมีแนวโน้มเสียชีวิตจากโรคหัวใจ มะเร็ง โรคหลอดเลือดในสมอง เบาหวาน โรคทางเดินหายใจ และโรคไต น้อยกว่าผู้ที่ไม่ดื่มราวร้อยละ 12 และผู้ที่ดื่มกาแฟวันละ 2 ถึง 3 แก้วจะมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงการเสียชีวิตจากโรคดังกล่าวได้ร้อยละ 18
ก่อนหน้านี้เคยมีงานวิจัยตีพิมพ์หลายฉบับรายงานถึงความเกี่ยวข้องระหว่างการดื่มกาแฟและอัตราการเกิดโรคร้าย เช่น มะเร็งตับ ที่ต่ำลง แม้จะยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่ามีสารใดในกาแฟที่ก่อประโยชน์ดังกล่าว อย่างไรก็ตามทางทีมวิจัยก็ได้ระบุชัดว่าจากข้อมูลที่มีอยู่นั้นยังไม่สามารถสรุปได้ว่าการดื่มกาแฟจะทำให้อายุยืนยาวขึ้น แต่ความเกี่ยวเนื่องระหว่างสองสิ่งนี้นั้นปรากฏให้เห็นชัดเจน
“บางคนกังวลว่าการดื่มกาแฟจะส่งผลเสียต่อร่างกายเพราะกาแฟอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ อัตราการเติบโตที่ต่ำลง หรือการเกิดแผลในกระเพาะอาหารและอาการจุกเสียด แต่งานวิจัยเกี่ยวกับกาแฟส่วนใหญ่ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่ากาแฟไม่มีผลเสียต่อสุขภาพ” Setiawan กล่าว