แม้จะเป็นการขยับตัวที่ช้าไปอยู่บ้าง แต่ล่าสุด Ikea แบรนด์ที่หลายๆคนรู้จักกันดีในรูปแบบของโชว์รูมสินค้าและโกดังขนาดใหญ่ได้เผยแผนการในการก้าวเข้าสู่การขายส่งออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ e-commerce แล้ว
Torbjörn Lööf – CEO แห่ง Inter Ikea ได้เผยการตัดสินใจในการเริ่มวางจำหน่ายสินค้าในช่องทางค้าปลีกออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ e-commerce เช่น Amazon หรือ Alibaba โดยยังไม่เปิดเผยว่าจะเข้ารวมกับเว็บไซต์ค้าปลีกรายใด ซึ่งแผนการในครั้งนี้เป็นหนึ่งในความพยายามพลิกโฉมครั้งใหญ่ของแบรนด์ที่รวมไปถึงการทดลองร้านค้ารูปแบบใหม่ๆ เช่น จุดรับสินค้าภายในตัวเมืองที่ลูกค้าสามารถเข้ามารับสินค้าโดยง่าย การตั้งร้านค้าเฉพาะทางแบบ pop-up stores และการตั้ง Ikea ขนาดเล็กที่มีสินค้าและที่จอดรถจำกัด
ก่อนหน้านี้ภายในบริษัท Ikea เองได้มีกระแสการต่อต้านการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เนื่องจากกลัวว่าการวางขายผ่านเว็บไซต์นั้นจะส่งผลกระทบต่อโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จด้วยการใช้การแสดงสินค้าในห้องรูปแบบต่างๆในตัวร้านเพื่อกระตุ้นความอยากซื้อในตัวลูกค้า ซึ่งรูปแบบธุรกิจของ Ikea ดั้งเดิมนี้ยังประกอบไปด้วยการที่ลูกค้าต้องขับรถไปซื้อสินค้าและประกอบเฟอร์นิเจอร์ด้วยตัวเองด้วย
ทว่าด้วยความนิยมในการซื้อสินค้าออนไลน์ที่มากขึ้น และความตกต่ำในวงการค้าปลีก เช่น ยอดขายที่ต่ำลงของห้างสรรพสินค้าตามเมืองต่างๆของสหรัฐฯ หรือกรณีที่รุนแรงอย่างการล้มละลายของ Toy ‘R’ Us ทำให้การปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยกลายมาเป็น priority อันดับหนึ่งของยักษ์ใหญ่ค้าปลีกหลายราย ซึ่ง Ikea ก็เป็นหนึ่งในนั้น
“แต่เดิมนั้น Ikea ถูกออกแบบมาให้ value chain ส่งตรงไปที่ร้านค้าทั้งหมด สิ่งนั้นกำลังจะเปลี่ยนไปและมันกำลังจะเปลี่ยนวิธีที่เราทำธุรกิจหลายๆอย่าง เราเป็นพวกเรียนรู้เร็วและเรากำลังมุ่งไปข้างหน้า” Torbjörn Lööf กล่าว
แน่นอนว่า Ikea นั้นโดยพื้นฐานไม่ได้เป็นบริษัทที่ไม่เปิดรับเทคโนโลยีแต่อย่างใด โดยลูกค้าของ Ikea คงเคยได้สัมผัสกันไปแล้วถึงประสิทธิภาพของระบบจัดการโกดังสินค้าเบื้องหลังร้านค้าขนาดใหญ่ ระบบดังกล่าวสามารถทำนายได้ถึงปริมาณสินค้าที่ควรมีอยู่ในโกดังแต่ละวันเพื่อเตรียมสินค้าให้เหมาะสม ในขณะเดียวกันในตัวโกดังเองก็มีการนำเทคโนโลยี automation เข้ามาใช้เพื่อลดต้นทุนในการขนย้ายและจัดเก็บ
หรือในทางฝั่งของการบริการ ไม่นานมานี้ Ikea ก็เพิ่งปิดดีลเข้าซื้อ TaskRabbit เจ้าของบริการรับจ้างทั่วไปซึ่งรวมไปถึงบริการรับประกอบเฟอร์นิเจอร์ตามบ้าน ทั้งหมดนี้ยังไม่รวมถึงการเปิดตัวแอพพลิเคชันบน iOS ที่ใช้เทคโนโลยี AR ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจำลองภาพเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านตัวเองได้ผ่านภาพเสมือน
แม้ภาพรวมยอดขายในปีที่ผ่านมาของ Ikea นั้นจะมีการเติบโตขึ้นร้อยละ 5 เป็น 38,300 เหรียญสหรัฐฯ แต่ถึงกระนั้น Ikea ก็ยังไม่รีรอที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มีความสอดคล้องกับผู้บริโภคในปัจจุบัน ก็เป็นที่น่าติดตามต่อไปว่าเจ้าแห่งไอเดียอย่าง Ikea จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างในอนาคต