Bossa Nova Robotics ประกาศยอดระดมทุน 29 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อหนุนหุ่นยนต์ตรวจสินค้าคงคลังในร้านค้าทั่วไปและร้านค้าปลีกขนาดใหญ่อย่าง Walmart ซึ่งหุ่นยนต์ Bossa Nova สแกนชั้นจำหน่ายสินค้าได้วันละ 3 ครั้งในร้าน Walmart 50 สาขาทั่วรัฐแคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา เท็กซัส เพนซิลเวเนีย และอาร์คันซอ Bossa Nova ยังเผยอีกว่า Flex จะเข้ามาเป็นหุ้นส่วนผู้ผลิตเพื่อเร่งการผลิตหุ่นยนต์ด้วย
การระดมทุนครั้งนี้จะนำไปใช้ขยายกิจการระหว่างประเทศ มุ่งพัฒนาซอฟต์แวร์ ให้ข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นแก่ลูกค้า และแสวงหาโอกาสการใช้งานหุ่นยนต์ในร้านค้าปลีกขนาดเล็ก
Martin Hitch หัวหน้าฝ่ายธุรกิจของ Bossa Nova ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ทางบริษัทจะลงทุนด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์มากขึ้น และเน้นเรื่องข้อมูลโดยเฉพาะ ดังนั้น บรัษัทจึงเห็นโมเดลธุรกิจในรูปแบบว่า “จะสร้างมูลค่าจากข้อมูลที่มีอยู่มากได้อย่างไร” แทนที่จะทำในรูปแบบว่า “จะสร้างหุ่นยนต์ต่างชนิด ที่ทำงานประเภทแตกต่างกันออกไปได้อย่างไร”
หุ่นยนต์ของ Bossa Nova ทำงานได้โดยการรวมรูป RGB ง่ายๆ และรูปพอยต์คลาวด์ (point-cloud image) เข้าด้วยกันเพื่อเข้าใจความลึกและให้ข้อมูลสินค้าคงคลังกับร้านและแจ้งเตือนหากมีสินค้าต้องเติม หุ่นยนต์นี้เคลื่อนที่ด้วยล้อ 4 ล้อ ด้วยความเร็ว 0.4 ไมล์ (ประมาณ 0.64 กิโลเมตร) ต่อชั่วโมง หรือ 20 เซนติเมตรต่อวินาที และถูกตั้งระบบให้ทำงานในช่วงเวลาที่มีลูกค้าน้อย อย่างไรก็ตาม ตัวหุ่นยนต์ก็ใช้ระบบ lidar และตัวเซ็นเซอร์ตรวจจับวัตถุได้เพื่อเลี่ยงการชนหรือทำให้ใครบาดเจ็บ หากมีคนอยู่ละแวกนั้น หุ่นยนต์ออกจะวางแผนเส้นทางเลี่ยงไป เรียกหาความช่วยเหลือระยะไกลจากผู้คุมหุ่นยนต์ หรือเคลื่อนที่ไปในทิศทางอื่นแทน
ในการทดลองช่วงแรก หุ่นยนต์ได้เดินทางมาเป็นระยะทาง 7,000 ไมล์ (ประมาณ 11,000 กิโลเมตร) และเรียนรู้ที่จะนำทางในร้านค้าได้ดีขึ้น เพราะเวลาลูกค้าเดินตามร้านขายของ ก็มักจะเดินๆ หยุดๆ หรือเปลี่ยนทิศทางการเดินกะทันหันโดยไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า ไม่เหมือนกับรถยนต์อัตโนมัติที่วิ่งบนถนน
ยอดรวมระดมทุน 29 ล้านเหรียญดอลลาร์นำโดย Cota Capital ร่วมกับ China Walden Ventures และ LG Electronics รวมทั้งผู้ลงทุนเดิมอย่าง Intel Capital, Lucas Venture Group และ WRV Capital
Bossa Nova Robotics มีพนักงาน 185 คน และออฟฟิศในเมืองซานฟรานซิสโก พิตส์เบิร์ก และเมาน์เทนวิว ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 2558 ได้มีรายได้ถึง 70 ล้านดอลลาร์แล้ว