หลังเริ่มทดลองระบบ proof-of-concept ไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมา IBM และ Maersk ก็ได้ทำการเปิดตัว TradeLens แพลตฟอร์มติดตามสถานะการขนส่งชิปปิ้งที่ร่วมกันพัฒนาขึ้นบนเทคโนโลยี blockchain อย่างเป็นทางการ โดยมีธุรกิจขนส่งกว่า 94 รายในท่าเรือมากกว่า 20 แห่งทั่วโลก ร่วมเข้าใช้ระบบในช่วงเปิดตัว
ในการขนส่งชิปปิ้งแต่ละครั้งอาจประกอบไปด้วยเอกสารและการเดินทางของสินค้าจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งหลายรอบ การจัดตั้งระบบที่ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถอัพเดตและเข้าถึงรายละเอียดข้อมูลและเอกสารทั้งหมดได้ในที่เดียวจึงจะช่วยให้กระบวนการทั้งหมดสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งกับบริษัทผู้ผลิตต้นทาง บริษัทขนส่ง ผู้ดูแลท่าขนส่ง และหน่วยงานผู้รับผิดชอบด้านกฎหมายและภาษี และ blockchain ได้กลายมาเป็นทางเลือกใหม่สำหรับระบบเช่นนี้ เพราะนอกจากจะสามารถบันทึกข้อมูลและป้องกันการเปลี่ยนแปลงได้แล้ว ยังมีกลไกการกำหนดสิทธิและรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมแก่การเก็บรักษาเอกสารที่มีความสำคัญ
ระบบติดตามสถานะ TradeLens นี้ทำงานโดยการบันทึกรายละเอียดทั้งหมดของการขนส่งตั้งแต่จุดที่สินค้าถูกส่งออกจากต้นทาง เดินทางมาถึงยังท่า และถูกส่งไปยังจุดหมายปลายทางเสร็จสิ้น โดยผู้ที่เกี่ยวข้องภายใน supply chain ของสินค้าจะได้รับสิทธิเรียกดูข้อมูลการขนส่ง เช่น เวลาที่ได้รับ หรือเอกสารศุลกากร ของสินค้าชิ้นนั้นๆได้ในทันที ซึ่งนับเป็นการพัฒนาขึ้นจากเดิมที่ธุรกิจขนส่งต้องพึ่งพาเอกสารกระดาษและระบบ EDI (electronic data interchange) เทคโนโลยีเก่าที่ถูกพัฒนาขึ้นในยุค 1970s ซึ่งไม่สามารถตอบโจทย์ธุรกิจในปัจจุบันได้ดีอีกต่อไป
นอกจากการกรอกข้อมูลเข้ามายังระบบเพื่อเก็บลงใน blockchain แล้ว แพลตฟอร์ม TradeLens ยังมี API เพื่อเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆที่ธุรกิจใช้งานอยู่ ทำให้ธุรกิจภายใน supply chain สามารถส่งและรับข้อมูลจาก TradeLens ออกไปแสดงผลได้โดยง่ายอีกด้วย
ในช่วงเปิดตัว TradeLens ได้รับความสนใจเข้าร่วมใช้งานจากธุรกิจขนส่ง 94 ราย รวมไปถึงท่าขนส่งมากกว่า 20 แห่งในนานาประเทศ เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ และซาอุดิ อารเบีย ที่ได้บรรลุข้อตกลงใช้งานแพลตฟอร์มนี้ โดยปัจจุบันมีรายการขนส่งที่ถูกบันทึกลงในระบบ TradeLens กว่า 160 ล้านรายการแล้ว
Peter Levesque – CEO ของ Modern Terminals ผู้ดำเนินการท่าขนส่งคอนเทนเนอร์รายใหญ่ของฮ่องกงกล่าวว่าการเริ่มใช้เทคโนโลยี blockchain เข้าแก้ปัญหาการส่งต่อเอกสารสำหรับการชิปปิ้งทั่วโลกนั้นเป็นจุดเริ่มต้นอันดี และเชื่อว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะสามารถเข้ามาช่วยปรับปรุงอุตสาหกรรมขนส่งและลอจิสติกส์ได้อีกมากในอนาคต
