Google ได้ร่วมมือกับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร CyArk ในการทำสแกนภาพเลเซอร์สามมิติ เพื่อที่จะช่วยเก็บรักษาข้อมูลสถานที่ทางประวัติศาสตร์ต่างๆ รอบโลกที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหาย หรือเกิดภัยตามธรรมชาติ หรือถูกทำลายโดยฝีมือมนุษย์อย่างไม่สามารถย้อนคืนได้ โดยความร่วมมือนี้เรียกว่าโครงการ Open Heritage ซึ่งจะเป็นการใช้เทคโนโลยีสแกนเลเซอร์ของ CyArk เพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในสถานที่ทางประวัติศาสตร์เพื่อเพียงพอที่จะสร้างขึ้นมาใหม่ในโลกความจริงเสมือน (Virtual Reality) ซึ่งจะทำให้สถานที่เหล่านั้นถูกจัดเก็บและสามารถสืบค้นได้ออนไลน์ผ่านทางคอมพิวเตอร์หรือผ่านโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์ Virtual Reality ที่สามารถสวมใส่ได้
“ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย พวกเราจึงสามารถเก็บข้อมูลอนุสาวรีย์ต่างๆ ที่สามารถเก็บรายละเอียดได้มากกว่าที่ผ่านๆ มา รวมถึงข้อมูลสี เนื้อ texture พื้นผิวสัมผัสตามรูปทรง โดยใช้เครื่องสแกนเลเซอร์ที่มีความแม่นยำระดับมิลลิเมตรในสามมิติ” คุณ Chance Coughenour นักโบราณคดีดิจิทัลและผู้จัดการโครงการแผนก Google Arts and Culture กล่าว “อีกทั้งรายละเอียดที่สแกนได้มานี้สามารถใช้ในการระบุพื้นที่ที่มีความเสียหายและสามารถแนะนำส่วนที่จะฟื้นฟูได้”
Google Arts & Culture นั้นเป็นแพลตฟอร์มที่จะช่วยเก็บข้อมูลศิลปะเพื่อรักษาและสามารถเข้าถึงได้จากทั่วมุมโลก ส่วน CyArk นั้นคุณ Ben Kacyra เจ้าของนั้นได้มีแรงบันดาลใจในการสร้างองค์กรนี้ขึ้นมาหลังจากได้เห็นรูปปั้นพระพุทธรูปแห่งบามียานอายุ 1,500 ปีในอัฟกานิสถานได้ถูกทำลายลงเมื่อ พ.ศ.2544 หรือ 17 ปีก่อน ซึ่งการทำลายล้างสิ่งที่เป็นโบราณสถานนั้นคือสิ่งที่คุณ Kacyra เป็นห่วง จึงมีเป้าหมายให้ CyArk นั้นต้องการที่จะเก็บข้อมูลประวัติศาสตร์เหล่านี้ไว้ก่อนที่จะสลายไปก่อน จึงทำให้เกิดระบบเลเซอร์สแกนในเวอร์ชันที่สูงขึ้น เฉกเช่นกับการถ่ายภาพความละเอียดสูงด้วยโดรนและกล้อง DSLR
สถานที่หนึ่งที่ได้ดำเนินการไปแล้วก่อนหน้านี้คือวัด Ananda Ok Kyaung ในประเทศพม่า ซึ่งได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อปี พ.ศ.2559 ที่ผ่านมา โดย CyArk ได้จัดการเลเซอร์สแกนสถานที่ก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหว แล้วเปิดประสบการณ์ใหม่ให้สามารถเที่ยวชมผ่านระบบสามมิติที่ตอบโต้ได้ (interactive 3D) นอกจากวัด Ananda Ok Kyuang แล้ว ยังมีที่อื่นๆ อีก 24 แห่งจาก 18 ประเทศรอบโลก เช่น พระราชวัง Azm ในประเทศซีเรีย ชีเชตอิตซา (Chichen Itza) ในประเทศเม็กซิโก
โดยช่วงเวลาที่ผ่านมา Google และ CyArk ได้สร้างร่วมมือกับ 1,500 พิพิธภัณฑ์จาก 70 ประเทศในการจัดเก็บข้อมูลเหล่านั้นใน Virtual Reality อีกทั้งยังมีแผนที่จะปล่อยข้อมูลโมเดลออกมาเพื่อให้นักวิจัยหรือหน่วยงานที่สนใจสามารถที่จะดาวน์โหลดข้อมูลไปใช้งานเพื่อสร้างแอปพลิเคชัน หรือเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลในการหาทางที่จะช่วยรักษาและบูรณะสถานที่จริงได้ ซึ่งโมเดล Open Heritage ต่างๆ นี้จะออนไลน์บน Google Arts and Culture ที่มีแอปอยู่บนทั้ง iOS และ Android โดยโทรศัพท์นั้นจะต้องรองรับระบบโลกความจริงเสมือนผ่านแพลตฟอร์ม Google Daydream